Fiction : Shingeki no kyojin (Attack on Titan)
Title : เนื้อคู่ ประตูไหนดี
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : All Eren
Rating : PG-15
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน แยกแยะออกว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี
Note : เป็นฉบับที่แก้ไขสำนวนกับคำผิดแล้ว, เรทไม่แน่นอน จะเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับตอนนั้นๆ
ตอนที่
2
เส้นทางสายเปลี่ยวเป็นเส้นทางประจำที่รีไวใช้เดินเท้ากลับที่พักอาศัยเท่านั้น
แมงเม่าหลายร้อยตัวต่างบินรุมล้อมแสงสว่างจากเสาไฟดวงเล็กๆ สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดโชยอ่อนกระทบร่างกายแกร่ง
ความหนาวเย็นของมันหาได้ระคายผิวของรีไวแม้แต่น้อย
แต่แล้วคนที่กำลังเดินรับลมเล่นอยู่ก็ต้องหยุดชะงักฝีท้าวที่กำลังจะก้าวเดิน ดวงตาสองข้างหลับลง
เพ่งสมาธิไปไว้ที่หูทั้งสองข้าง สายลมอีกระลอกพัดโชยมาพร้อมกับน้ำเสียงสะอื้นไห้และเสียงหัวเราะอย่างย่ามใจของชายหลายคน
รีไวลืมตาขึ้นมาหันไปมองต้นเหตุแห่งเสียงที่สายลมชักนำ
ร่างเล็ก 160 เซ็นฯ เดินลงไปข้างทางแหวกพุ่มหญ้ารกชัฏที่สูงกว่าตนออก
ยิ่งเดินเข้าไปในทุ่งร้างก็ยิ่งได้ยินเสียงนั้นแจ่มชัดขึ้น เป็นเสียงของใครบางคนกำลังถูกชายหลายคนกระทำชำเราอย่างอุกอาจโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ
ความจริงแล้วเขาเลือกที่จะไม่สนใจแล้วเดินต่อไปก็ได้
หากแต่ว่าเหมือนมีบางสิ่งมาดลใจให้คนที่อาศัยอยู่ในโลกมืดอย่างเขาอยากจะกลายเป็นคนดีซักหนึ่งวัน
จึงทำให้ต้องลงมาเดินตะลุยพื้นดินที่เต็มไปด้วยขี้โคลนโสโครก
เมื่อเดินแหวกพงหญ้ามาได้ลึกพอสมควร
ภาพที่เห็นนั้นสามารถทำให้รีไวเบิกตากว้างได้โดยไม่ต้องมีเครื่องช่วยในการดึงหน้าแสดงอารมณ์
เด็กหนุ่มที่เพิ่งเคยรู้จักกันไปได้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนกำลังโดนชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ทั้งห้าตรึงตัวลงกับพื้น
หนึ่งในนั้นปล่อยหมัดใส่ท้องบอบบางไร้กล้ามเนื้ออย่างแรงห้าถึงหกที
คนโดนทำร้ายร่างกายเบิกตากว้างกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวด สติที่พยายามคงเหลือไว้เริ่มริบหรี่ซะจนเห็นภาพทุกอย่างรอบด้านพร่ามัว
ร่างกายที่เคยดิ้นขัดขืนกลับสงบนิ่งไร้เรี่ยวแรง มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงแสดงให้เห็นว่าเด็กชายผู้ถูกย่ำยีหอบหายใจหนักแค่ไหน
เมื่อร่างที่เป็นเป้าหมายหมดหนทางหนี
ชายทั้งห้าเริ่มรุมทึ้งร่างระหงนั้น เสื้อผ้าด้านบนถูกกระชากออกอย่างรีบร้อน
พวกมันเลียริมฝีปากด้วยความหื่นกระหายทอดมองร่างของเด็กหนุ่มผิวเต่งตึงอันแสนสดใหม่และหอมหวาน
“ทำอะไรกัน”
เสียงเรียบนิ่งของบุคคลแปลกหน้าขับให้ชายโฉดทั้งห้าสะดุ้งตกใจหันไปมองเสียงต้นสาย ชายฉกรรจ์ทั้งหมดต่างมองหน้ากันเป็นสัญญาณ
ปล่อยร่างเอเลนให้นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น เมื่อพวกมันมั่นใจว่าเป้าหมายที่จะใช้ปลดปล่อยอารมณ์ความใคร่ในค่ำคคืนนี้ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
เหล่าหมาหมู่หักนิ้วกร๊อบแกร๊บดังอยู่รอบด้าน
รีไวเพียงแค่ชำเลืองมองด้วยหางตา
เมื่อร่างของคนพวกนั้นกระโจนเข้ามาโจมตี แต่เพียงเสี้ยววินาทีร่างเหล่านั้นล้มตึงลงไปนอนกองกับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
“ก...แกเป็นใคร”
หนึ่งในชายฉกรรจ์พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นจ้องเขม็งมองชายร่างเล็กอย่างเอาเรื่อง
รีไวยกมือขึ้นล้วงหยิบกระบอกปืนสีดำวาวยามต้องแสงจันทร์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อสูทออกมา
ชายเหล่านั้นต่างตาเบิกกว้างสั่นระริกด้วยความกลัว
“ไม่ใช่เรื่องที่พวกแกต้องรู้
สิ่งที่พวกแกควรรู้มีเพียงแค่ฉันไม่ใช่พระเอกในละครที่ช่วยนางเอกแล้วปล่อยผู้ร้ายหนีไปหรอกนะ
เพราะว่าฉันมันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามยิ่งกว่านั้น...”
“ม...หมายความว่ายังไง!”
“ผู้ใหญ่อย่างพวกแกช่างโง่เง่าซะเหลือเกิน
ถ้าอย่างนั้นมาเล่นเกมตอบคำถามลับปัญญากันหน่อยไหม ถ้าพวกแกไม่ตอบคำถามของฉันภายในสามวินาที
หัวของแกได้โดนเป่ากระจุยแน่ หรือถ้าตอบผิดก็ตายเหมือนกัน”
ปืนในมือถูกยกขึ้นสูงในระดับสายตาของรีไว
เมื่อมองลึกลงไปในแววตาเย็นชาที่ไม่แคร์ต่อสิ่งใดทั้งสิ้นทำให้ชายเหล่านั้นรู้ว่าผู้ชายสั้นเตี้ยคนนี้กล้าทำจริงแน่ๆ
“อะไรเอ่ย...คือสิ่งที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย”
คำถามที่ง่ายแสนง่ายถูกส่งออกไป
ไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไปว่าชายร่างเล็กคนนี้คือใคร
ในยามนี้มีแต่ต้องตัวใครตัวมัน ถึงจะตอบถูกก็ไม่แน่ว่าจะไม่ถูกฆ่า
ไม่มีสัจจะในหมู่คนใต้ดิน
...ชายทั้งหมดหันหลังวิ่งหนีแตกพ่ายกันไปคนละทิศละทางด้วยความกลัวตาย
และแล้ว...
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
...หัวทั้งห้าปรากฏรูพรุนเล็กๆทะลุเจาะไปถึงอีกด้าน...
“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามวิ่งหนีน่ะไอ้พวกเด็กเหลือขอ”
รีไวเก็บกระบอกปืนแสนอันตรายให้เข้าไปนอนสงบอยู่ภายใต้เสื้อสูทดังเดิม
มือเรียวควักหยิบโทรศัพท์จากระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเบอร์ของคนคุ้นเคยแล้วกดโทรออก
[หายากนะที่นายจะเป็นฝ่ายโทรมาหาฉันก่อน
รีไว]
เสียงปลายสายดังลอดผ่านจากโทรศัพท์
รีไวเหล่มองร่างไร้ชีวิตและร่างที่นอนสลบไสลแน่นิ่ง ก่อนจะกรอกเสียงพูดเชิงขอร้องแกมคำสั่งลงไป
“ฝากเก็บกวาดหลักฐานที่เขตชิกันชินะซอย
R ให้ด้วย คราวนี้ใช้ปืนฆ่าห้านัด
อย่าลืมเก็บปลอกกระสุนให้ครบทั้งหมดด้วยก็แล้วกัน”
[นี่นายไปมีเรื่องกับใครอีกล่ะเนี่ย]
“แล้วก็อีก
15 นาทีฉันจะไปถึง เตรียมรองน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ด้วย พอดีดันเก็บไอ้เด็กเอเลนที่โดนรุมโทรมได้
กำลังจะพากลับฐาน”
จบประโยครีไวพับโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมแล้วเดินไปอุ้มร่างที่โดนซ้อมไม่ได้สติอยู่บนพื้นขึ้นมา
สายตานิ่งคมมองไล่สำรวจความเสียหายต่างๆตามร่างกายโปร่งที่ดูท่าจะยังไม่โดนล่วงล้ำจาบจ้วงมากมายเท่าใดนัก
“เจอกันแค่วันเดียวแกก็สร้างปัญญหาให้ฉันซะแล้วนะไอ้เด็กเวร”
รีไวสบทเบาๆใส่ร่างในอ้อมแขน หากแต่เจ้าตัวการหามิได้รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้นก็ในเมื่อเจ้าตัวยังนอนหลับไม่ได้สติอยู่แบบนี้
โทรศัพท์จากปลายสายถูกตัดอย่างเอาแต่ใจไปแล้ว
เอลวินทิ้งมือที่ยกโทรศัพท์แนบหูลู่ลงข้างลำตัว ประโยคสุดท้ายจากปลายสายมันทำให้เขาช็อค! อารมณ์กรุ่นโกรธเริ่มปะทุเงียบๆอยู่ภายใน
ถึงจะรู้ว่าไอ้พวกระยำนั่นคงถูกรีไวฆ่าทิ้งไปแล้ว แต่อารมณ์เดือดดาลนี้จะให้เอาไปลงไว้ที่ไหนถึงจะดี
แค่ได้ยินว่าคนที่กำลังสนใจโดนรุมโทรมก็เป็นได้ถึงขนาดนี้
แล้วรีไวที่สนใจเด็กคนนั้นพอๆกันกับเขาไปเห็นเหตุการณ์โดยตรงคงจะโมโหมากว่าเขาเป็นร้อยๆเท่า
เพราะเขาคนนั้น...เพราะรีไว...ใช้ปืนกับพวกกระจอก!
เอลวินหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขโทรออกแล้วยกมันขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง
“คำสั่งจากฉันหัวหน้าเอลวิน
ขอสั่งให้หน่วยเก็บกวาดไปทำลายหลักฐานที่เขตชิกันชินะ R ให้หมดอย่าให้เหลือร่องรอยน่าสงสัยอะไรแม้แต่นิดเดียว
อย่าให้ไอ้พวกสุนัขรับใช้รัฐบาลดมกลิ่นเจอเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง!!!”
ประตูของฐานทับลับที่เรียกว่าบ้านถูกเปิดออก
รีไวแบกร่างของเด็กหนุ่มนาม เอเลน เยเกอร์ เดินตรงเข้าผ่านห้องรับแขกที่มีชายสี่คนนั่งหน้าเครียดรอเขากลับมา
ดูท่าทางเด็กอีกสามคนแล้วจึงรู้ว่าเอลวินคงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังไปกันหมดแล้ว
เมื่อทั้งสี่คนเห็นร่างของรีไวที่แบกคนที่พวกเขาเป็นห่วงนักหนาเข้ามา
ต่างก็พากันรีบกรูเข้าไปหาเพื่อหวังดูอาการ แต่ก็ช้าไปเมื่อรีไวรีบจ้ำอ้าวแบกร่างที่ใหญ่กว่าตัวเข้าห้องน้ำไป
เอเลนถูกโยนลงใส่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกเติมด้วยน้ำอุ่นจนเต็ม
มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธยกเด็กหนุ่มขึ้นมาพิงขอบอ่างแล้วเริ่มปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนเผยให้เห็นผิวขาวนวลน่าสัมผัส
ฉับพลันมือนั้นกลับชะงักกึก ลำคอแห้งผากพยายามกลืนน้ำลายอย่างข่มใจ รีไวออกอาการฟึดฟัดเมื่อร่างกายส่วนล่างของตัวเองมันไม่ยอมฟังคำสั่งต่อให้ข่มใจก็แล้ว
นั่นจึงทำให้เขาจำต้องลุกขึ้นเดินไปปิดไฟห้องให้มืดสนิทและกลับมานั่งเปลื้องผ้าของเด็กหนุ่มอยู่ที่เดิม
เสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมด
รีไวรีบหยิบสิ่งชะล้างร่างกายมาขัดๆถูๆอย่างรวดเร็วจนสะอาดในเวลาไม่กี่นาที
เพราะถ้าหากอ้อยอิ่งนานกว่านี้เจ้าเด็กนี่คงไม่อาจพ้นเงื้อมมือเขาในค่ำคืนนี้ไปไหนได้แน่
การทำความสะอาดเป็นไปอย่างน่าอึดอัดเมื่อสัมผัสจากผิวนุ่มลื่นนั้นมันนุ่มนิ่มซะจนเกินคาด
เมื่อไล่ไปจับเอวคอดกิ่วเกินเด็กผู้ชายไปนิดกลับพบว่ามันช่างเหมาะมือจนเกินไปอย่างน่าประหลาด
เมื่อทำความสะอาดครึ่งตัวล่างของเด็กหนุ่มก็ทำให้เผลอไปนึกถึงตอนเด็กหนุ่มอยู่บนเวที
สะโพกแน่นตึงกลมสวยนั้นงอนงามและกำลังส่ายยั่วเย้าอยู่ภายในกางเกงสั้นเต่อรัดติ้ว ถ้าหากเจ้าเด็กนี่ส่ายสะโพกแบบนั้นอยู่ภายใต้ร่างของเขาบ้างล่ะ
จะเป็นยังไง...
รีไวขมวดคิ้วกำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์
ตัดสินใจที่จะเลิกขัดส่วนล่างรีบจับเด็กหนุ่มชำระล้างน้ำสะอาดแล้วคลำหาผ้าขนหนูผืนใหญ่ในความมืดที่อยู่บริเวณนั้นขึ้นมาปกคลุมร่างกายบางจนมิดชิด
แล้วจึงเดินแบกออกไปยังห้องนอนใหญ่ที่ใช้สำหรับนอนรวมกันเป็นกลุ่ม
พวกที่เหลือเมี่อเห็นรีไวออกมาแล้วก็รีบเดินตามเข้าไป
เอเลนถูกวางลงบนฟูกปูพื้นนุ่มชั้นดี
ส่วนโค้งเว้ารัญจวนใจอย่างไหล่กลมมนโผล่พ้นผ้าขนหนูทำเอาใจชายหลายคนแถวนั้นตกไปถึงตาตุ่ม
รีไวรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมทับทันที เพราะเขาเองก็โดนเรือนร่างนั้นเล่นงานมามิใช่น้อย
รีไวคิดถูกที่พามานอนห้องนอนรวมแบบฟูกปูพื้น หากพาเข้าห้องเดี่ยวล่ะก็พวกที่เหลือคงจะไม่ยอมและบุกเข้ามานอนในห้องเขาเป็นแน่
สรุปแล้วคืนนั้นเหล่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั้งสามก็นั่งปล่อยรังสีฆ่าฟันใส่กันโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งดูอยู่เงียบๆ
จนดึกดื่นเอลวินและรีไวเลยฉวยโอกาศความเป็นหัวหน้าและรองหัวหน้านอนขนาบสองข้างของเอเลน
ทิ้งให้เด็กทั้งสามที่นั่งทะเลาะกันทางสายตาอย่างเอาเป็นเอาตายเหนื่อยเปล่า และไปนั่งจับกลุ่มนินทาว่าผู้ใหญ่เอาเปรียบเด็กอยู่แบบนั้นจนง่วงนอน
ดังนั้นเด็กทั้งสามคนจึงเลิกราวางมือจากการสาปแช่งแล้วล้มตัวลงนอนด้านข้างหัวหน้าและรองหัวหน้า
คืนนั้นทุกคนต่างหลับสนิท
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าร่างที่พวกเขาแก่งแย่งจะนอนข้างกายด้วยนั้นกำลังอึดอัดจึงดิ้นถีบผ้าห่มแล้ะผ้าขนหนูที่คลุมกายไว้ออกไปจนหมด
เอาล่ะ
ทีนี้เมื่อยามเช้ามาเยือน พวกเขาคงได้เจอกับเซอร์วิสครั้งใหญ่ โดยมีเค้าลางแห่งความอับอายอันแสนสาหัสลอยมาแปะหน้าของเด็กหนุ่มนาม
เอเลน เยเกอร์ ร้อยเปอร์เซ็นแน่ๆ...
.
.
.
...ในเวลานี้
[ในเวลานี้]
...มีเด็กน้อย
[มีเด็กน้อย]
...นอนเปลือยกาย
[นอนเปลือยกาย]
...ทอดร่างเปลือยเปล่า
[ทอดร่างเปลือยเปล่า]
...ดิ้นไปดิ้นมา
[ดิ้นไปดิ้นมา]
...จนเห็นไปหมดทุกสัดส่วนแล้ว
[เห็นไปหมดทุกสัดส่วนแล้ว(ว้อย!!!)]
เหมือนมีเสียงสะท้อนคอยก้องอยู่ในหัว
ชายทั้งห้าต่างลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
“แบบนี้แปลว่าเอเลนเขากำลังตั้งใจจะยั่วพวกเราอยู่ใช่มั้ยครับ”
อาร์มินจ้องเอเลนตาแป๋วอย่างไม่วางตา
รวมทั้งชายคนอื่นๆที่เหลืออยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน
เช้านี้มีเรื่องน่าแปลกเกิดขึ้น
ทั้งเอลวิน รีไว มิคาสะ อาร์มิน และแจนตื่นนอนแทบจะพร้อมเพรียงกัน ทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพงัวเงียก้มลงไปมองคนที่นอนหลับสนิทข้างกายความง่วงงุนเหล่านั้นต่างก็รีบกระเด็นหนีหายไปเป็นปลิดทิ้ง
แทนที่ด้วยความอึดอัดภายใต้กางเกงเนื้อผ้าหนาแทน
เขาว่ากันว่าผู้ชายเวลาตื่นนอนมาไก่มักจะขันเสมอ
แต่ทว่าตอนนี้มันคงไม่ได้ทำแค่ขันอย่างเดียวซะแล้ว แต่มันกำลังจะแข็งตัวด้วยนี่สิ!!!
“ถ้าฉันปล้ำมันตอนนี้คงไม่ผิดใช่ไหม”
แจนอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ปากสั่นระริก หัวใจสูบฉีดเต้นแรงผิดจังหวะ
มีหรือที่คนอื่นๆจะอาการต่างกัน
ในเมื่ออาหารจานหลักมาเสิร์ฟให้พร้อมอยู่ตรงหน้าแบบนี้
เหล่าเสือหิวทั้งหลายก็แทบจะพากันกระโดดไปตระครุบจนจะแย่อยู่แล้ว
แล้วยิ่งเจ้าตัวการนอนดิ้นเปลี่ยนท่าขยับขาอ้าบ้างหุบบ้างแบบนี้
ส่วนเร้นลับต่างก็พากันเผยให้เห็นไปหมดแล้วทุกสัดส่วนน่ะสิ!
“อือ...อื้อ!” คิ้วเรียวจากร่างบางขมวดมุ่นกับแสงอาทิตย์ที่แยงตา
แจนค่อยๆเดินไปหยิบหวังจะเอาผ้าห่มไปคลุมตัวให้
อย่างน้อยๆมันก็คงช่วยลดอาการตบะแตกของพวกเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่แล้วคำว่าอุบัติเหตุก็ไม่เข้าข้างใครนักเมื่อแจนกำลังตั้งตนอยู่ในความประมาทจนเผลอเหยียบผ้าห่มลื่นล้มลงไปทับร่างกายนั้น
มิคาสะลุกขึ้นยืนหมายจะไปกระชากแจนออกมาแต่เมื่อเดินไปได้สองถึงสามก้าวจึงเดินถอยกลับมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างๆอาร์มินตามเดิม
“ทำไม...”
ไม่ทันที่อาร์มินจะได้ถามอะไรเสียงร้องโหยหวนสุดแสนจะน่าสยดสยองได้ดังขึ้น
ชายทุกคนที่เห็นภาพเหล่านั้นต่างถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความสยดสยองในตัวของเด็กหนุ่มเอเลน
เยเกอร์ขึ้นมาในทันที
-จะถามไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ถ้าอยากรู้เดี๋ยวเราจะย้อนเวลากลับไปให้ดู-
แจนลื่นล้มคว่ำไปทับตัวของร่างบางเจ้าของเรือนร่างเย้ายวน
เป็นจังหวะพอดีกับที่ร่างนั้นค่อยๆลืมตาตื่น
ภาพแรกที่เอเลนเห็นหลังตื่นขึ้นมาคือใบหน้าหื่นจิตของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังคร่อมทับตัวเขาอยู่
เบื้องล่างนั้นรับรู้ได้ถึงสัมผัสร้อนระรุอุผ่านเนื้อผ้าของอีกฝ่ายกำลังเสียดสีบั้นท้ายเปลือยเปล่าของเขา
เห็นดังนั้นปฏิกริยาการป้องกันตัวของเอเลนจึงทำงานโดยอัตโนมัติ!
ส่วนมิคาสะที่รับรู้ได้ว่าเอเลนตื่นแล้วก็รีบหนีไปนั่งด้านข้างอาร์มินอย่างทันท่วงที
หมัดเล็กแต่หนักถูกปล่อยสวนเข้าเบ้าตาสายของอีกฝ่ายจนหงาย
ตามด้วยฝ่าเท้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ยันโครมเข้าที่กล่องดวงใจที่กำลังแข็งตัวอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์
แจนกระโดดถีบตัวออกมานอนกลิ้งไปมาร้องลั่นกุมทั้งเบ้าตาและลูกน้อยที่ถูกทำร้ายอย่างไม่มีความปราณี
เอเลนตกใจกลัวรีบคลานกระเถิบกายถอยหนีไปติดมุมห้องทันที
ภาพสุดท้ายในความทรงจำเมื่อวานเขาจำได้ว่าถูกพวกป่าเถื่อนรุมร้อมและทำร้าย
นี่แสดงว่าพวกมันจับเขาเพื่อเอามาปู้ยี่ปู้ยำให้สาแก่ใจสินะ!
เอเลนนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่มุมห้อง
แจนที่ตอนแรกกะจะเอาเรื่องเห็นดังนั้นถึงกับผงะ
เผลอลืมไปว่าเมื่อวานเจ้าบ้านั่นไปเจอเรื่องแบบนั้นเข้า
ตอนนี้คงกำลังขวัญหนีดีฝ่ออยู่ล่ะสินะ
เด็กทั้งสามคนเห็นอาการแบบนั้นแล้วไม่รู้จะทำยังไงกับคนที่กำลังกลัวขึ้นสมองจนไม่สนใจว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คือพวกเขาที่พบกันเมื่อวาน
จึงหันไปมองเหล่าผู้ใหญ่ซึ่งมากไปด้วยประสบการณ์ทั้งสองคนให้ช่วยเหลือ
เอลวินเกาหัวแกรกๆหันไปมองหน้ารีไวที่นั่งมองเด็กตรงหน้านิ่งเงียบด้วยแววตาที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆออกมา
ถ้าหากให้รีไวไปปลอบเด็กคนนั้นคงหนีไม่พ้นการฉุดกระชากลากถูและใช้กำลังบังคับให้ฟังแน่ๆ
มันคงจะไม่ดีถ้าหากเป็นแบบนั้น คงต้องเป็นเขาคนเดียวล่ะที่ต้องเข้าไปปลอบเด็ก
ไอ้เรื่องดูแลเด็กก็ไม่ใช่ของถนัดอะไรเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าจะทำให้เอเลนหายกลัวได้หรือเปล่า
เอลวินลุกขึ้นไปหยิบผ้าห่มที่ตกลงไปกองอยู่กับพื้นขึ้นมาเดินไปหาเอเลนที่นั่งคู้ตัวอยู่ตรงมุมห้อง
เขานั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งเว้นระยะห่างไปมากพอสมควรเพื่อไม่ให้เด็กเกิดอาการตกใจ
“เอเลน
ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เธอปลอดภัยแล้ว” น้ำเสียงอบอุ่นกำลังเรียกชื่อด้วยความอ่อนโยน
กลิ่นอายแบบผู้ใหญ่ใจดีทำให้ร่างเล็กได้สติเงยหน้าขึ้นไปมอง
“คุณ...เอลวิน”
“ใช่
ฉันเอง”
“ทำไม...”
“เธอปลอดภัยแล้วนะ
ไม่มีอะไรต้องกลัว ไปขอบคุณรีไวซะ
เพราะว่าคนที่ช่วยเธอแล้วพามาที่นี่เมื่อวานก็คือรีไวนั่นแหละ”
“คุณ...รีไว?...เอ๋...ผมปลอดภัยแล้ว...เพราะคุณรีไวช่วยผม?”
“ใช่ๆ”
เอลวินพยักหน้ายืนยันคำพูดให้หนักแน่น
เอเลนยกมือขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตา
สายตากวาดมองไปทั่วห้องที่ไม่คุ้นเคย
แต่กลับมีคนที่คุ้นเคยกันเมื่อวานนั่งเรียงรายอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง
“ในเมื่อเธอใจเย็นลงแล้วก็เอาผ้าห่มนี่คลุมตัวสักหน่อยจะช่วยพวกฉันได้มากเลยล่ะ”
ผ้าห่มถูกยื่นส่งไปให้
เอเลนก้มลงมองสภาพไร้สิ่งใดปกปิดถึงกับหน้าแดงแปร๊ดรีบคว้าผ่านั้นมาคลุมกายตัวเองทันที
ถึงแม้จะไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายว่าเอาผ้าคลุมตัวแล้วจะช่วยอะไรได้ก็เถอะ
หรือสภาพของเขาตอนนี้มันดูทุเรศจนเกินน่าจะมองรึเปล่า ก็ผู้ชายด้วยกันนี่นะ
เด็กน้อยผู้ตีความหมายคำพูดได้ตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่ออย่างเอลวินลุกขึ้นเดินไปหารีไว
พยายามสับขาให้เดินเร็วที่สุดไม่อยากมองหน้าใครก็ตามในห้องนี้ มันน่าอายจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
แต่แล้วเทพเจ้าแห่งอุบัติเหตุ(อีกแล้ว) ได้ดลบันดาลให้เอเลนสะดุดขาตัวเอง
ซึ่งเทพเจ้าแห่งความพอเหมาะพอเจาะดั๊นจะเข้าข้างอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ทำให้เอเลนเสียหลักล้มตึงไปบนร่างของรีไวทันที
อุบัติเหตุไม่คาดฝันทำให้รีไวเสียหลักถูกน้ำหนัก
61 กิโลกรัมเล่นงานจนไปนอนหงายลงกับพื้น เอเลนยันกายลุกขึ้นนั่งเมื่อหัวของเขากระแทกเข้ากับพื้นห้อง
รีไวยกมือกร้านจากการต่อสู้ขึ้นมาสัมผัสต้นขาอ่อน
เอเลนสะดุ้งก้มลงมองปรากฏเห็นภาพอันสุดแสนจะน่าขายหน้าของตัวเองกำลังคร่อมอยู่เหนือระดับสายตาของรีไว
ใบหน้าไร้อารมณ์นั้นดูน่าเกรงกลัวผิดปกติ คิ้วที่ขมวดกันอยู่ตลอดเวลาในยามนี้รู้สึกว่ามันจะขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่า
และแล้วเด็กน้อยก็ทนสภาพน่าอับอายของตัวเองไม่ไหวผุดกายลุกขึ้นวิ่งหนีออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้พูดทั้งคำขอโทษและคำของคุณที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
เอเลนวิ่งหนีออกไปด้วยใบหน้าที่แสนจะน่าเอ็นดู
ชายทั้งหลายที่เห็นใบหน้านั้นต่างอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกอยากที่จะปกป้อง ความอยากที่จะเลี้ยงดูกำลังก่อเกิดขึ้นภายในจิตใจอย่างช้าๆโดยไม่มีใครรู้ตัว
แต่ในตอนนี้กำลังมีอยู่คนหนึ่งล่ะที่กำลังปล่อยรังสีมาคุออกมาอย่างแรงกล้า
ร่างเล็กๆเตี้ยๆที่ถูกมิคาสะด่าว่าไอ้เตี้ยในใจตลอดเวลายันกายขึ้นนั่งลูบใบหน้าตัวเองไปมา
“ไอ้เด็กเหลือขอนั่น...!”
“ใจเย็นเถอะน่ารีไว”
เอลวินตบบ่าของเพื่อนตัวเล็กให้ทำใจ
ความจริงแล้วอุบัติเหตุเมื่อกี๊เขาอยากเป็นผู้เคาะห์ร้ายแทนเพื่อนที่กำลังโมโหคนนี้ซะมากกว่า
ถ้าเป็นเขานะจะฉวยโอกาสบีบคลึงก้อนซาลาเปาสองก้อนนั่นอย่างเนียนๆเลยคอยดู!
“...”
“...ก้น...นุ่มชะมัด...”
“...”
“...”
“...”
“...”
“นายไม่ได้กำลังโมโหสินะ”
“เปล่านี่”
“...”
“...”
“...รู้ไหมว่าคำพูดเมื่อกี๊นายดูเหมือนคนจิตผิดปกติมาก!”
“เหรอ
ช่างมัน”
ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย ไอ้เตี้ย
ไอ้เตี้ย
ไอ้โคตรเตี้ย Shorty!!!!!!!!!!
.
.
.
และแล้วตอนที่
2 นี้ ก็จบลงด้วยคำสาปแช่งจากไฟอิจฉาของเด็กหนุ่มนาม
มิคาสะ แอ็กเกอร์แมน
_____________________________
ตอนที่ 2 ฉบับยังไม่ได้แก้ไขสำนวนอยู่ที่บล็อกเก่าค่ะ >>ที่นี่<< ส่วนที่ลงที่นี่เป็นแบบแก้คำผิดและแก้ไขสำนวนเล็กน้อยแล้ว ดีไม่ดียังไงก็ติได้นะคะ (_ _)(^^)
เห็นคอมเมนต์ไม่ว่าจะในบล็อกเก่าหรือบล็อกนี้มีความสุขมากมายค่ะ
สุดท้ายนี้บอกอกครั้ง บล็อกเก่าใช้ลงมังงะวาย โดจิวาย สัพเพเหระวายๆค่า ส่วนบล็อกนี้ใช้ลงแต่ฟิคไม่ก็นิยายวายของเราเองค่ะ ^+++^ เพราะเบื่อเด็กดี นู่นก็แบนนี่ก็แบน ไปๆมาๆเริ่มรำคาญ สร้างบล็อกที่เจ้าของไม่ใช่คนไทยเองซะเลย ไม่ต้องคอยเซ็นเซอร์
สุดท้ายนี้ ถึงเราจะไม่เซ็นเซอร์ แต่ก็อยากให้ทุกคนมีวิจารณญาณในการอ่าน ไม่นำไปเป็นเยี่ยงอย่าง แยกถูกแยกผิดได้นะคะ เขาจะได้ไม่ครหาว่าพวกฟิคพวกนิยายวายทำให้เสียคน (ประเทศเราก็เป็นประมาณนี้แหละค่ะ 555)
ยังไงก็ฝากบล็อกนี้อีกครั้งด้วยนะคะ ^^
รอเรื่องนี้มานาน ;w; ชอบนิยาย หรือฟิคออกแนวเสื่อมรั่วหื่น(?)ซะส่วนใหญ่ แบบนี้เป็นต้นน่ะค่ะ ฮ่าๆ
ตอบลบโดยส่วนตัวชอบสำนวนของฟิคนี้ค่ะ อ่านลื่น จะตอนแก้สำนวนหรือไม่แก้ ก็อ่านไม่ได้ติดตรงไหนค่ะ
เตี้ยโรคจิตเกินไปแล้ว มีอาบน้ำให้ด้วย ลักหลับเลยเถอะ ฟฟฟฟฟฟ มิคาสะเหมือนเป็นตัวแทนพูดความในใจทุกอย่าง //โดนไม้ขนไก่ยัดปาก
เบื่อเด็กดีเหมือนกันค่ะ แต่งเรทนอมอลนี่ไม่ยักกะมีคนแบน แต่พอแต่งวายหยาบนิดหยาบหน่อย เขาก็เอามาเป็นข้ออ้างกันแล้วแบน บางคนก็ไม่ชอบเรา แบนอีก ไม่ค่อยจะยุติธรรม..
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่า ~
อา อ๊าาา All Eren คุณเจ้าขอบบล๊อกแต่งได้เก่งเนียนมากกกก
ตอบลบมาให้กำลังใจจ๊ะรออ่านต่อน้าาาเราน่ะชอบแนวรั่วติดเรท อย่างแรง
เราน่ะตามหาอ่านนะ ไม่อยากจะพูดเลยพวกก้เห็นอยู่หัวบล๊อกก็เตือนว่าคุณจะอ่านเลื่อนลงมาเจออะไรยังง่าวกันเนี่ยเพลีย
เราว่าคนอ่านฟิตมี พิจารณยานมากพอนะว่าอ่านอะไรทำอะไรอยู่(เหมือนสะกดผิด...แหะๆ)
สู้ๆน้า เป็นกำลังใจให้ๆ พร้อมแรงอยากอ่านต่อไวๆใจระทวย เหะๆ
ให้ตาย แต่งได้อ่านเพลินมากเลยค่ะ
ตอบลบเรทนิดๆแต่ไม่เกินขนาด(?)นะคะเนี่ย
สู้ๆนะคะ ติดตามอ่านค่ะ
ตลกตอนสุดท้ายจริงๆเจ้าคะ แต่อาเฮียรีไวล์นี่ก็โรคจิตจริงๆนั้นแลเจ้าคะ (แต่รู้สึกว่าเอลวินโรคจิตกว่ายังไงไม่รู้) แต่ไม่ว่ายังไงมิคาสะก็ยังคงเป็นโรคเอเลนลิซึ่มสินะเจ้าคะ (เพียงแต่ว่าฟิคนี้คงยังไม่ค่อยแสดงอาการสินะ)
ตอบลบมีฉากเรทๆทีก็ไม่เป็นไรเจ้าคะ รั่วนิดรั่วหน่อยนั้นนิดนี่หน่อยเราไม่ว่า ไม่เหมือนเด็กดีหรอก =A=~
แล้วมาอัพต่ออีกเร็วๆนะเจ้าคะ~ >w<
หามานานเเล้ว all Eren เนี้ยไม่ค่อยมีใครเเต่งเลย เเต่งเก่งมาก จะรอตอนต่อไปน่ะ (อ่านเป็นรอบที่ 5 เเล้วพึ่งจะเเสดงความคิดเห็นน่ะ ^_^)
ตอบลบขอบคุณค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบแต่งไปเรื่อยๆนะค่ะ
ไอ้เตี้ย...
ตอบลบชอบมากค่ะ รอติดตามน้า~♡
ตอบลบ//ฮา..ไอ้เตี้ยจิตไม่ปรกติ^^ ชอบคู่นี้มากมาย..คือเฮียแกหื่นนิ่งอ่ะ!!
น่ารักมากแกรร นึกภาพแล้วเอ็นดูอ่ะ 😆😆
ตอบลบ