Fiction : Shingeki no Kyojin (Attack on Titan)
Title : Incubus or Vampire
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Levi x Eren
Rating : NC-18
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : เป็นเรื่องไม่กี่ตอนจบ น่าจะเหลือประมานสัก 2-3 ตอน ไม่อยากแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว เพราะยิ่งแต่งรู้สึกว่ามันจะดรอปลงไปเรื่อยๆถ้ากลายเป็นเรื่องยาว TwT
-2-
เอเลนตื่นขึ้นมาในเวลากลางคืน
อาการปวดหัวพากันแล่นริ้วทั่วทั้งศีรษะ เมื่อมองรอบห้องถึงรู้ว่าที่นี่คือห้องนอน
ว่าแต่เขากลับมาได้ยังไงกัน
ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ตอนกลางวันผุดขึ้นมาภายในหัว
คนๆนั้น... ข้อความในกระดาษนั่น...
ดูท่าว่าที่นี่คงไม่ใช่คฤหาสน์ที่พ่อของเขาสร้างไว้อย่างที่เคยเข้าใจซะแล้ว
แต่เป็นบ้านของคนอื่น แล้วพ่อของเขามีกุญแจของบ้านหลังนี้ได้ยังไง?!
“ไง
ตื่นแล้วเหรอไอ้หนู”
เสียงทุ้มก้องดังอยู่ภายในห้องเรียกความสนใจของเขาให้หันไปมอง
ปรากฏเป็นชายหน้าตาหล่อเหลาในชุดผ้าคลุมสีดำคอปกตั้งสูงเกือบเลยหัวขึ้นไป
“นาย...!” เอเลนผุดลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นภาพในสายตาของเขาพลันพร่ามัว
ภาพทุกอย่างหมันหมุนวน และร่างกายเขาก็ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น
“เป็นเด็กที่ไร้มารยาทจริงๆ
มาเรียกผู้ใหญ่ที่เจอกันครั้งแรกว่า ‘นาย’
สงสัยฉันต้องสอนเรื่องมารยาทให้กับแกซะแล้วไอ้เด็กเหลือขอ”
แล้วคนที่เรียกคนอื่นว่า
‘แก’ บ้างล่ะ ‘ไอ้หนู’ บ้างล่ะ ‘ไอ้เด็กเหลือขอ’
บ้างล่ะนี่มันโคตรจะมีมารยาทเลยเนอะ เขาชักอยากจะเถียงออกไปแบบนี้จริงๆ
“อึ๊ก!”
“ลุกขึ้นแล้วกินซะไอ้เด็กบ้า”
ถ้วยข้าวต้มขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกชายท่าทางแปลกๆตรงหน้าวางลงบนโต๊ะเล็กๆข้างหัวเตียง
เอเลนมองมันอย่างไม่ไว้วางใจ ไม่ยอมกินจนอีกฝ่ายดูท่าจะหงุดหงิดจึงเดินมากระชากหิ้วคอเขาขึ้นมาจากพื้น
แล้วลากมายังเก้าอี้ที่วางอยู่คู่กับโต๊ะตัวนั้น
“กินซะ”
เสียงทุ้มถูกกดลงต่ำ
หน้าตานิ่งนั้นขมวดคิ้วลงเป็นปมช่วมเพิ่มความเหี้ยมโหดขึ้นอีกขั้น
ดูๆแล้วก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจ
แล้วยังไม่รวมมายากลที่คนนั้นเคยทำให้กระดาษติดไฟได้อีก เขาทำได้ยังไง
“แกจะกินหรือจะให้ฉันจับยัดกรอกใส่ปากแก”
“...ก...กินก็ได้”
ท่าทางคุกคามของคนๆนี้ส่งผลทำให้เอเลนต้องหยิบถ้วยข้าวต้มถ้วยนั้นตักขึ้นมากินอย่างช้าๆ
ทันทีที่ได้ริ้มรสมันกลับทำให้เอเลนต้องตะลึง ก็ในเมื่อรสชาตินี้เป็นรสข้าวต้มที่เขาเคยกินตอนอยู่ที่นี่!
ถึงจะแค่ไม่กี่ครั้ง...แต่รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมและลงตัวแบบนี้...
งั้นก็หมายความว่าคนๆนี้เป็นคนที่คอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่!
“คุณเป็นใคร”
เอเลนวางจานข้าวต้มเปล่าลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย และเมื่อผุดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
อีกฝ่ายกลับต้องเงยหน้ามองใบหน้าของเขาแทน “เอ๋?”
เอเลนทำมืออยู่ระหว่างบนหัวตัวเองพร้อมกับสะบัดมือแกว่งไปมากับระหว่างหัวอีกฝ่ายเพื่อเป็นการวัดระดับความสูง
ทันใดนั้นเหมือนได้ยินเสียงคล้ายคลึงกับเส้นอะไรบางอย่างขาดลง
ตามด้วยลำแข้งหนักหน่วงซัดเข้าที่สีข้าง รู้ตัวอีกทีคือร่างกายของเขาที่ลอยละลิ่วชนโครมเข้ากับบานประตูและไถลลงสู้พื้นพรมอย่างสวยงาม
“อั่ก!”
“ชิ
แกมันช่างเป็นเด็กที่ไร้มารยาทจริงๆ อย่าริเอาปมด้อยของคนอื่นมาล้อเลียน
ไม่งั้นแกได้ตายไม่รู้ตัว”
“ฮึ! อึ๊ก!”
ผมนอนขดตัวกุมสีข้างด้านที่โดนเตะ
ถ้าแรงกว่านี้อีกสักนิดคงคาดได้เลยว่าซี่โครงต้องร้าวไม่ก็หักแน่ๆ
นี่ถือว่ายังโชคดีที่ไม่เป็นอะไรทำนองนั้น
“โฮ่ย
ไอ้เด็กบ้า แกชื่อเอเลนใช่มั้ย
จำใส่สมองเท่าเม็ดถั่วของแกซะว่าอย่ามาริเหิมเกริมกับฉันอีก
แล้วจำไว้ด้วยว่าชีวิตของแกอยู่ในกำมือของฉัน”
“อะไรกัน
อยู่ๆมาพูดเอาๆอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ชีวิตของฉันมันก็ต้องเป็นของฉันสิ
มันจะไปเป็นของคนอย่างนายได้ยังไงกันเล่าไอ้บ้า!”
“โฮ่ย
ไอ้เด็กเหลือขอ ต้องให้ฉันเตือนแกเรื่องมารยาทซักกี่รอบถึงจะจำกัน”
รองเท้าคู่ดำมันวาวค่อยๆเดินเหยียบย่างเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันเอเลนกลับกระถดตัวถอยหนีจนหลังชนกับบานประตู เอเลนยันกายขึ้นพร้อมกับความเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกายหันหลังให้พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดประตูผลักให้เปิดออกแต่ทว่า...
“ทำไม...มันเปิดไม่ออก!” ทั้งบิดทั้งผลักทั้งทุบ
แต่ดูท่าทางประตูไม่มีร่องรอยการขยับเขยื้อนเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!
ทันใดนั้นแรงกระชากจิกผมจากด้านหลังทำรู้สึกเจ็บชาไปทั่วหนังศีรษะ
แรงมหาศาลนั้นฉุดให้ตัวของเอเลนเซถลาไปชนกับแผ่นอกของเขา มือที่ว่างอีกข้างคว้าหมับล็อกเข้าที่เอวของร่างบางกว่าจนขยับไปไหนไม่ได้
“ปล่อยนะ!”
“ดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์
เจ้าของที่นี่คือฉัน ถ้าฉันไม่ให้นายออกจากห้องนี้
ประตูบานนั้นก็จะไม่มีทางเปิดให้นาย”
“ก...แกเป็นใครกันแน่! ไม่สิเป็นตัวอะไรกัน! ข้อความที่เขียนในกระดาษแผ่นนั้น...แกไม่ใช่มนุษย์!”
“หืม
นั่นสินะ เป็นอะไรดี” ลิ้นสากนั่นไล้เลียแผ่วเบาราวชิมรส
ขบกัดแผ่วเบาจนเกิดเป็นรอยแดงจ้ำไปทั่วทั้งลำคอ และแล้วเขี้ยวคมยาวสวยเผยโฉมออกมาต้องแสงจันทร์ในคืนที่ไร้เมฆหมอก
ลมเย็นวูบใหญ่พัดเข้ามาดับเทียนและคบไฟภายในห้องแห่งนี้จนมืดสนิท
สิ่งแหลมคมนั้นค่อยๆทาบทับบนลำคอขาวผ่องอย่างไม่รีบร้อน
เอเลนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวถึงสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีตัวตนจริงอยู่บนโลกใบนี้
...แวมไพร์...
และแล้วเขี้ยวยาวโง้งทั้งสองซี่ก็ถูกกดลงฝังลึกไปในลำคอหอมกรุ่นนั้นทันที
เลือดอุ่นๆไหลรินออกมาตามรอยปากแผลและถูกริมฝีปากซีดหนาดูดกลืนลงลำคอไปทุกหยาดหยด
“อ๊ากกก!”
เอเลนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะต้านทาน
แข้งขาเริ่มอ่อนปวกเปียกจนทรุดลง แต่ก็ได้แขนแกร่งคู่นั้นคอยพยุงไม่ให้เหยื่อล้มลงไป
เขี้ยวคมถูกถอนออกมาทำเอาเอเลนหายใจหอบ แต่แล้วกลับต้องกรีดร้องอีกคราเมื่อมันถูกฝังลงมาอีกครั้งที่ตำแหน่งใหม่
คราวนี้เป็นที่ลาดไหล่ของเขานั่นเอง
เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังอยู่ข้างหูทำเอาใบหน้าหวานเขินแดง
แต่แล้วจู่ๆความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยพลันแล่นพล่านไปทั่วร่างกายจนผมเผลอหลุดครางเสียงแปลกประหลาดออกมา
“อ...อา!”
เสียงหึขึ้นจมูกมาจากร่างที่มีส่วนสูงน้อยกว่า
เสียงนั้นมันเหมือนกับว่ากำลังพึงพอใจกับอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้
และมันก็มีเพียงแค่ชายคนนั้นเท่านั้นที่รู้
“อ๊ะ! อือ! ปล่อย!” ในตอนนี้เสียงของเขามันช่างอ่อนแรงเสียเหลือเกิน
อ่อนแรงพร้อมกับกำลังกายที่ตกฮวบ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
นี่เป็นบทลงโทษของสวรรค์หรือไร ชาติก่อนเขาทำบาปอะไรถึงดลบันดาลให้ชาตินี้พบเจอแต่เรื่องพรรณนี้
ตอนเด็กๆก็มียัยผู้หญิงจอมสตอล์กเกอร์คอยตามหลอกหลอนรังควานจนผวานอนแทบไม่หลับอยู่แทบทุกวัน
แถมยังมีศัตรูที่ชอบหาเรื่องท้าต่อยท้าตีเขาได้โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แถมมีผู้ชายโรคจิตหัวทองหน้าเจี๋ยมเจี้ยมคอยแอบแต๊ะอั๋งอยู่เรื่อย
ไม่นานมานี้ก็เพิ่งเสียพ่อที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายไปจนต้องเหลืออยู่ตัวคนเดียวพร้อมด้วยหนี้สิน
โดนเจ้าหนี้ของพ่อไล่ล่าเอาชีวิต บ้านโทรมๆและทรัพย์สมบัติที่มีเพียงน้อยนิดที่อุตส่าห์เก็บสะสมมาตั้งแต่ยังเยาว์ถูกพวกมันยึดไปจนหมด
จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาอยู่ที่นี่ พอมาถึงที่นี่กลับกลายเป็นอาหารของปีศาจซะได้
ทั้งๆที่คิดว่าอยู่ที่นี่จะมีความสุขแล้วแท้ๆ แต่กลับ...
“ฮึก!” จู่ๆน้ำอุ่นๆก็ไหลออกมาจากดวงหน้าสวย พยายามอย่างหนักเพื่อสะอื้นไห้อย่างเงียบๆ
ไม่อยากเผยความอ่อนแอนี้ให้ใครเห็นแม้กระทั่งปีศาจแวมไพร์ที่กำลังดูดเลือดเขาอย่างเอร็ดอร่อยก็ตามที
แต่แล้วร่างกายของเขากลับเบาโหวง
รู้ตัวอีกทีก็ถูกวางลงบนที่นอนซะแล้ว แวมไพร์เมื่อครู่อุ้มเขามาวางไว้บนเตียงนอนตามด้วยนำผ้าห่มผืนหนามาห่มคลุมกายไว้ให้
ชายคนนั้นทิ้งตัวลงนั่งกอดอกบนขอบเตียงหันหลังให้เขา เอเลนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจและเต็มไปด้วยคำถาม
“อย่าร้อง
ฉันไม่ชอบ”
“ค...คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม
ฮึก!” เสียงสะอื้นเล็กๆมันช่างน่าอาย
แต่ตอนนี้มันหยุดร้องไห้ไม่ได้แล้วเมื่อฝ่ามืออุ่นใหญ่นั้นยื่นมาลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน
เจอแบบนี้แล้วมันยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักขึ้น
ไม่มีใครคอยอ่อนโยนแบบนี้กับเขามันก็นานแล้วนะ มันทำให้เขาพลันคิดถึง...พ่อที่ตายจากไป
“หลับซะเอเลน”
เสียงนั้นแลดูอ่อนโยนลงมากผิดกับทีแรก
เสียงนี้เป็นดั่งเพลงกล่อมให้เอเลนเริ่มง่วงงุน
ฝ่ามือหนานั้นวางลงบนหน้าผากมนเลื่อนลงมาช้าๆจนปิดเปลือกตาของเอเลนให้หลับลง
และเมื่อเลื่อนออกจากใบหน้าเล็กเปื้อนคราบน้ำใสนั้น เจ้าของร่างที่สะอึกสะอื้นเพราะคิดถึงเรื่องอดีตก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
“หลับซะ
จงหลับ...แล้วนายค่อยตื่นมารับอรุณในวันรุ่งขึ้น นี่เป็นคำสั่ง”
ร่ายมนตราให้หลับใหล
ร่ายมนตราให้ฝันดี ร่ายมนตราให้แจ่มใส
เพื่อเด็กคนนี้...คนที่ช่วงชิงหัวใจเขาไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน
“ไอ้เด็กบ้า”
.
.
.
ในคืนนั้น
เป็นคืนแรกที่เอเลนนอนหลับได้อย่างสนิท ไม่มีสิ่งใดรบกวน
หรือแม้กระทั่งฝันร้ายก็ไม่กล้ามาย่างกรายเข้ามาหา
และแม้แต่ความฝันที่พอตื่นมาแล้วจดจำไม่ได้นั้น...คืนนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
เรื่องเมื่อวานดุจดั่งเป็นความฝัน
พอตื่นมาก็ไม่พบกับคนๆนั้นอีกแล้ว รอยที่คอตอนนี้มันจางหายไปแล้วเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดบาดแผลอะไรขึ้นมาก่อนเลย
หรือว่า...เรื่องเมื่อวานจะเป็นแค่ฝันจริงๆ เอเลนจะคิดแบบนั้นถ้าไม่ติดว่าในเวลาต่อมา...
“โฮ่ย
ไอ้หนู เลือดแกมันจางชะมัด กินนี่เข้าไปซะจะได้แข็งแรง”
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กๆที่ถือถาดอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะเล็กตัวเดิม
เอเลนนั่งตะลึงมองค้าง หรือว่าเขายังฝันอยู่!
“นายไม่ได้ฝัน
ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาดแล้วมากินข้าวซะ” เสียงสั่งเฉียบขาด
เอเลนสะดุ้งเฮือกมองอีกฝ่ายตาโต มันหมายความว่าชายคนนี้อ่านใจเขาได้งั้นเหรอ!
“นา...เอ่อ...ค...คุณ...อ่านใจได้เหรอ...ครับ”
สายตาดุๆถูกส่งมาทำให้เอเลนต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามการเรียกปีศาจตรงหน้าใหม่ทันที รสชาติลูกเตะเมื่อวานยังไม่ทำให้เขาลืมเลือนมันไปได้ง่ายๆ
“หึ
ว่าง่ายขึ้นมาบ้างแล้วนี่”
“แล้ว...”
ผมกำลังจะอ้าปากถามคำถามเดิมอีกครั้ง แต่มือใหญ่หน้าข้างหนึ่งถูกยื่นเข้ามาบครอบปากผมให้หุบสนิทพร้อมด้วยการบีบแก้มผมเบาๆเล็กน้อย
“แกกำลังถามฉันว่า ‘อ่านใจได้รึเปล่า’ งั้นเหรอ
หืม? ว่างๆก็หัดส่องกระโจกซะบ้างนะ”
เมื่อพูดจบเขาจึงละมือออกไปตามด้วยร่างกายเล็กๆที่หายลับไปพร้อมกับประตูห้องที่ปิดลง
“ให้ส่องกระจก...อย่างนั้นเหรอ”
ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิด
อยากตั๊นหน้าคนอยากหาที่ระบาย มันจะอะไรอีกเล่า! ผมโดนผู้ชายคนนั้นหลอก! หลอกให้นั่งส่องกระจก! ผมนั่งส่องมาตั้งครึ่งค่อนวันไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยนี่! หน้าผมก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอ่านใจได้ตรงไหนกัน!
“บ้าที่สุด!”
ยืนกระทืบหญ้าเล่นระบายความโมโห
ถึงหญ้ามันจะไม่มีความผิดอะไรแต่แค่อยากกระทืบก็เท่านั้น
เมื่อเหนื่อยก็เดินลงไปนอนใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงาสยายแผ่กว้าง จ้องมองกิ่งก้านใบของมันได้สักพักจึงเลื่อนสายตาไปดูท้องฟ้าที่มืดทึมปกคลุมไปด้วยเมฆดำ
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์กับท้องฟ้าสีครามเลยสินะ
แทบจะลืมไปแล้วว่ามันหน้าตาเป็นยังไง ลองออกไปข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเอเลนลุกดีดตัวขึ้นยืน
ปัดฝุ่นตามตัวออกจนหมดแล้วเดินไปยังด้านหน้าของคฤหาสน์
แต่ทว่าที่ประตูใหญ่นั่นกลับมีเถาวัลย์พร้อมด้วยหนามแหลมคมพันเลื้อยอยู่ตามประตูใหญ่และกำแพงรั้ว
ทางที่จะออกไปได้โดยไม่ถูกหนามพวกนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ทำไม?
ทั้งๆที่ตอนมาที่นี่ครั้งแรกมันยังไม่มีของพวกนี้เลยนี่! แล้วทำไมคราวนี้...เถาวัลย์พวกนี้มันมาได้ยังไง?!
แปลกใจระคนตกใจ
ก้มหน้าต่ำมองพื้น ความรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในกรงถาโถม
แต่กระนั้นก็ยังไม่หมดหวัง ร่างสูงโปร่งวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ ควานหาบางสิ่งตามห้องต่างๆ
บางสิ่งที่สามารถตัดจ้าเถาวัยล์หนามนั่นให้ขาดสะบั้นลงได้
แต่แล้วก็ไม่พบกับแต่ที่ต้องการ
ในช่วงที่กำลังหมดหวังอยู่นั้นพลันนึกถึงห้องเก็บอุปกรณ์เล็กๆที่อยู่ในสวน
ถ้าจำไม่ผิดที่นนั่นมี...
เอเลนลุกขึ้นวิ่งไปหาจุดหมายทันที
ผลักประตูเปิดออก สายตากวาดไล่มองหาสิ่งนั้น
“ไม่เจอ
เป็นไปได้ยังไง เมื่อเดือนก่อนจำได้ว่าอยู่ในนี้” กระสับกระส่ายหัวใจเต้นแรง ความรู้สึกแปลกประหลาดไม่เข้าใจกำลังเล่นงาน
และความรู้สึกเหล่านี้ก็ก่อให้เกิดความหวาดกลัว หวาดกลัวต่อเรื่องแปลกประหลาด
หวาดกลัวต่อเรื่องที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ หวาดกลัวที่นี่...คฤหาสน์หลังนี้
ต้องออกไปให้เร็วที่สุด...
ร่างบางวิ่งออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์
มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตระหนก เหงื่อแตกพลั่ก ทำอะไรไม่ถูก จะไปที่ไหนดี
“หาไอ้นี่อยู่ใช่รึเปล่า
ไอ้หนู” เสียงราบเรียบ ทุ้มต่ำ แต่มีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ
เรียกความสนใจให้หันไปมอง สายตาสีมรกตปะทะเข้ากับร่างเล็กในชุดคลุมคอปกตั้งสูงกำลังนั่งอยู่บนหลังคาห้องเก็บอุปกรณ์ในการทำสวน
มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมุนควงกรรไกรตัดกิ่งราวเยอะเย้ย เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่
“อยากได้รึเปล่า”
“เอามานะ!”เอเลนตะโกนออกไปด้วยความโมโห และแล้วกรรไกรตัดกิ่งอันนั้นก็บินว่อนโฉบผ่านดวงหน้าเฉียดใบหูของเขาไปปักลงกับพื้นดินด้านหลังอย่างแรงจนจมลึก
แวมไพร์นั่นขว้างมันลงมา!
การกระทำของชายร่างเล็กมันทำให้เอเลนตกใจจนหมดแรงทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้น
หันไปมองกรรไกรติดกิ่งที่จมลึกลงไปในดินหลายนิ้วนั่นด้วยความตื่นกลัว ถ้าหากกรรไกรนั่นมันพลาดโดนเขาล่ะก็...จะเป็นยังไง?!
“หึ
ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าแกหรอก”
“...!”
“ลุกขึ้น!”
เอเลนลุกขึ้นตามคำสั่งนั้นอย่างอัตโนมัติ
ขาสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัวที่ถาโถม และแล้วใบหน้าของเขาก็หันสะบัดไปด้านข้างตามแรงฝ่ามือที่ฟาดเข้ามาข้างแก้มอย่างแรง
ใบหน้าชาวาบปรากฏเป็นรอยฝ่ามือนั้นเด่นชัด
เอเลนตกใจยืนแข็งข้าง ค่อยๆยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมข้างแก้มที่ถูกตบ
สายที่ตื่กลัวค่อยๆหันเหลือบไปสบกับดวงตาสีดำสนิทที่อ่านไม่ออก
“ท...ทำไม...”
ในตอนนี้ทำไมเสียงมันถึงได้แหบแห้งเสียเหลือเกิน
“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปที่ไหนทั้งนั้น”
คำพูดเอาแต่ได้ ชายคนนี้ช่างเห็นแก่ตัว
“หรือว่าเถาวัลย์พวกนั้น...”
คำพูดนั้นสะกิดต่อมสงสัยของเอเลนให้ทำงาน แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด
เถาวัลย์พวกนั้นเป็นฝีมือของ...
“ใช่
มันเป็นฝีมือของฉันเอง ชอบมั้ยล่ะ” ชายร่างเล็กเดินไปดึงกรรไกรตัดกิ่งที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมา
เหลือบมองเอเลนด้วยหางตาก่อนจะกระทำในสิ่งที่เจ้าตัวดื้อรั้นคาดไม่ถึง
โดยการขว้างสิ่งของที่เอเลนต้องการขึ้นไปนอนแน่นิ่งบนคาของคฤหาสน์ที่สูงร่วมสามสิบเมตร
“คุณมัน...”
เอเลนอยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก ถึงพูดไปก็ไร้ประโยชน์ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งคือปิศาจ
เรื่องจิตสำนึกอะไรนั่นคงไม่มี ความหวังสุดท้ายบินหายไปแล้ว หายไปตอหน้าต่อตา
ร่างบางเดินเหม่อลอยเข้าไปในคฤหาสน์
เดินเข้าห้องนอนล้มตัวลง
ไม่แม้แต่จะลงไปกินข้าวกินปลาอะไรทั้งนั้นเพราะไม่มีอารมณ์อยากจะกิน
วันนี้ทั้งวันเหนื่อยเหลือเกิน อยากกลับบ้าน ถึงจะเป็นแค่ห้องเช่าโทรมๆ
ถึงจะโดนยึดคืนไปแล้ว แต่ที่นั่นก็ยังมีไออุ่นของพ่อเหลืออยู่ อยากกลับไปเหลือเกิน
ที่นี่มันน่ากลัวเกินไป
...ตอนนี้เขาไม่มีความสุขกับการอาศัยอยู่ที่นี่อีกแล้ว...
.
.
.
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่มองไม่เห็นแสงของพระจันทร์
เมฆหมอกยังคงบดบังเหมือนเดิมไม่ขยับเขยื้อนออกจาก ณ ที่แห่งนี้
ในห้องสะอาดสะอ้านที่มีร่างหนึ่งนอนทอดกายนอนเหยียดหลับอย่างสงบ
ทันใดนั้นได้มีอีกร่างปรากฏขึ้นข้างกาย เอื้อมมือใหญ่ที่เย็นยะเยียบราวกับไม่ใช่อุณหภูมิของมนุษย์ยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ริมหางตาของเด็กน้อย
เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปคือการกักขัง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากลองเอาแต่ใจตัวเองสักครั้ง ไม่อยากสูญเสียใครไปอีกแล้ว
ไม่อยากสูญเสียสิ่งใดไปอีกทั้งสิ้น ทั้งเพื่อนพ้อง
รวมถึงคนรู้จักที่พอจะพูดคุยกันได้...เขาไม่มีอีกแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่...สิ่งสำคัญสุดท้ายในชีวิตก็คือเด็กคนนี้
ถ้าจะให้เด็กคนนี้เดินจากเขาไปอีกคนแล้วล่ะก็...
.
.
.
...ฉันกลัวการอยู่คนเดียว...
.
.
.
“เพราะฉะนั้นได้โปรดอยู่กับฉัน
อย่าจากฉันไปไหนอีกเลยนะเอเลน” ดวงตาที่เคยนิ่งสนิทไหวระริกเพียงแค่ชั่ววินาทีก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีของหุบเหวห้วงลึกตามเดิมอย่างรวดเร็ว
ในคืนนั้นเขาได้ฝัน
ฝันถึงเรื่องราวอันสุดแสนจะแปลกประหลาดดั่งหลุดออกมาจากเทพนิยายแฟนตาซี
ความฝันนั้นมันเหมือนกับความฝันที่เขาเคยฝันถึงในสมัยที่เขายัเป็นเด็ก เรื่องราวในความฝันนั้นมีทั้งคุณมนุษย์หมาป่าที่ชอบดมกลิ่นคนอื่นแล้วแสยะยิ้มสยองแต่ก็ตลก
กับมัมมี่สองตนที่ดูจืดจางซะจนเกือบลืมไปว่ายังอยู่ด้วยกันตั้งหลายรอบ
แฟรงเกนสไตน์สาวที่สดใสร่าเริงไอดอลขวัญใจของกลุ่มคอบสร้างสีสันให้กับงาน
ปีศาจทานูกิที่ชอบเลียนแบบคนอื่นโดยเฉพาะคนที่ตนนับถือสุดใจ
แม่มดสาวสวมแว่นตาที่ดูท่าทางจะสติไม่ค่อยดีนักบางทีเธอคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่คลั่งไคล้เด็กน่ารักๆอย่างเขา
โดยพร้อมจะลักพาตัวเขาไปทดลองได้ทุกเมื่อถ้ามีโอกาส
และปีศาจอีกตนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะตัวยาว...ปีศาจผู้แสนเงียบขรึมแต่กลับใจดีและอบอุ่น
ในความฝันนั้นเอเลนอยู่ในห้องๆหนึ่งซึ่งจะมืดทึมถ้าหากไม่ได้คบไฟที่รายล้อมอยู่ทั่วห้องคอยให้ความสว่างไสว
ห้องนี้เป็นห้องอาหารซึ่งถูกตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสี อาหารน่าทาน รวมถึงขนมหวานขนมลูกกวาด
และอื่นๆอีกมากมายเหมือนอยู่ในงานปาร์ตี้ ใช่แล้ว ปีศาจพวกนี้กำลังจัดปาร์ตี้กันอยู่โดยที่มีเขาเป็นมนุษย์อยู่ในที่แห่งนี้เพียงหนึ่งเดียว
ช่างเป็นความฝันแสนหวานและมีความสุขที่สุดหลังจากที่ไม่ได้ฝันมานาน...
แต่ทว่า...ความฝันนั้นกลับถูกความมืดมิดกลืนกินจนหายไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงเอเลนสมัยเด็กแต่เพียงผู้เดียวยืนเคว้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เอเลนกระพริบตาปริบๆหันมองสิ่งรอบกาย
เมื่อก้มลงมองดูร่างกายของตัวเอง โดยไม่ทันรู้ตัว ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายนั้นกลับกลายเป็นร่างของเด็กหนุ่มนามเอเลนวัยสิบห้าปีในปัจจุบัน
ความหวาดระแวงเริ่มเกาะกุม
ความมืดกำลังตามหลอกหลอน เสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ของเขากระทบพื้นดังกึกๆน่าหวาดผวา
มันยังคงดังก้องมาจากทุกทิศอย่างน่ากลัว เอเลนคู้ตัวนั่งยองๆลงกับพื้น
ใบหน้าชื้นเหงื่อเกาะพราวระยับแสดงถึงอาการตระหนกในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งๆที่เป็นความฝันแท้ๆ แต่ทำไมกลับตื่นออกไปจากฝันร้ายนี้ไม่ได้
“ค...ใครก็ได้...”
...ช่วยด้วย
“กลัวทำไม?
เจ้าจะกลัวไปทำไมกัน ข้าก็อยู่ที่นี่แล้วไง”
สุรเสียงดังก้องสะท้อนเข้าไปในโสตประสาทการรับรู้
ให้ความรู้สึกเหมือนโดนฟาดหัวอย่างจัง รู้สึกพล่าเบลอ ปวดหนึบไปทั่วทั้งศีรษะ
และแล้วร่างกายนั้นก็ล้มลงอยู่แทบรองเท้าหนังสีดำมันเงาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าภายในสีรัตติกาล
“ลุกขึ้น”
คำสั่งนั้นทำให้เอเลนจำต้องลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
นัยน์ตาที่เคยมีแววสะท้อนสดใส ตอนนี้มันกลับเรียบนิ่งและเหม่อลอยราวกับถูกสะกดด้วยเวทมนต์
“ท่านรีไว...”
เอ่ยนามอีกฝ่ายด้วยเสียงออดอ้อน นามที่จำได้เฉพาะเพียงยามนี้เท่านั้น
“กลัวงั้นเหรอ
ถ้าอย่างนั้นมานี่สิ คืนนี้ข้าจะกกกอดเจ้าให้เอง” เอื้อมมือออกไปคล้องเอวอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบชิด
...หากวันใดที่ตัวเจ้าในยามปกติสามารถจดจำนามของข้าได้
ยามนั้นจักเป็นยามที่เจ้าพร้อมจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้ามาให้ข้าแต่เพียงผู้เดียว
แต่ทว่าข้าจะไม่ยอมทนรอคอยนานมากกว่านี้อีกแล้ว วันพรุ่งนี้ข้าได้ตระเตรียมเกมสนุกๆมาให้เจ้าเล่นด้วย
ข้าหวังว่ามันคงจะถูกใจเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ...เอเลน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ร...เร็วสิครับท่านรี...อ...อา...”
“ลามกจังนะไอ้เด็กบ้า”
“ผมต้องการ...อ่ะ...มันครับ...ได้โปรด...ใส่เข้ามาเร็วๆ...”
“ขี้อ้อนจังนะ”
“อะ...ฮ้า...!”
ร่างสองร่างสอดประสานรวมเป็นหนึ่ง
คนถูกรุกรานหายใจหอบอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อถูกกระแทกสอดกายเข้ามาในร่างเพียงคราเดียวจนมิด
ชายผู้รุกรานสัมผัสได้ถึงผนังภายในร้อนระอุกำลังตอดรัดรับแท่งอวัยวะของเขาให้เข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิม
ทั้งๆที่ปากบอกปฏิเสธแต่กายากลับตรงกันข้าม ช่างน่ารักน่าเอ็นดู
ขาเรียวสวยตวัดเกี่ยวเอวแกร่งเมื่อเริ่มปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับแท่งเนื้อเย็นเยียบ
แต่ถึงกระนั้นสิ่งๆนั้นได้คอยมอบความสุขทางกายให้เขาเสมอมา
ร่างกายของเขาตอนนี้กำลังหลงไหลสิ่งนั้นจนไม่ลืมหูลืมตา ใบหน้าที่กำลังหลงระเริงกับสิ่งเหล่านี้ของเขาคงจะอัปลักษณ์
ใบหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม เร่งเร้า และต้องการโดยไม่รู้จักพอ
แต่มันก็แค่นั้นเมื่อร่างกายของเขาเลือกสะบัดความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้นออกไป
การบังคับควบคุมตัวเองของเอเลนกำลังถูกช่วงชิงจากบุคคลด้านบน
...ช่วงชิงโดยใช้อำนาจมนตราแห่งอินคิวบัส...
“อ๊าาา!”
เอเลนร้องครางลั่นเมื่อถึงจุดปลดปล่อย
รีไวถอนกายออกมาอย่างรวดเร็วและย้ายไปสอดลึกเข้ากระแทกกับโพรงปากนุ่ม
เอเลนโลมเลียดูดกลืนของเหลวเหล่านั้นเข้าไปในกายอย่างว่าง่าย
ถึงแม้รีไวจะหยุดปลดปล่อยแล้วก็ตามแต่ร่างกายนี้กลับไม่ยอมหยุดขยับปากดูดดุนจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบหยาบโลนนั้นเลยสักนิด
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรอีกเมื่อคนทั้งคู่ยังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งราคะจนกระทั่งรุ่งสางมาเยือน
เอเลนตื่นมาอีกทีด้วยร่างกายอ่อนเพลีย
โลกทั้งใบไหววูบ ความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนแล่นขึ้นมาจุกลำคอ เขาวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันไรเสียงอาเจียนจึงได้ดังตามกันมาติดๆ
เอเลนโก่งคออาเจียนใส่ชักโครกจนแทบหมดไส้หมดพุง รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนแทบยืนไม่ไหว
เมื่อวานเขาไม่ได้กินอะไรผิดสำแดงไปทำไมพอตื่นมาถึงเป็นอย่างนี้ได้นะ
+++ เ อ เ ล น จำ ไ ม่ ไ ด้ แ ล ะ ไ ม่
มี ท า ง จำ ไ ด้ ถึ ง ส า เ ห ตุ ข อ ง มั น +++
ก้อนอาเจียนแล่นขึ้นมาจุกอกอีกครั้ง
เอเลนโก่งคออ้วกแทบไม่หยุดน้ำมูกน้ำตาไหลพราก สะอึกสะอื้นจนเหนื่อยหอบ พักหลังนี้เขาเป็นแบบนี้มาตลอด
แต่ในครั้งนี้อาการมันกลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม จากในแผ่นกระดาษที่ได้เคยอ่านและถูกเผาทิ้งไปนั้น
อาการแบบนี้มันจะเกี่ยวข้องอะไรกับคนๆนั้นหรือเปล่า
...ปีศาจแวมไพร์ผู้แสนน่ากลัวตนนั้น...
“จะต้องถาม...ให้รู้เรื่อง...และกำจัด...ให้สิ้นซาก”
สิ่งมีชีวิตที่ไม่สมควรมีอยู่บนโลกใบนี้มัน้องหายไป
เสียงกรรโชกแฝงแววอาฆาตดังลอดไรฟันเรียงสวยแผ่วเบา
เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นมีดเงินถูกแขวนอยู่บนกระจกโดยไม่เอะใจสงสัยอะไรเลยว่ามีดเล่มนั้นมันมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
สายลมอ่อนกรรโชกขึ้นทะยานฟ้า
เส้นผมสีดำสนิทพริ้วไหวตามสายลม
เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายของร่างที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ถูกบดบังด้วยกิ่งไม้รกรุงรังของต้นอื่นๆ
หากมองลอดจากหน้าต่างห้องน้ำบานนั้นแล้วเด็กคนนั้นจะไม่มีวันเห็นเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน
ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงมองปฏิกริยาอ่อนแอของร่างบอบบางที่เขาทำไว้เมื่อคืน
เขาจงใจป้อนสิ่งนั้นให้ไหลผ่านลำคอนุ่มร้อนหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง
คงไม่แปลกที่พอตื่นมาแล้วจะอ้วกออกมามากมายขนาดนี้
อาการแบบนี้เป็นสิ่งที่ปีศาจอย่างเขาเรียกมันว่าปฏิกริยาต่อต้านของร่างกายและจิตวิญญาณ
“เอาล่ะ
โอกาศของแกมีครั้งเดียวนะไอ้หนู ถ้าแกพลาด
แกจะต้องมาเป็นของฉันทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ คราวนี้...ฉันจะทำให้แก...หลงรักฉันด้วยหัวใจเหลือขอของแกเอง”
...เกมนี้ฉันจะเป็นฝ่ายชนะ...
.
.
.
___________________จบตอนที่ 2 ค่า แหะๆ
เรื่องนี้ไม่ค่อยเน้นฉากเอ็นซีนะคะ เลยไม่เน้นสำนวนก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่แล (พอไม่เน้นปุ๊บเอ็นซีเลยดูจืดๆ 555)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ทุกกำลังใจค่ะ ส่วนใหญ่ฟิคที่เราแต่งจะเป็นแค่ฟิคชั่ววูบ จึงมีแค่การวางพล็อตตอนต้นเท่านั้น (พูดง่ายๆพล็อตตามใจฉัน 555) ซึ่งจะลงไหดองหรือไม่อันนี้ก็ตามใจฉันเช่นกัน แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ จะพยายามเข็นให้จบโดยเขียนเป็นเรื่องสั้น(ถ้าเป็นเรื่องยาวแววลงไหดองมาแต่ไกลเลยค่ะ หึๆๆๆฮือๆๆๆ)
ติได้นะคะเรื่องสำนวนหรือการบรรยาย หรือคำผิด ดำเนินเรื่องเร็วไป/ช้าไป หรืออารมณ์ของเรื่องนี้มันพลิกปุบปับเกินไปก็ติหรือชมได้นะค//ไม่กัด อิๆ พร้อมรับฟังทุก ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ค่ะ
กรี๊ดๆๆ ดีใจค่า พึ่งได้มาอ่านวันนี้เมื่อวานสลบค่ะ มาไม่ไหว ภาษาเเปลกไปจริงๆค่ะ มีเเอบงงว่าจะใช้คนอื่นบรรยายหรือจะให้เอเลนบรรยายเองค่ะ ม่ีคำผิดด้วยเเต่ไม่ใช่ปัญหาอันนี้อ่านรู้เรื่องค่ะ เเต่เราขำตรงที่บรรยายชุดท่าน รีไว ที่ว่าปกเสื้อเเบบสูง อิอิ เราจินตนาการว่าปกเสื้อมันสูงกว่าหัวท่าน นั่งขำกรั๊กๆเลยค่ะ
ตอบลบตอนนี้จบลงเราก็ยังลุ้นค่ะ ท่านรีไวเป็นเเวมไพร์ที่ใช้พลังอินคัวบัสได้ใช่มั้ยคะ อ่า ...เราอยากอ่านตอนต่อค่าาา สงสารท่านรีไว อะ //เอ๊ะหรือเราสงสารผิดคน อิอิ
ขอบคุณมิดไนท์ ซามะค่ะ เราชอบเรื่องนี้ค่าาาาา
;w; (ใจพพร่ำร้องหา NC #หื่น) แอบสงสัยว่ารีไวเป็นแวมไพร์หรืออินคิวบัส หรือเป็นลูกครึ่ง ??
ตอบลบหรือแค่ใช่เวทย์ ??
มาต่อแว้วววววววววววววววว
ตอบลบไม่อะไรทั้งนั้นแหละ ขออย่างเดียว....อย่าลงไหดองเป็นพอเน้
มาต่อเถอะ T^T หนุกมากอยากรู้แล้วอ่ะว่าจะเป็นไงต่อ =w=
ตอบลบโธ่....เอเลนคุง ผมก็นึกว่าที่อ้วกนี่เพราะทำเยอะจนท้องซะอีกนะครับ ไหงเป็นปฏิกิริยาต่อต้านซะได้
ตอบลบงานนี้เลยไม่รู้ว่าจะเชียร์ให้ใครชนะดีระหว่างเอเลนคุงที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับรีไวซังที่ทำไปเพราะรัก
สงสัยจะโดนดองแล้วแฮะ...แอดมิน!!!มาต่อด่วนนนน ค้างคามากฮะ!
ตอบลบไม่นะอย่าเพิ่งดองเลยนะคะ ได้โปรด//กอดขา
ตอบลบสนุกมากๆเลย เพิ่งอ่านจบเมื่อกี้นี้
ตอบลบมาต่อเถอะค่าติดตามตอนไปอยู่อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ค้างมากค่า
มาต่อเถอะค่ะ ได้โปรด//ลงแดง
ตอบลบรออยู่นะคะ ;;w;;
ตอบลบเจ็บปวดรงตามใจฉันหนักมากครับ แงงงง้ ฮือออ แล้วจะลงเอยกันยังไงนี่ แล้วว่าแต่ตกลงรีไวซังเป็นตัวอะไรกันแน่ครับ ดูดเลือดแบบแวมไพร์ แต่ดูดพลังชีวิตจากความฝันเหมือนอินคิวบัส งืม...
ตอบลบขอบคุณมาก
ตอบลบอยากอ่านต่ออ่าา
เมื่อไรจะอีกอ่า ฮือออ
ชอบเรื่องนี้จัง รอต่อนะ
ตอบลบ