Fiction : Aldnoah.Zero
Title : Follow your heart, Follow my heart
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho (สเลนxอินาโฮะ)
Rating : PG
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -
ในขณะที่ห้องของสเลนมีนักเรียนใหม่
ห้องของอินาโฮะเองก็มีนักเรียนย้ายมาใหม่อยู่อีกคนหนึ่ง เธอชื่อไรเอย์ เธอไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นเท่าไหร่นัก
แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่น่าคบหาหรือพูดคุยด้วย
เวลาผ่านไปหลายเดือน
ทุกคนต่างใช้ชีวิตในโรงเรียนด้วยความสงบสุข ทางด้านสเลนเองก็ดูเหมือนว่าตอนนี้จะสนิทกับอัสเซลัมแล้ว
แต่ความสัมพันธ์นี้ก็ยังเป็นแค่เพื่อนไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ถึงแม้สเลนจะมีใจให้เธอแต่กลับไม่มีความกล้าที่จะสารภาพรักเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปในแง่ลบ
จนกระทั่งวันหนึ่ง คนที่สเลนไม่ได้เห็นหน้ามานานหลายเดือนและไม่คิดอยากเห็นหน้าด้วยกำลังเดินเคียงคู่อยู่กับคนที่เขาชอบ
รอยยิ้มของเธอดูเปล่งประกายเมื่ออยู่กับเจ้าสีส้มมากกว่าตอนอยู่กับเขาเสียอีก
สเลนไม่รู้เลยว่าคนทั้งคู่สนิทกันถึงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั้งๆที่เคยคิดว่าคอยดูเธออยู่ตลอดแท้ๆ
ความไม่ชอบใจในตัวของเจ้าสีส้มเริ่มก่อตัวภายในใจและเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ
ทั้งเรื่องการเรียนและความรัก เขาจะทวงทุกอย่างกลับคืนมาเอง!
“ต้องขอบคุณเรื่องเมื่อคราวก่อนมากเลยนะคะคุณอินาโฮะ
ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ป่านนี้ฉันคง...”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถ้าองค์หญิงอย่างคุณเป็นอะไรไปคงได้เกิดสงครามระหว่างประเทศแน่”
“เอ๋!! คุณอินาโฮะ
รู้เหรอคะ...ว่าฉันเป็นใคร”
“แค่บีงเอิญเดินผ่านไปได้ยินตอนคุณกับผู้ติดตามของคุณแอบคุยกันด้วยเสียงที่ดังขนาดนั้น”
“แล้ว... ล...แล้ว...”
“บริเวณนั้นไม่มีใครนอกจากผมหรอกครับ”
“เฮ้อ!”
อัสเซลัมเผลอระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งด้วยเสียงอันดัง
พอรู้สึกตัวหน้าเธอก็ขึ้นเสียงแดงระเรื่อเสียแล้ว
เจ้าหญิงควรจะสง่างามต่อหน้าผู้คนอยู่เสมอ เธอถูกสอนมาแบบนั้น แม้ว่าจะไม่มีใครในโรงเรียนนี้ที่รู้เรื่องฐานันดรของเธอก็ตามที
แต่เมื่อเธออยู่เคียงข้างอินาโฮะทีไรทำให้เผลอลืมตัวตนในฐานะเจ้าหญิงกลับไปเป็นตัวของตัวเองทุกครั้งไป
การพบกันอย่างจริงจังของทั้งสองมันเริ่มจากการที่องค์หญิงอัสเซลัมถูกช่วยไว้จากการถูกรถขับพุ่งเข้าใส่
โดยรถยนต์คันนั้นตั้งใจที่จะขับชนหมายเอาชีวิตของเธอ
อินาโฮะที่บังเอิญอยู่บริเวณนั้นตั้งสติได้ก่อนใครกระโจนตัวผลักเธอให้พ้นวิถีการชนของรถยนต์และลากเธอวิ่งหนีหายไปในฝูงชน
ด้วยความสุขุมรอบคอบของอินาโฮะจึงทำให้อัสเซลัมเริ่มสนใจในตัวของชายผู้ช่วยชีวิตเธอคนนี้ทีละเล็กทีละน้อย
“ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้วคงต้องขอตัวก่อนครับ”
“อ๊ะ ฉันเองก็เช่นกันค่ะ ยังไงก็ขอขอบคุณเรื่องคราวนั้นอีกครั้งนะคะ”
และทั้งสองก็แยกจาก
ถึงจะเรียนห้องข้างๆ
แต่คาบต่อไปของอินาโฮะเป็นวิชาพละจึงต้องไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ
ระหว่างทางเขาก็พบกับชายหนุ่มผู้ที่เคยชนเขาล้มเมื่อตอนฤดูร้อนของปีก่อน และที่เขาเรียกคนๆนี้ว่าเจ้าค้างคาวก็เพราะสายห้อยโทรศัพท์ลายแบทแมนนั่นเอง
ดูเหมือนว่าเจ้าค้างคาวจะมาดักยืนรอเขาอยู่ได้สักพักแล้ว
อินาโฮะทำเป็นไม่สนใจกำลังจะเดินผ่านไปแต่ก็ถูกรั้งตัวไว้ด้วยเสียงเรียก
“เจ้าสีส้ม”
“...”
“อย่าเข้าใกล้คุณอัสเซลัมอีกเป็นครั้งที่สอง”
ดูจากท่าทางหวงก้างที่ดูออกได้อย่างง่ายดายแบบนั้นแล้วก็รู้สึกอยากยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายกลับ
“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย นายไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้ฉันเข้าใกล้เธอ”
“อึก!”
สเลนสะอึกกับคำพูดที่ชวนให้เถียงไม่ออก
มันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้คนตรงหน้าเข้าใกล้อัสเซลัม “คุณน่ะ...
เข้าใกล้เธอเพราะอะไรกันแน่ ชอบหรือเปล่าครับ หรือแค่...คิดจะหลอกเธอ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำไม”
อินาโฮะถามไปอย่างนั้นโดยไม่คิดอะไร ทันใดร่างกายกลับถูกกระชากอย่างแรง
หมัดลุ่นๆถูกส่งมาปะทะแก้มซ้าย อินาโฮะไม่ทันตั้งตัวไถลลงไปกองกับพื้น
คิ้วขมวดเข้าด้วยกันเล็กน้อยแสดงถึงความเจ็บบนใบหน้าที่ได้รับ
“ถ้าคุณทำให้คุณอัสเซลัมร้องไห้
ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่!”
สเลนตวาดใส่อินาโฮะด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดแล้วเดินฉุนเฉียวออกไป
ความจริงอยากทำมากกว่าต่อยแค่หนึ่งหมัดด้วยซ้ำ แต่หากทำอย่างนั้นแล้วมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นคงได้ถึงหูของพวกอาจารย์ปกครองแน่ๆ
แล้วมันจะเป็นอุสรรคในการอยู่ในโรงเรียนนี้...
เป็นการอุปสรรคในการอยู่ใกล้กับอัสเซลัมคนที่เขารัก
หลังจากสเลนเดินหายไปแล้ว
อินาโฮะยกมือลูบแก้มข้างที่โดนต่อยอย่างเบามือ “หมัดหนักชะมัดเลยแฮะ”
ว่าแล้วจึงพยุงตัวลุกขึ้นเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“อินาโฮะ แก้มไปโดนอะไรมาน่ะ”
อิงโกะเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปทักอินาโฮหลังจากเห็นอินาโฮะเดินเข้าโรงยิมมาแล้ว
“แค่โดนต่อย”
“หา! ถ้าอย่างนั้นก็ไปฟ้องอาจารย์กันเถอะ!” อิงโกะพยายามลากให้อินาโฮะเดินไปอาจารย์แต่อินาโฮะกลับไม่ขยับเขยื้อนใดๆทำให้เธอหันมามองอินาโฮะอย่างต้องการคำตอบ
“เรื่องคราวนี้ฉันผิดเอง”
“เห หายากนะที่อินาโฮะเป็นฝ่ายไปหาเรื่องคนอื่นเขาก่อน”
“ฝ่ายนั้นต่างหากที่มาหาเรื่องก่อน” พูดเสร็จก็เดินไปเข้าแถวปล่อยให้อิงโกะงงงวยกับคำพูดชวนกลับกลอกจนเพื่อนสาวที่เห็นต้องตะโกนเรียกเธอมาเข้าแถวเพื่อเช็คชื่อ
“พ่อหนุ่ม
เร็วๆนี้เธอจะเจอเคราะห์นะ”
จู่ๆหญิงแก่แต่งตัวประหลาดเดินเข้ามาทักอินาโฮะระหว่างทางเดินกลับบ้าน ในมือของถือลูกแก้วกลมอันใหญ่เหมือนนักทำนายที่พบเห็นได้ในการ์ตูนทั่วไป
“ในอนาคตเธอจะเจอเคราะห์ร้าย จงระวังม้าเหล็กไว้ให้ดี จงระวัง จงระวัง จงระวัง...”
แล้วเธอก็เดินหายลับไป
อินาโฮะมองเธอจากไปจนลับสายตาโดยไม่แสดงอาการใดๆ
มือถือเครื่องเก่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบขึ้นมาเปิดไล่ดูรายการการต่างๆที่ตัวเองได้ติดตามไว้
“อ๊ะ มากุโระ* ลดราคา”
“นี่ๆ
เธอเคยได้ยินข่าวลือประจำโรงเรียนนั่นไหม”
“อ๋อ
ข่าวลือเรื่องนักทำนายปริศนาหลังเลิกเรียนนั่นใช่ม้า
เห็นว่ากันว่าทำนายแม่นมากเลยนี่ อยากเจอจังเลยน้า
จะได้ให้ทำนายว่าระหว่างฉันกับรุ่นพี่จะไปกันได้ดีรึเปล่าน่ะสิ กรี๊ด”
“จะบ้าเหรอ เท่าที่ฉันได้ยินมานะ
นักทำนายคนนั้นจะโผล่มาฉพาะต่อหน้าคนที่จะเจอเรื่องร้ายๆเท่านั้นแหละ
คนที่ได้เจอนักทำนายคนนั้นทุกคนล้วนแต่ประสบอุบัติเหตุหนักๆทั้งนั้น”
“เอ๋ น่ากลัวจังง่า
งั้นฉันไม่อยากเจอแล้ว แต่ว่ามันเป็นแค่ข่าวลือไม่ใช่เหรอ ไม่มีจริงหรอก ว่าแต่วันนี้เราไปร้านเบเกอรี่ที่เปิดใหม่หน้าสถนีกันเถอะ...”
เสียงพูดคุยหลังเลิกเรียนแว่วจากปากของนักเรียนสาวสองคนลอดผ่านเข้าโสตประสาทการรับฟังของอินาโฮะ
เรื่องที่นักทำนายคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่นั้นอินาโฮะเพิ่งได้พบเจอกับตัวจริงมาเมื่อกี้
แต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องที่นักทำนายพูดนั้นเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
ถ้าเก็บเอามาคิดเป็นตุเป็นตะคงไม่เป็นอันทำไรแน่อินาโฮะจึงเลือกที่จะทำกิจวัตรประจำวันไปตามปกติ
“เรื่องบางเรื่องถ้าไม่เวลาจริงๆก็ไม่มีทางรู้หรอก”
อินาโฮะได้แต่รำพึงกับตัวเองเบาๆแล้วก้าวเดินออกไป
อนาคตเขาจะเป็นคนกำหนดเอง
สายลมยามเย็นกำลังโหมพัดจากผืนดินขึ้นสู่ท้องนภา
อินาโฮะหลับตาปล่อยให้อากาศไหลผ่านลำคอระหง
ใบไม้จากการกวาดเป็นกองปลิวว่อนไปทั่วบริเวณแล้วสุดท้ายก็พากันร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน
ลมได้หยุดพัด อินาโฮะค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แว่วสดับเสียงเพลงอันไพเราะจากสวนสาธารณะร้างผู้คน
(เนื้อร้องนาทีที่ 3:45)
How can I repay you brother mine?
How can I expect you to forgive?
Clinging to the past I shed our blood,
and shattered your chance to live.
Though I knew the laws I paid no heed.
How can I return your wasted breath?
What I did not know has cost you dear,
For there is no cure for death.
Beautiful mother, soft and sweet
Once you were gone we were not complete.
Back through the years we reached for you.
Alas, twas not ment to be.
And how can I make amends,
for all that I took from you?
I lead you with hopeless dreams.
My brother I was a fool.
Don't cry for the past now brother mine,
Neither you nor I are free from blame.
Nothing can erase the things we did,
For the path we took was the same.
Beautiful mother, soft and sweet
Once you were gone we were not complete.
Back through the years we reached for you.
Alas, twas not ment to be.
My dreams made me blind and mute,
I longed to return to that time,
I followed without a word.
My brother the fault is mine.
So where do we go from here?
And how to forget and forgive?
What's gone is forever lost.
Now all we can do is live.
How can I expect you to forgive?
Clinging to the past I shed our blood,
and shattered your chance to live.
Though I knew the laws I paid no heed.
How can I return your wasted breath?
What I did not know has cost you dear,
For there is no cure for death.
Beautiful mother, soft and sweet
Once you were gone we were not complete.
Back through the years we reached for you.
Alas, twas not ment to be.
And how can I make amends,
for all that I took from you?
I lead you with hopeless dreams.
My brother I was a fool.
Don't cry for the past now brother mine,
Neither you nor I are free from blame.
Nothing can erase the things we did,
For the path we took was the same.
Beautiful mother, soft and sweet
Once you were gone we were not complete.
Back through the years we reached for you.
Alas, twas not ment to be.
My dreams made me blind and mute,
I longed to return to that time,
I followed without a word.
My brother the fault is mine.
So where do we go from here?
And how to forget and forgive?
What's gone is forever lost.
Now all we can do is live.
ราวกับต้องมนต์สะกด อินาโฮะเดินย่างเข้าไปภายในสวนสาธารณะ
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาดั่งภาพวาดของจิตกรชั้นเลิศ
เรือนผมสีฟางข้าวพริ้วไหวคลอตามสายลมเอื่อย แดดยามเย็นขับให้ใบหน้าของบุรุษดูงดงามแต่หมองหม่น
ริมฝีปากได้รูปเอื้อนเอ่ยบทเพลงออกมาเป็นทำนองที่แสนเศร้า
ไม่รู้ทำไมพอได้ฟังของเพลงคนๆนี้แล้วราวกับจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
เสียงเพลงซึมซาบลงในหัวใจ ทั้งไพเราะและเศ้ราหมองระคนกัน เขาไม่สามารถกักเก็บความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไปจนต้องร้องไห้ออกมา
ตอนที่ 2
ขับกล่อมบทเพลง
[จบ]
[*มากุโระ=ปลาทูน่า]
-------------------------------------------------------------
เพลงประกอบที่เอามาแปะเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษค่ะ
แต่เวอร์ชั่นเดิมที่ลองไปหาข้อมูลมารู้สึกจะเป็นเวอร์ชั่นรัสเซียนะคะ
แปะลิงค์เวอร์ชั่นออริจินัลค่ะ(มั้ง) เผื่อใครสนใจจิ้มตามลิงค์ไปเลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=-h_H4g2Px-g
ส่วนคำแปลเพลง(เท่าที่หาได้) ตามลิค์ด้านล่างไปเลยค่ะ
http://my1.dek-d.com/White_Milk/diary/?day=2006-03-28
ตอนแรกแต่งเรื่องนี้แบบไม่ค่อยมีแบบแผนเท่าไหร่นัก แต่งเพราะอยากแต่ง แต่ตอนนี้เริ่มปูเรื่องและเหตุการณ์ต่างๆไว้แล้ว
จะพยายามค่อยๆพัฒนาสำนวนการบรรยายให้ดีขึ้นนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น