วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic] Aldnoah.Zero : Follow your heart, Follow my heart ตอนที่ 3 (Slaine x Inaho)



Fiction : Aldnoah.Zero
Title : Follow your heart, Follow my heart
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho (สเลนxอินาโฮะ)
Rating : PG
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -






ภาพในตอนนั้นยังคงติดตา ภายในสวนสาธารณะที่น่าจะมีเขาอยู่แต่เพียงผู้เดียว ดังเช่นทุกครั้งเขาจะขับกล่อมบทเพลงท่วงทำนองแห่งอดีตอันมิอาจลบเลือน บรรยากาสแสนสงบ ณ ที่แห่งนี้ชวนให้นึกถึงเรื่องราวอันมิอาจหวนกลับ ในจังหวะที่บทเพลงหยุดลง เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มันสุดแสนจะงดงามคลอเคล้าไปกับแสงตะวันรอนราวกับภาพวาดของจิตรกรชั้นเลิศ เขาไม่สามารถถอนสายตาไปจากคนตรงหน้าได้เลย

ขาสองคู่พาก้าวเดินไปอย่างไม่รู้ตัวจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนอีกคน ข้อมือยกขึ้นสัมผัสใบหน้านั้นแผ่วเบา เกลี่ยน้ำตาที่ไหลเอ่อออกอย่างเบามือราวปลอบประโลม ฝ่ามือไล้เลื่อนลงลูบข้างแก้มที่เป็นรอยช้ำจากฝีมือของเขาเมื่อตอนกลางวัน

“ขอโทษ” เอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัว

อีกฝ่ายหลับตาลงราวกับรับรู้พร้อมให้อภัยแล้วผินกายกลับเดินจากไป ในตอนนั้นเขาไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้นกับคนที่ไม่ชอบหน้า ทำไมถึงรู้สึกอยากปลอบโยนอีกฝ่ายที่ร้องให้ ทำไมถึงอยากขอโทษกับเรื่องที่ทำไปเมื่อตอนกลางวัน

ทำไม?

ทำไม?

ทำไม?

หรือเพราะแสงอาทิตย์และสายลมในยามนี้กัน?



พอคิดถึงเรื่องของเราสองในยามเย็นครานั้นราวกับภาพความฝันที่ติดตรึง สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ให้ความรู้สึกเหมือนราวกับเคยสัมผัสจากที่ไหนมาก่อน

“นาโอะคุง เช้านี้ดูเหม่อลอยจังนะ ถึงทุกทีจะดูเหมือนอย่างนั้นอยู่แล้วก็เถอะ” ยูกิเอ่ยถามน้องชายลอยๆหลังจากสังเกตสีหน้าของเจ้าตัวมาตั้งแต่เมื่อคืนวานจนกระทั่งถึงเช้านี้ก็ยังไม่หายเป็นปกติดี

“พี่ยูกิ ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวก็ตกรถประจำทางอีกหรอก”

“หวา จริงด้วยสิ สายแล้วๆ”

อินาโฮะเลี่ยงที่จะตอบคำถามหลังจากดูเข็มนาฬิกาที่บ่งบอกถึงเวลาใกล้เข้างานของพี่สาวของตนเต็มที ยูกิรีบยัดข้าวทุกอย่างที่ยัดได้เข้าไปให้มากที่สุดก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาวิ่งออกจากบ้านโดยทันที

วันนี้เป็นวันหยุดของเด็กนักเรียน แต่สำหรับคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วถือเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ อินาโฮะเก็บจานอาหารบนโต๊ะล้างจนสะอาด หลังจากเสร็จภารกิจจึงหย่อนกายนั่งเปิดทีวีดูข่าวสารบ้านเมืองไปเรื่อยเปื่อย แต่ทว่ามันกลับไม่เข้าหัวเลยแม้แต่น้อย ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อเย็นวานจนอยู่ไม่สุข เพราะอะไรกัน? อินาโฮะตัดสินใจออกจากบ้านเดินไปที่สวนสาธารณะต้นเหตุนั้นอีกครั้ง

ในตอนกลางวัน ณ สวนสาธารณะเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ ทั้งเด็กผู้ใหญ่ต่างเดินเล่น บ้างก็นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจภายใต้ความร่มรื่นของเงาไม้

“อ๊ะ คุณอินาโฮะ สวัสดีค่ะ” เสียงทักใสๆดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันกายกลับมองตามต้นเสียงก็พบเข้ากับอัสเซลัม วาร์ส อาลูเซีย ผู้เป็นถึงเจ้าหญิงคนสำคัญขอประเทศแห่งหนึ่งที่ลี้หลบภัยมาในประเทศญี่ปุ่นชั่วคราว

“มาเดินเล่นแบบนี้ไม่ระวังตัวเอาซะเลยนะครับ แล้วผู้ติดตาม...”

“พอดีหลงกันน่ะค่ะ ไม่คุ้นเส้นทางแถวนี้ด้วย คุณอินาโฮะพอจะช่วยนำทางให้หน่อยได้ไหมคะ”

“อยากจะไปที่ไหนครับ”

“อืม เดินชมเมืองค่ะ” และแล้วอินาโฮะจำต้องรับบทเป็นไกด์จำเป็นให้แก่องค์หญิงชั่วคราว ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งถึงเวลาแยกจาก

เขาเดินมาส่งองค์หญิงที่คอนโดชั้นล่าง หลังจากมองอีกฝ่ายเข้าคอนโดจนลับตาไปจึงเตรียมหันกายกลับแต่สัมผัสราวกับเตะบางสิ่งบางอย่างที่ปลายเท้าทำให้จำต้องก้มหน้าลงไปมอง

สร้อยคอสีเงินยาวตกอยู่บนพื้น ถ้าจำไม่ผิดสร้อยเส้นนี้เป็นของอัสเซลัมเพราะวันนี้ทั้งวันเขาเห็นเธอห้อยมันอยู่ตลอดเวลา อินาโฮะก้มเก็บมันขึ้นมาคิดเพียงแค่ว่าคงต้องเอามันไปคืนอย่างช่วยไม่ได้ คอนโดที่องค์หญิงพักอาศัยอยู่นั้นไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดแต่อย่างใด ทำให้อินาโฮะสามารถเดินเข้าไปดูห้องของเป้าหมายจากตู้จดหมายแล้วเดินขึ้นไปยังห้องพักของอัสเซลัมได้ถูกต้อง

ระหว่างที่อินาโฮะกำลังเงื้อมมือกดกริ่งอยู่นั้น เสียงดังโครมครามจากภายในทำให้มือที่กำลังจะกดกริ่งหยุดชะงักเปลี่ยนมาเป็นลองหมุนลูกบิดแทน ประตูที่น่าจะล็อกกลับถูกผลักเปิดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ได้ล็อก?” สัญชาตญาณบางอย่างของอินาโฮะกำลังร้องเตือนว่าคนภายในห้องกำลังมีอันตราย โดยไม่รีรออินาโฮะพุ่งตรงเข้าไปภายใน

บุคคลสองคนที่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันกำลังยื้อยุดต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง หนึ่งคนพยายามเอาตัวรอดจากการถูกทำร้าย ส่วนอีกหนึ่งพยายามจะใช้ผ้ารัดคอหมายให้อีกฝ่ายตายทรมาน พอฝ่ายกระทำเห็นบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้องจึงรีบพรวดพราดหนีออกไปทางหน้าต่างซึ่งสูงถึงสิบเอ็ดชั้นด้วยกัน

“แค่กๆ” อัสเซลัมทรุดเข่าอ่อนระทวยลงกับพื้น พยายามหอบหายใจโกยอากาสเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อินาโฮะที่เห็นดังนั้นจึงคุกเข่าลูบหลังให้อย่างใจเย็น “ขอบคุณมากนะคะคุณอินาโฮะ”

“สร้อยคอของคุณตก เลยจะเอามาคืน”

“ขอบคุณมากเลยค่ะ สร้อยเส้นนี้จริงๆแล้วเป็นของสเลน สเลนบอกว่ามันเป็นเครื่องรางแล้วให้ฉันมา” อัสเซลัมมองมันด้วยแววตาอ่อนโยน อยากขอบคุณสร้อยเส้นนี้และคนที่มอบมันให้กับเธอ เพราะว่ามันได้ช่วยนำพาให้อินาโฮะมาพบเธอในสถานะการคับขันเช่นนี้

“ผู้หญิงคนนั้นที่ทำร้ายคุณ...”

“ฉันไม่รู้จักเธอคนนั้น...”

“เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องผมเอง เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกับคุณ ชื่อไรเอย์”

!” ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความอีกอัสเซลัมก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคนนั้นเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมา และเรื่องที่เธอหลบภัยมาอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วเข้ามาเรียนโรงเรียนอัลโนอาห์ได้แตกไปถึงหูพวกกบฏตั้งแต่ทีแรกแล้ว

“ทำไมเจ้าหญิงอย่างคุณถึงมาอยู่ในคอนโดที่ระบบรักษาความปลอดภัยต่ำแบบนี้”

“เราใช้แผนการสลับตัวกันน่ะค่ะ ส่งคนไปเป็นตัวแทนของฉันเพื่อเป็นตัวล่อ แล้วรวบหัวรวบหางผู้ทำการทรยศ แต่ไม่นึกเลยว่าแผนนั้นจะถูกดูออกและถูกตามสะกดรอยจนมาเจอที่นี่เข้า แต่ว่า...” แผนการนี้เป็นแผนการลับ มีแค่คนในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้แผนการนี้ อัสเซลัมไม่กล้าพูดต่อจนจบประโยค เธอกลัวที่จะต้องยอมรับความจริงว่ามีคนในที่เธอแสนจะไว้วางใจเป็นคนทรยศ

หลังจากเหตุการณ์สงบลง อัสเซลัมได้โทรติดต่อกับผู้คุ้มกันคนอื่นๆอีกห้าถึงหกคน จากลงมติกันแล้วเสียงส่วนมากโหวตให้องค์หญิงย้ายที่พักโดยด่วนและกลับประเทศของตนชั่วคราวภายในอาทิตย์หน้า

เหตุการณ์วุ่นวายจบลงเมื่อผู้คุ้มกันองค์หญิงทั้งหมดมารวมตัวครบ อินาโฮะจึงหมดหน้าที่คอยเฝ้าระวังองค์หญิงแล้วขอตัวกลับบ้านแทน ระหว่างทางสัมผัสจากวัตถุเย็นในกระเป๋าเสื้อทำให้ต้องหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง... เขาลืมคืนสร้อยคอให้อัสเซลัมจนได้ เป็นเพราะเธอไม่ยอมยื่นมือมารับมันไปสักทีทำให้เขาต้องเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อจนลืมแบบนี้ไง

สร้อยคอเส้นนี้จริงๆแล้วเป็นของสเลน

คำพูดของอัสเซลัมนั้นทำให้เขาก้มลงมองมันอีกครั้ง จากในหนังสือที่อ่านมา การที่ฝ่ายชายให้ของสำคัญกับฝ่ายหญิงหมายความว่าฝ่ายชายไว้วางที่จะให้ฝ่ายหญิงคนนั้นดูแลมัน และฝ่ายหญิงคนนั้นจะต้องเป็นคนสำคัญมากที่สุดสำหรับชายคนนั้น หรือแปลง่ายๆก็คือเจ้าค้างคาวนั่นหลงรักองค์หญิงจากต่างแดนเข้าเต็มเปา นี่ถ้ามาเห็นสร้อยเส้นนี้อยู่กับเขาละก็คงจะเดือดน่าดู ความจริงก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง เพราะฉะนั้นคงต้องคืนตอนเจ้านั่นไม่เห็น

“นาโอะคุงวันนี้ทำไมกลับบ้านซะดึกเชียว”

“นิดหน่อย”

“วันหลังโทรฯมาบอกก่อนนะพี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยูกิพูดเตือนน้องชายด้วยความเป็นห่วงพร้อมกอดรัดน้องชายไว้ในอ้อมแขน การที่เธอกลับบ้านมาไม่เจอน้องชายที่ควรจะอยู่บ้านเป็นประจำหรือกลับบ้านตรงเวลานั้นมันทำให้เธอใจหาย กลัว...กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องชายเธอ กลัว...กลัวว่าอินาโฮะจะหายไปจากเธออีก กลัว...กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนในคราวนั้น เหตุการณ์ที่เกือบพรากอินาโฮะไปจากเธอชั่วนิรันดร์...

แรงสั่นสะท้านจากร่างกายของผู้เป็นพี่ส่งผ่านมาถึงอินาโฮะ “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง คราวหลังจะโทรฯมาบอกทุกครั้ง ไม่ต้องร้องไห้นะ” อินาโฮะเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่กลิ้งหล่นเปรอะเปื้อนใบหน้าสวยของพี่สาวตน เขายังจำได้ดีว่าทำไมพี่ยูกิถึงเป็นห่วงเขามากมายขนาดนี้ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้พี่ยูกิเอาแต่โทษตัวเองมาตลอดว่าดูแลเขาไม่ดี ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่ใช่ควมผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเขาต่างหากที่...

“อึ๊ก! พี่...ยู...กิ...” ร่างของอินาโฮะทรุดฮวบลงในอ้อมกอดของผู้เป็นพี่สาว ยูกิรีบอุ้มน้องชายขึ้นไปบนห้องนอน อาการชักแบบนี้ของอินาโฮะเธอไม่ได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้วนะ หรือเพราะว่าเธอทำท่าเป็นห่วงเกินไปจนทำให้อินาโฮะหวนนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นจนโรคลมชักกำเริบ

“ผมไม่...เป็นไร” อาการชักของอินาโฮะเป็นการที่กล้ามเนื้อหดตัวจนเกร็งไปทั้งร่าง มือทั้งสองข้างจะกำแน่นจนเกิดเป็นรอยเล็บบนฝ่ามือ ระบบหายใจติดขัดทำให้หอบหายใจแรงกว่าปกติเพียงแค่นั้น ที่เหลือคงต้องรอให้เวลาผ่านไปจนจิตใจของอินาโฮะสงบลงได้ก่อนอาการเหล่านี้ถึงจะค่อยๆบรรเทาลงจนหายเป็นปกติ

“ขอโทษนะนาโอะคุง”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของพี่” รอยยิ้มจางๆอย่างเหนื่อยอ่อนถูกส่งไปให้หวังให้ยูกิรู้สึกสบายใจมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย และมันก็ได้ผลเมื่อใบหน้าของยูกิมีอาการผ่อนคลายลง

“วันนี้เรามานอนด้วยกันนะ”

“อืม”

และแล้วคืนนั้นยูกิก็ได้ย้ายมานอนกับอินาโฮะอย่างที่ได้บอกไปจริงๆ ความอบอุ่นของยูกิส่งผ่านไปถึงอินาโฮะจนในที่สุดอาการก็สงบลง

...เรื่องบางเรื่อง ถ้าลืมไปได้ก็คงจะดี...



ตอนที่ 3

พี่น้อง

[จบ]













--------------------------------------------------------

เสร็จไปอีกตอนแล้วค่ะสั้นๆ ไม่อยากแต่งตอนนึงยาวๆเพราะกลัวไม่จบ(ยิ่งมีประวัติดองเยอะ) แต่เรื่องนี้พยายามจะแต่งให้จบนะคะ แต่ถ้าไม่จบก็ยกโท....//อย่าพูดเป็นลางสิ!!!
พอแต่งตอนนี้เสร็จแล้วรู้สึก เอ๊ะ นี่มัน...Incest คู่ พี่ยูกิXขอนไม้โฮะ นี่ //ไม่นะคะ สองคนนี้ไม่มีอะไรในก่อไผ่จริง เป็นแค่พี่น้องที่รักกันมากธรรมด๊าธรรมดา(แล้วจะขึ้นเสียงสูงเพื่อ?) แต่งเองก็อดคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ แต่ก็นะ...นี่มันนิยายวายเพราะฉะนั้นนอมมอลหมดสิทธิ์! สองคนนี้ไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นอน การที่ยูกิทั้งหวงทั้งห่วงน้องขอนไม้จนเกินเหตุในฟิคเรื่องนี้มันมีสาเหตุค่ะ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นต้องติดตาม...

อันความจริงก็ไม่เคยจิ้นคู่โฮะกับอยู่กินะ แต่ชอบมองทั้งสองคนนี้ที่เป็นพี่น้องที่รักกันแบบครอบครัวมากมากกว่า ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดีจัง >< //แปะ!
หรือถ้าจะให้จิ้นจริงๆอินาโฮะต้องเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย พี่สาวพูดอย่างไรก็อย่างนั้น ยูกิเลี้ยงโฮะให้เติบโตมาอย่างไร้เดียงสา แล้วจู่ๆวันหนึ่งเธอหายไปแปลงเพศมากลับมาก็จับโฮะกดลงเตียง โฮะทั้งร้องไห้ทั้งเสียใจพี่สาวเปลี่ยนไป 'สเลนช่วยด้วย' 'นาโอะคุง สเลนนี่ใคร แอบมีคนอื่นนอกจากพี่เหรอ หลังจากวันนี้ไปเธอจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้านนี้อีกเลย เธอจะมีแค่ฉัน แค่ฉันเท่านั้น! นาโอะที่รักของพี่!' #จบบริบูรณ์ (<<ความคิดของคนที่เพิ่งบอกไปหยกๆว่าไม่ได้จิ้น =_=;; อะแหม ถ้าพี่ยูกิกลายเป็นสาย c ซะ มิดไนท์คนนี้ก็บ่ยั่น จิ้นได้หมดแหละ เอิ๊กๆๆๆ)

จบๆๆ แปะภาพใสๆอบอุ่นหัวใจในครอบครัวดีกว่า (ล้างราคีให้คู่พี่น้องสองคนนี้แป๊บ)
Credit : ?? (ภาพที่เซฟๆมาได้สักพัก เจอใน pixiv แต่จำไม่ได้ว่าใครวาด ต้องขอโทษด้วยนะคะ)



















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น