Fiction : Aldnoah.Zero
Title : Follow your heart, Follow my heart
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho
Rating : PG
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -
‘อุ่น...
มือคู่นั้นอบอุ่น... เหมือนพี่ยูกิเลย’ อินาโฮะหลงอยู่ในห้วงแห่งภวังค์
ความรู้สึกจากฝ่ามือคู่นั้นยังคงตราตรึง
กับคนที่พร่ำแต่ส่งสายตาว่าเกลียดกันออกมาอย่างชัดเจนแบบนั้นทำไมถึงมาช่วยกันนะ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ในชั่วโมงเรียน อินาโฮะเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันวาน
แก้มขาวนวลเริ่มแดงปลั่งขึ้นมาน้อยๆ
เมื่อเผลอนึกไปอีกว่าเจ้าค้างคาวในตอนนั้นดูเท่ขนาดไหน
“...ซึกะ ไคซึกะ... ไคซึกะ อินาโฮะ!” อาจารย์หน้าชั้นเรียนตะโกนเรียกอินาโฮะหลังจากจับได้ว่าอินาโฮะไม่มีความสนใจในวิชาเรียนของตนเองเลยแม้แต่น้อย
“ครับ”
อินาโฮะขานตอบรับหลังจากถูกเรียกสติที่เตลิดไปไกลกลับเข้ามา
“ออกมาหน้าชั้นทำโจทย์ข้อนี้ให้ดูหน่อยซิ
คิดว่าเป็นนักเรียนทุนที่สอบได้อันดับหนึ่งของชั้นตอนเข้าเรียนจะมีสิทธิ์ไม่สนใจเรียนวิชาของฉันได้อย่างนั้นรึ!”
คำบ่นยืดยาวของอาจารย์ประจำวิชาแทบไม่เข้าหูอินาโฮะเลยด้วยซ้ำ
เขาลุกขึ้นยืนเดินไปหน้าชั้นเรียนจรดชอล์กแท่งสีขาวตอบโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้อย่างแตกฉาน
ละเอียด และเข้าใจง่ายกว่าการสอนของอาจารย์ประจำวิชาเสียอีก อินาโฮะเดินกลับเข้าไปนั่งที่โดยไม่แสดงอาการใดๆ
นิสัยนั้นทำให้อาจารย์ประจำวิชารู้สึกเหมือนโดนหักหน้าและโดนดูถูก
เขาไม่ชอบนิสัยของเด็กคนนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว
ทั้งหยิ่งผยองและทำราวกับคนอื่นไม่มีค่าในสายตา
สักวันเขาจะต้องสั่งสอนเด็กคนนี้ให้หลาบจำจนต้องอ้าปากอ้อนวอนขอร้องแทบเท้าเขา!
อินาโฮะไม่รู้เลยว่าใบหน้าที่แทบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ของเขาจะทำให้คนอื่นรอบตัวมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเขา
ถึงแม้อินาโฮะจะเผลอเหม่อในชั่วโมงเรียนนั่นก็ไม่ได้กระทบถึงผลการเรียนของเขานัก
ตำราทุกวิชาที่ใช้เรียนในเทอมนี้ถูกเขาเปิดอ่านจนหมดก่อนเปิดเทอมด้วยซ้ำ
โรงเรียนอัลโนอาห์เป็นโรงเรียนที่หมายมั่นปั้นให้เด็กนักเรียนเป็นอัจฉริยะจึงไม่แปลกที่การเรียนการสอนในเกือบทุกคาบเรียนจะมีแต่ความเคร่งเครียดและกดดัน
ใครสอบได้คะแนนน้อยกว่าเกณฑ์จะถือว่าเป็นมนุษย์เกรดต่ำและถูกคัดออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้ทันที
อินาโฮะคิดว่ามันไร้สาระที่ตัดสินคนเพยงแค่เกรดและคำตอบในกระดาษข้อสอบ
มนุษย์ทุกคนมักมีความถนัดต่างกันไป
อย่างพี่สาวของเขาการเรียนอยู่ในระดับปานกลางแต่เก่งเรื่องการเข้าสังคมและการจูงใจคน
แต่ถึงแม้เขาจะมีความคิดย้อนแย้งกับกฎระเบียบที่ไม่หย่อนยานนี้เขาก็ไม่ได้ต่อต้านมัน
เพราะสิ่งที่เขาหวังใช้ประโยชน์จากมันก็คือชื่อเสียงเพื่อผลักดันอนาคตของเขาให้รุ่งโรจน์
สามารถหางานดีๆ เงินเดือนสูงๆ
ทำเพื่อหวังจะกลายเป็นฝ่ายที่สามารถเลี้ยงดูพี่ยูกิให้อยู่อย่างสุขสบายได้
หลังเลิกเรียนเป็นเวรทำความสะอาดห้องของอินาโฮะร่วมกับเพื่อนอีกสองคน
แต่ทว่าสองคนนั้นโดดหนีไปจึงทำให้เหลือเพียงเขาทำทุกอย่างเพียงคนเดียว
อาทิตย์อัสดงพร้อมกับโต๊ะตัวสุดท้ายถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย
อินาโฮะหยิบกระเป๋าตั้งใจหันกายออกจากห้อง แต่แล้วร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งได้มาขวางกันทางออกนั้นไว้
อินาโฮะจำได้ดีว่าคนๆ นี้คืออาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ที่สอนเขาเมื่อคาบเช้า
“เธอจะกลับแล้วรึ?”
ใบหน้าดำคล้ำของอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์และบรรยากาศรอบตัวแปลกไปทำให้อินาโฮะรู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง
มือกำสายกระเป๋าสะพายบ่าแน่นเพื่อปลุกใจตัวเองไม่ให้เผลอแสดงอาการตัวสั่นกลัวออกไป
แต่กระนั้นก็ยังปิดไม่มิดเมื่ออาจารย์ตรงหน้าย่างก้าวเข้ามาใกล้จนอินาโฮะเผลอเดินถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
“อาจารย์มีธุระอะไรเหรอครับ
เย็นป่านนี้แล้ว” อินาโฮะทำใจกล้าถามออกไป
“อ้อ ใช่
เย็นป่านนี้แล้ว ไคซึกะคุง เธอเป็นเด็กหัวไวเรียนรู้เร็ว
ไม่ว่าอาจารย์จะออกข้อสอบยากเพื่อเธอขนาดไหนเธอก็แก้โจทย์ปัญหาได้หมด เด็กคนอื่นๆ
ต่างก็ได้คะแนนต่ำเพราะเธอเพียงคนเดียว เพราะฉันพยายามออกข้อสอบมาเพื่อเอาชนะเธอ
ฉันไม่ชอบท่าทางหยิ่งทะนงของเธอ เธอมักจะมองอาจารย์อย่างฉันด้วยสายตาดูถูกเสมอ...”
“ผมไม่ได้...”
“แต่ว่าในที่สุดฉันก็คิดออก
อา จริงสิ เด็กนักเรียนอัจฉริยะอย่างเธอยังไงซะวันๆ
ก็คงเอาแต่นั่งอ่านตำราคงไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นแน่
ไคซึกะคุงอาจารย์มีเรื่องจะต้องสอนเธอเพิ่มเติมซะแล้ว
เธอจะช่วยอยู่เรียนบทเรียนพิเศษกับอาจารย์จะได้ไหม”
“ผม...ต้องรีบกลับไปทำกับข้าวครับ”
ความรู้สึกของอินาโฮะร้องเตือนว่าให้รีบหนีจากคนๆ นี้โดยด่วน
ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องไม่ดีอะไรตามมาก็ได้
อินาโฮะหันกายออกวิ่งหมายมั่นไว้ว่าจะหนีออกทางประตูหลังห้อง
แต่ความไวของเขาก็แพ้ให้กับคนร่างสูงกำยำกว่า เขาถูกกระชากเหวี่ยงลงบนพื้นห้องกระแทกโต๊ะเรียนหลายตัวล้มลงจนเกิดเสียงโครมครามดังลั่น
อินาโฮะงอตัวด้วยความจุกระบมทั่วร่าง โดยไม่ทันตั้งตัวเงาดำทาบทับลงบนตัวเขา
จับไหล่เขาแนบแน่นลงบนพื้นห้อง
เรื่องแบบนี้...
เรื่องแบบนี้...
ไม่! ไม่!!
อินาโฮะไม่สามารถควบคุมอาการสั่นกลัวได้อีกต่อไป
เขาออกแรงตะเกียกตะกายขัดขืนสุดฤทธิ์
เล็บคมที่ยังไม่ได้ตัดในสัปดาห์นี้ข่วนเข้าที่ใบหน้าหยาบกร้านนั้นเต็มแรง
ฝ่ายตรงข้ามเผลอปล่อยร่างของอินาโฮะด้วยตกใจ
แต่เมื่อตั้งสติได้เขารีบหันไปคว้าตัวอินาโฮะด้วยความโกรธคูณเท่าทวีแล้วเหวี่ยงลงบนพื้นอีกครั้งอย่างแรง
อินาโฮะที่หนีไม่พ้นถูกเหวี่ยงลงอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้หลังคอเขาบังเอิญไปถูกกระทบกระแทกขาโต๊ะที่ล้มระเนระนาดเข้าผิดจุดพอดิบพอดีทำให้สติของอินาโฮะถูกพรากไปในทันที
ในตอนนี้มีเพียงร่างของอินาโฮะที่นอนแน่นิ่งกับรอยยิ้มหอบอย่างเย้ยหยันของอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์
อาคารเรียนยามเย็นปกติมักจะร้างผู้คนเสมอทำให้อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์คนนี้มั่นใจได้ว่าต่อให้อินาโฮะจะหนีออกไปจากห้องได้แต่ก็ไม่อาจหนีเขาออกจากอาคารเรียนนี้ได้แน่นอน
เขาคร่อมก้มตัวลงไปคร่อมทับอินาโฮะอีกครั้ง
มือสากปลดกระดุมเสื้อนักเรียนเผยร่างกายขนาดสมส่วนของอินาโฮะ
เขาลงมือสัมผัสไปตามร่างกายและใบหน้าของอินาโฮะอย่างย่ามใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ
แล้วถึงจะผิดแผนไปหน่อยที่ว่าในตอนแรกจะจัดการอินาโฮะตอนมีสติให้ร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องเรียนจนหนำใจแล้วค่อยทำใช้หมดสติด้วยเครื่องช๊อตไฟฟ้า
จากนั้นค่อยลากตัวไปไปกักขังไว้ที่บ้านของเขาแล้วอัดคลิปแบล็คเมล์เพื่อข่มขู่
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสลบไปเองแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้
พอจัดการพรากความบริสุทธิ์ของเด็กตรงหน้าจนเขาพอใจแล้วค่อยลากตัวกลับบ้านก็ถือว่าไม่แย่นัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
นักเรียนคนไหนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเขาจะจัดการสั่งสอนให้ศิโรราบอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าเขาทุกราย
หากนักเรียนคนใดหน้าตาไม่ถูกตาต้องใจเขา
เขาจะใช้กำลังซ้อมเด็กคนนั้นจนต้องเข้าโรงพยาบาลและมอบความอัปยศให้ด้วยการอัดคลิปตอนเด็กคนนั้นโดนพวกใช้แรงงานที่เขาจ้างมารุมกระทำชำเราทางเพศ
แต่ถ้าหากเป็นเด็กที่หน้าตาถูกตาต้องใจเขา เขาจะเก็บเด็กคนนั้นไว้ละเล่นเองจนกว่าจะเบื่อ
ถึงเขาจะเกลีดนิสัยของอินาโฮะแต่ก็ไม่ได้เกลียดใบหน้าของอินาโฮะ
เพราะอย่างนั้นอินาโฮะจึงจะต้องถูกเขาเก็บไว้ละเล่นจนสาแก่ใจ
พอนึกถึงใบหน้านองตาในสภาพไร้อาภรณ์กำลังก้มลงอยู่แทบเท้าเขาอย่างไร้ศักดิ์ศรีมันทำให้อารมณ์กำหนัดของอาจารย์วัยห้าสิบสี่ปีพุ่งสูงขึ้นทันควัน
เขาก้มลงประทับรอยจูบลงตามร่างกายของอินาโฮะอย่างหื่นกระหาย
ความหน้ามืดตามัวทำให้เขาไม่รับรู้เลยว่าได้มีใครบางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องที่เขาหันหลังให้
“แกทำอะไรน่ะ!”
.
.
.
ตึก
ตึก
ตึก
ทางเดินอ้างว้างภายในอาคารเรียนดังสะท้อนเสียงฝีเท้าคู่หนึ่ง
ดวงอาทิตย์ยามนี้ใกล้ตกดินเต็มทีทำให้ท้องฟ้าสีแดงฉานเริ่มถูกสาดทับด้วยสีดำ เจ้าของเสียงฝีเท้าหยุดยืนราวกับคิดอะไรบางอย่างพลางก้มลงมองคนที่เขากำลังอุ้มอยู่ในอ้อมแขนในยามนี้
พอคิดแล้วคิดอีกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ก็เกรงจะถูกคนทำร้ายอีก
แต่ถ้าจะพากลับบ้านเจ้าตัวก็ไม่รู้ทาง
สุดท้ายจึงตัดสินใจพาตัวปัญหานี้กลับบ้านตัวเองนับว่าน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด
และแล้วฝีเท้าที่หยุดลงก็เริ่มออกเดินอีกครั้ง...
+++
“สเลน! ทางนี้ ส่งมาทางนี้!”
ยามอาทิตย์อัสดง
เพื่อนร่วมทีมเร่งเร้าให้สเลนส่งบอลไปให้ ในตอนนี้พวกเขากำลังทำกิจกรรมชมรม
เขาอยู่ทีมบาสเก็ตบอลชาย และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะมีการแข่งขันกันในแต่ละโรงเรียนเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
สเลนไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนร่วมทีมมุ่งหน้าฝ่าด่านป้องกันของทีมฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในที่สุดเขาก็กระโดดทำดังค์ยัดลูกบอลลงห่วงอย่างสวยงาม
เสียงกรี๊ดของสาวรุ่นเดียวกันดังกระหึ่มอยู่ข้างสนามเพราะไม่อาจทนภาพที่พวกเธอเหล่านั้นคิดว่าเท่บาดใจของสเลนได้ไหว
“โธ่
ทำไมไม่ส่งบอลนั่นให้ฉันเล่า นายจะบุกเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นทำไมพ่อคนเนื้อหอม”
“สุดท้ายบอลก็ไม่โดนชิงไปนี่ครับ
รุ่นพี่”
“นายนี่มัน...
คราวหลังก็อย่าบุ่มบ่ามแบบนี้อีกล่ะ
ตอนแข่งกับโรงเรียนอื่นถ้านายประมาทแบบนี้ละตายแน่ โรงเรียนเราเน้นแต่วิชาการไม่สนสนับสนุนกีฬาเท่าที่ควรทำให้เข้ารอบไปไม่ถึงไหนสักที
แต่ก็ไม่เคยแพ้ตั้งแต่รอบแรกหรอกนะ”
“ครับๆ
วันหลังผมจะให้รุ่นพี่ได้อวดสาวบ้างก็ได้ครับ อ้อ
แล้วก็วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีลืมตั้งอัดรายการที่อยากดูตอนเย็นไว้”
“ได้สิ นี่ก็เย็นใกล้ค่ำมากแล้ว
เดี๋ยวพวกเราซ้อมกันอีกแค่รอบเดียวก็จะกลับแล้วเหมือนกัน นายจะไปก่อนก็ไม่มีปัญหา”
หลังจากได้รับคำอนุญาตแล้วสเลนจึงกลับเข้าห้องชมรมไปเปลี่ยนชุดที่ชุ่มเหงื่อเป็นชุดนักเรียนแทน
เขาสำรวจสิ่งของในกระเป๋าเพื่อตรวจสอบเล็กน้อยและพบว่าตัวเองลืมหยิบสมุดการบ้านวิชาวิทยาศาสตร์มาจึงจำต้องกลับไปยังห้องเรียนอีกครั้ง
หลังจากหยิบสมุดการบ้านใส่ลงไปในกระเป๋าอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนักเสียงของล้มลงจากห้องด้านของก็ได้ดึงดูดความสนใจของเขาไปในทันที
เนื่องจากยามเย็นภายในอาคารจะเงียบสงัดมากทำให้ได้ยินเสียงทุกสิ่งทุกอย่างแจ่มชัด
ไม่นานนักเสียงเหมือนของบางอย่างล้มครั้งที่สองก็ตามมา
สเลนตัดสินใจเดินไปยังห้องด้านข้างพลางคิดว่าหากเป็นพวกก่อกวนเขาจะจัดการและจับส่งผู้อำนวยการทันที
แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นภาพอาจารย์ชายคนหนึ่งกำลังคร่อมอยู่บนตัวของนักเรียนคนหนึ่ง
ร่างของนักเรียนคนนั้นถึงแม้จะไม่ได้ขัดขืนเพื่อบ่งบอกถึงความไม่ยินยอมแต่มันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเช่นกัน
เพียงเท่านั้นก็พอทำให้สเลนรู้ว่านักเรียนคนนั้นไม่มีสติเหลืออีกต่อไปแล้ว
และยิ่งสภาพห้องที่โต๊ะระเนระนาดแบบนี้บ่งบอกถึงสภาพการณ์ว่านักเรียนคนนั้นมีการดิ้นรนต่อสู้จนกระทั่งถูกทำร้ายจนสลบไปก็ทำให้สเลนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานแล้วยัดมันเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง
“แกทำอะไรน่ะ!”
พอตะโกนออกไปแบบนั้น อาจารย์ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีก็หันมามองเขาทันควัน
เป็นอาจารย์ที่สอนวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง
“ทำถึงมาอยู่ที่นี่สเลนคุง
ย่ำเย็นค่ำแบบนี้แล้วไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง เป็นเด็กไม่ดีเอาซะเลยนะ”
“ถ้าผมกลับบ้านเร็วก็คงไม่เห็นอาจารย์ทำเรื่องผิดจรรยาบรรณสิครับ”
“เธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วปล่อยเรื่องนี้ไปได้ไหมสเลนคุง”
“เห็นทีคงจะไม่ได้ครับ
ถ้าผมแจ้งเรื่องนี้กับทางโรงเรียนผมจะได้คะแนนพิเศษเพิ่ม
เหยื่อชิ้นโตแบบนี้ถ้าปล่อยไปผมคงโง่จริงๆ ”
หลังสิ้นประโยคสเลน
อาจารย์คณิตศาสตร์หยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาพร้อมพุ่งตัวเข้าโจมตี
สเลนยกแขนขึ้นปัดได้ทันและหลังจากนั้นก็กลายเป็นการต่อสู้อย่างอุตลุด
ในตอนแรกคนทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างสูสี หมัดแลกหมัด ล้มลุกคลุกคลาน
จนในที่สุดความปราชัยก็ปรากฏแก่ผู้เป็นอาจารย์
สเลนถ่มเลือดลงบนพื้นใช้แขนเสื้อเช็ดปาก
จ้องมองคนที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยสายตาดุดัน
จากนั้นจึงหันกายไปสำรวจผู้เสียหายในคดีนี้กลับต้องพบว่าคนๆ
นั้นคือคนที่เขารู้จักและพบหน้ากันเมื่อวานนี้ จู่ๆ
อารมณ์คุกรุ่นที่เริ่มดับมอดลงได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง...แถมยังรุนแรงเสียด้วย
สเลนหันไประบายโทสะกับร่างสะบักสะบอมของอาจารย์จนจำสภาพเดิมไม่ได้
รองเท้าของเขาเกราะกรังไปด้วยเลือดของอีกฝ่าย
ต่อให้ฆ่าให้ตายความคับแค้นนี้ก็คงไม่มอดดับลงง่าย
เขาจะไม่ให้อภัย...ไม่ให้อภัยคนที่มารังแกเจ้าสีส้มของเขา คนที่สามารถรังแกเจ้าสีส้มได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น!
คนที่มาทำร้ายเจ้าสีส้มเขาจะทำให้มันรู้สึกอัปยศอดสูไปชั่วชีวิต!!
“คุณนี่มันมีฟีโรโมนดึงดูดพวกโรคจิตอะไรทำนองนั้นหรือไง”
สเลนบ่นอุบหลังจากโยนอินาโฮะลงบนเตียงอย่างไม่คิดทะนุถนอมอย่างใดทั้งสิ้น
เหตุการณ์เมื่อวานก็ดีเหตุการณ์วันนี้ก็ดี ทำไมถึงมีแต่ผู้ชายเข้าหาหมอนี่กัน “ช่างเถอะ
ยังไงเดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้แล้วกัน”
หลังจากจัดการเช็ดตัวอินาโฮะเรียบร้อยและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอขงเขาให้ใหม่แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอินาโฮะก็ดังขึ้น
สเลนเป็นฝ่ายรับสายและพบว่าคนที่โทรฯ มาคือพี่สาวของอินาโฮะ
เขาโกหกอีกฝ่ายไปว่านาโอะคุงที่อีกฝ่ายเรียกเป็นเพื่อนเขาและมาเล่นที่บ้านเขาจนเผลอหลับไปแล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนาโอะคุงจะพักอยู่ที่บ้านของเขาหนึ่งคืน
หลังจากเคลียร์ปัญหาให้อินาโฮะไปได้อีกหนึ่งเขาตัดสินใจจะเอาเสื้อผ้าของอินาโฮะไปซัก
และขณะนั้นเอง...
แกร๊ง!
สร้อยอันแสนคุ้นตาเส้นหนึ่งได้หล่นลงมาจากกระเป๋าเสื้ออีกข้างหนึ่ง
เสื้อตัวนี้เป็นของอินาโฮะ...
สร้อยคอนี้เป็นของที่เขามอบให้อัสเซลัม... อัสเซลัมได้หายตัวไปสักพักแล้ว...
“หืมมมม”
สเลนลากเสียงยาวต่ำก้มลงเก็บสร้อยสีเงินขึ้นมา สาตาปกติเปลี่ยนไปจนน่าขนลุก
มันตวัดมองคนบนเตียงอย่างเย็นชา คมกริบจนราวกับจะสามารถเชือดเฉือนร่างของคนๆ
หนึ่งให้แยกออกเป็นชิ้นๆ ได้
“ดูท่าว่าผมกับคุณคงต้องมีเรื่องคุยกันอีกยาว”
จะไม่ปล่อยไปจนกว่าจะได้คำตอบ!!!
ตอนที่ 5
ฮีโร่
[จบ]
+++++++++++++++++++
มาต่อแล้วค่าหลังจากห่างหายไปนาน ตอนนี้รีบปั่นมากค่ะ เพราะจู่ๆอารมณ์อยากแต่งเรื่องนี้ต่อก็ผุดขึ้นมาซะงั้น(ทั้งๆทีการบ้านท่วมหัว)
เนื้อหาช่วงหลังๆนี้รีบพิมพ์มากค่ะ คือดึกแล้ว เอ๊ย! เช้าแล้ว และต้องตื่นมานั่งปั่นการบ้านแบบเร่งด่วนมากในวันพรุ่งนี้ ทำให้ลดบทสนทนาบางส่วนมาเป็นบทบรรยายแทนและอาจมีคำผิดเยอะเพราะแต่งเสร็จแล้วไม่ได้อ่านทวนเลยค่ะ แต่งเสร็จปุ๊บเอามาลงปั๊บ สามารถทักท้วงได้นะคะเรื่องจุดไหนผิดบ้าง เราจะได้แก้
ว่าแล้วก็เอาภาพชูใจมาแปะให้ได้ชมกันค่ะ ส่วนเครดิตก็เอ่อ... save มานานแล้วจริงๆเลยจำไม่ได้ค่ะ แต่ก็น่าจะอยู่ในเว็บ pixiv ของนักวาดสักคน
หมายเหตุ : ภาพประกอบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องตอนนี้นะคะ แต่สภาพโฮะตัวช้ำๆแบบนี้จะจิ้นว่าโฮะในตอนนี้สภาพคล้ายแบบนี้ก็ได้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น