วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Fic] Aldnoah.Zero : Follow your heart, Follow my heart ตอนที่ 4 (Slaine x Inaho)



Fiction : Aldnoah.Zero
Title : Follow your heart, Follow my heart
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho
Rating : PG
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -






“งานๆๆๆ จะบ้าตายอยู่แล้ว!” ไคซึกะ ยูกิ ขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่องอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เอกสารกองพะเนินสูงเกือบท่วมหัวแลดูแล้วน่าเขวี้ยงทิ้งนัก ไม่นึกเลยว่าการทำงานมันจะเหนื่อยกว่าการเรียนแบบนี้ ทำเอาเธออดคิดถึงช่วงวัยใสวัยรุ่นวัยเรียนของเธอไม่ได้ “เฮ้อ เพื่อนคนอื่นๆจะเป็นยังไงกันบ้างน้า”

“เอ้า อู้อย่างนี้เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนซะหรอก”

“ขอโทษด้วยค่ะผู้จัดการมาริตะ” เธอตอบเสียงอ่อยหลังจากโดนผู้จัดการจี้จุดขู่เรื่องจะตัดเงินเดือน อันที่จริงเธอคิดว่าคนที่สมควรจะโดนตัดเงินเดือนมากที่สุดก็คือผู้จัดการมาริตะนี่แหละ! ถึงที่บริษัทนี้จะเป็นสาชาย่อย แต่ผู้จัดการที่แต่งตัวไร้ระเบียบ ผมเผ้ารุงรัง ไม่รู้จักโกนหนวดเครา แถมดื่มเหล้าตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ไม่สมควรจะเป็นถึงระดับผู้จัดการซะด้วยซ้ำ! แต่เรื่องความสามารถของมาริตะเธอเองต้องยอมรับว่าชายคนนี้เปี่ยมไปด้วยความสามารถอย่างแท้จริง

“พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสำหรับคนทำงานอย่างพวกเราแล้ว สู้เข้าละกัน”

“โธ่ ผู้จัดการพูดอย่างนี้ทั้งปี”

“ถ้าขี้เกียจนักก็คิดถึงหน้าน้องชายสุดที่รักของเธอเข้าไว้ล่ะ อ้อ พูดถึงน้องชายเธอ ฉันได้ข่าวว่าได้ทุนเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนอัลโนอาห์นี่ เจ้าหนูนั่นสุดยอดไปเลยนา”

ยูกิอมยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงน้องชายที่เป็นความภาคภูมิใจของเธอ “นั่นสินะคะ นาโอะคุงเก่งจริงๆนั่นแหละค่ะ”
“เธอนี่รักน้องจริงๆเลยนะ เอ้อ...เดี๋ยวนะ แบบนี้ที่เขาเรียกกันว่าบราค่อนใช่ไหม?”

“อ๊า โธ่ ไม่ใช่ซะหน่อยค่ะ แล้วงานของคุณไม่มีหรือไงคะมานั่งแกล้งลูกน้องแบบนี้ แล้วก็เลิกดื่มเหล้าในเวลางานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวลูกน้องได้หมดความเคารพนับถือในตัวคุณกันพอดี”

“น่าๆ เอาไว้ถึงเวลานั้นแล้วคงหาทางจัดการอะไรสักอย่างได้เองนั่นแหละน่า” หลังจากกลั่นแกล้งลูกน้องสาวภายใต้ความดูแลเรียบร้อยแล้วมาริตะจึงเดินออกไปด้วยความสบายใจ ทำเอายูกิหน้าบูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่โดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว แต่สิ่งที่ผู้จัดการมาริตะพูดก็มีส่วนถูก เธอต้องตั้งใจทำงานเพื่อน้องชายของเธอ

พ่อกับแม่ของพวกเราหย่ากันเพราะพ่อถูกแม่จับได้ว่าแอบคบชู้ ตอนแรกแม่ให้พ่อเลือกว่าจะอยู่กับแม่หรือจะไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่พ่อกลับเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเป็นแม่ ทำให้แม่ตรอมใจร่างกายอ่อนแอและไม่ดูแลตัวเองจนกระทั่งป่วยตาย วันงานศพแม่ก็ไม่มีข่าวคราวหรือเงาของพ่อมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย พวกเราสองพี่น้องอยู่มาได้เพราะเงินประกันชีวิตที่แม่ทำไว้ มันเป็นเงินจำนวนมากพอให้เด็กอายุสิบสองอย่างเธอส่งเสียตัวเองจนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย แล้วออกหางานทำเพื่อเลี้ยงน้องชายที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมต้น พอน้องชายขึ้นมัธยมปลายสอบได้ทุนการศึกษาทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้มาก เพราะตอนนี้เงินประกันชีวิตหมดไปแล้วและมีแต่เธอเท่านั้นที่ทำงานเลี้ยงทั้งตัวเองและน้องชาย

ในตอนแรกอินาโฮะยืนกรานจะออกจากโรงเรียนไปหางานทำ แต่ถูกคำสั่งเด็ดขาดของเธอสั่งห้ามไว้แม้ระทั่งงานพิเศษก็ห้าม อินาโฮะจึงยังคงใช้ชีวิตในโรงเรียนโดยไม่แตะต้องงานพิเศษเลยแม้แต่น้อย เธอเข้าใจดีว่าน้องชายอยากช่วย แต่การเรียนนั้นสำคัญ อีกอย่างน้องชายแค่คนเดียวเธอมีปัญญาเลี้ยงไปทั้งชีวิต หากทำไม่ได้เธอคงเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่อง!

เมื่อคิดได้ดังนั้นไฟในใจของยูกิเริ่มลุกโชน กองงานเอกสารท่วมหัวถูกปั่นอย่างรวดจนเพื่อนข้างโต๊ะต้องลุกหนีเพราะความร้อนแรงของเธอ ในที่สุดก็เสร็จงานโดยไม่ต้องพึ่งโอทีที่ไม่มีค่าล่วงเวลาให้แม้แต่นิด

“ในที่สุดก็เสร็จสักที” ยูกิบิดขี้เกียจเดินออกจากบริษัทหลังจากกล่าวลากับผู้จัดการเรียบร้อยแล้ว

ย่านช็อปปิ้งของวัยรุ่นใกล้กับสถานที่ทำงานเย้ายวนให้คนทำงานหนักอย่างเธอแวะเวียนไปเดินผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว

“อ๊ะ! นั่นมัน...” ร้านช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดตั้งป้ายสินค้าใหม่ในราคาถนอมกระเป๋า ภาพแพ็คเกจสวยสดใสดึงดูดเหล่าหญิงสาวราวกับแสงไฟล่อแมงเม่าให้เข้าไปหา เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยคำว่าสินค้ามีจำกัดที่วงเล็บต่อท้ายในป้ายก็สามารถทำให้เธอกระโจนเข้าไปอยู่ในฝูงชนของเหล่าผู้หญิงโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

วัยรุ่นสาวมุงขนาดย่อมไม่แพ้กลุ่มฝูงแม่บ้านมุงเวลาเจอของลดราคา ยูกิที่ใช้แรงทั้งหมดพยายามเบียดแทรกร่างกายไม่เล็กไม่ใหญ่เข้าไปในฝูงชนแต่กลับถูกผลักกระเด็นออกมาซะอย่างนั้น

ผลั่ก!

“โอ๊ย!” ยูกิถูกผลักกระเด็นออกมาชนคนด้านหลังจนล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว มือลูบก้นกบที่กระแทกกับพื้นป้อยๆหวังให้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บ

“เอ่อ ไม่เป็นอะไรนะครับ” มือข้างหนึ่งถูกยื่นมาด้านหน้า ยูกิเงยหน้ามองเจ้าของมือข้างนั้นที่กำลังก้มลงมองเธอด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบใจมากนะ” ยูกิยื่นมือไปเกาะกุม ชายหนุ่มออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยทำให้เธอลุกขึ้นมายืนได้อย่างเดิม

“แล้วเขามุงอะไรกันเหรอครับ คนเยอะเชียว”

“ร้านนี้มีสินค้าใหม่มาขายวันนี้น่ะสิ แถมของยังมีจำกัด คนเลยเยอะอย่างที่เห็น ต่อให้ตายวันนี้ก็ต้องได้มาสักกล่องสองกล่องละ!” ยูกิตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปอีกรอบแต่กลับถูกเสียงชายคนที่เพิ่งช่วยเธอรั้งเอาไว้

“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมช่วยนะครับ”

.

.

.

“แหมๆๆ ช่วยได้มากเลย ขอบคุณมากนะ เอ่อ...”

“สเลนครับ สเลน โทรยาร์ด”          สเลนในสภาพทรุดโทรมแนะนำตัวขณะนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่ที่ยูกิอาสาพามาเลี้ยงตอบแทนเรื่องช็อกโกแลต ตามตัวเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากศึกแย่งชิงช็อกโกแลตเมื่อสักครู่ เขาดูถูกแรงของผู้หญิงมากเกินไป นึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายซึ่งแรงเยอะกว่าจะสามารถฝ่าฝูงชนของผู้หญิงเข้าไปได้ง่ายๆซะอีก แต่เขาคิดผิดถนัด! หากมีครั้งหน้าเขาจะไม่อาสาตัวไปแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!

“สเลน โทรยาร์ด? ...เป็นคนต่างชาติแต่พูดญี่ปุ่นชัดจังนะ...”

“ไม่เชิงครับ ผมเป็นลูกครึ่ง เหมือนทางแม่มากกว่า แม่ผมเป็นคนต่างชาติแต่พ่อเป็นคนญี่ปุ่นก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ แล้วคุณ...”

“อ้อ ขอโทษที่เสียมารยาท ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันไคซึกะ ยูกิ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณไคซึกะ”

“เรื่องช็อกโกแลตยังไงก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอบคุณที่เลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมผมเหมือนกัน”

“เล็กน้อยจ้ะ” ยูกิยิ้มอย่างมีความสุข ยังไงคนตรงหน้าก็ดูเหมือนชาวต่างชาติมากกว่าคนญี่ปุ่นจริงๆ ดูอายุอานามแล้วคงเด็กกว่าเธออยู่พอควร “ผู้ชายนี่ดีจังน้า” ยูกิพูดออกมาลอยๆจนเด็กหนุ่มตรงหน้าเงยขึ้นมองด้วยความสงสัย

“มีอะไรเหรอครับ”

“อ๊ะ เปล่าหรอก แค่คิดว่าผู้ชายนี่ดีนะ สูงดี”

“คุณก็สูงนะครับ” สเลนตอบออกไปตามตรง เพราะผู้หญิงตรงหน้าเองก็สูงเกือบจะเท่าๆเขา

“พอมองหน้าเธอดีๆแล้วรู้สึกคุ้นๆนะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า” ยูกิเปลี่ยนประโยคสนทนาฉับพลันถามออกไปหลังจากสังเกตใบหน้าอีกฝ่ายได้สักพัก เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน

“ไม่หรอกครับ อาจเป็นคนอื่นที่หน้าตาคล้ายกับผมก็ได้”

“นั่นสินะ” เมื่อถูกปฏิเสธรวมกับนึกไม่ออกว่าเคยเจอคนตรงหน้าที่ไหน ทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจที่จะนึกต่อไป ดู่ท่าเธอจะได้เพื่อนใหม่อายุน้อยกว่ามาหนึ่งคนซะแล้ว เพราะหลังจากนั้นเธอก็คุยติดลมจนลืมเวลาที่ควรจะกลับบ้านไปซะสนิท จนกระทั่งแหงนมองดูนาฬิกาในร้านคาเฟ่ตีบอกเวลาทุ่มกว่า

“แย่แล้วสิ ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”

“จริงด้วย ผมเองก็ลืมดูเวลาไปเลย”

“วันนี้ต้องขอตัวก่อนนะ หวังว่าโอกาสหน้าเราจะได้พบกันอีก” ยูกิลาเด็กหนุ่มแล้วรีบวิ่งขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตัวเองคุยจนลืมอินาโฮะซะสนิท ป่านนี้คงนั่งรอกินข้าวพร้อมหน้ากับเธอจนท้องกิ่วแย่แล้ว

แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ยูกิกลับต้องใจหายเมื่อไม่พบน้องชายที่น่าจะนั่งรออยู่ บนโต๊ะอาหารไม่มีกับข้าววางไว้แสดงให้เห็นว่าอินาโฮะไม่ได้อยู่บ้านตั้งแต่เที่ยงวัน ถึงจะเดินหาอินาโฮะจนทั่วบ้านไม่ว่าที่ไหนๆก็ไม่เจอ ยูกิร้อนรนกลัวจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับอินาโฮะอีกครั้ง พอโทรฯหาเจ้าตัวก็ไม่รับสาย พอโทรฯหาตำรวจกลับไม่รับคำแจ้งความเรื่องคนหายเพราะเหตุผลว่าคนหายไม่ได้มีอาการทางสมองหรือจิตปกติ บริเวณบ้านไม่มีร่องรอยการถูกบุกรุก ทำให้สรุปว่าคนหายอาจออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นยามค่ำคืนตามประสาวัยรุ่นด้วยตัวเองมากกว่า

ยูกินั่งกระวนกระวายใจอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้เธอรีบวิ่งออกไปหวังให้เป็นคนที่เธอกำลังรอคอย

“นาโอะคุงวันนี้ทำไมกลับบ้านซะดึกเชียว”

“นิดหน่อย”

เสียงตอบกลับจากคนที่รอคอยดูยังสบายดีทำให้เธอเบาใจจนเผลอน้ำตาคลอเบ้า

“วันหลังโทรฯมาบอกก่อนนะ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยูกิสวมกอดน้องชายอย่างเต็มรักเพื่อย้ำเตือนว่าน้องชายของตัวเองยังอยู่ตรงนี้ อยู่ในอ้อมกอดเธอ ไม่ได้หายจากไปไหนอีก ความดีใจที่เห็นคนสำคัญที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตยังคงปลอดภัยมันทำให้น้ำตาไหลอาบ สัมผัสจากปลายนิ้วอันอบอุ่นของอินาโฮะปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเธออย่างไม่รังเกียจ

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง คราวหลังจะโทรฯมาบอกทุกครั้ง ไม่ต้องร้องไห้นะ”

ยูกิเพิ่มแรงสวมกอดน้องชายเข้าไปอีก ดูท่าว่าเธอจะแสดงท่าทางเป็นห่วงเกินไปทำให้อินาโฮะหวนนึกถึงเรื่องโหดร้ายเมื่อเก้าปีก่อนฃึ่งเป็นบาดแผลฝังลึกในใจจนทำให้โรคลมชักกำเริบ ยูกิใจหายรีบแบกน้องชายเพียงคนเดียวขึ้นห้องนอน เธอกุมมืออินาโฮะไว้อยู่อย่างนั้นตลอดจนอาการเริ่มทุเลาลงจนหายเป็นปกติ ด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้อินาโฮะอยู่คนเดียวจนคิดเรื่องฟุ้งซ่าน คืนนี้เธอจึงขอมานอนด้วยแล้วก็ได้รับอนุญาตจากน้องชายตัวดีเรียบร้อย คืนนั้นเธอนอนกอดอินาโฮะอย่างมีความสุข ความกังวลต่างๆมลายหายไปสิ้นเมื่ออินาโฮะยังอยู่ในระยะที่เธอสามารถเอื้อมถึงได้แบบนี้



นาโอะจัง ทางนี้ แน่จริงตามจับให้ได้สิในสวนสาธารณะยามเย็นสุดแสนจะคุ้นตา เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังโบกมือไปมา ไม่รู้จัก ไม่เห็นหน้า...พอพยายามเพ่งมองกลับยิ่งเลือนลาง ฝ่ามือเล็กป้อมของตัวเองทำให้อินาโฮะแปลกใจ กลายเป็นเด็กไปตั้งแต่ตอนไหนกัน หรือนี่คือความฝัน?

เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างทั้งร่างวิ่งไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งวิ่งหนี เสียงหัวเราะสนุกสนานดังก้องทั่บริเวณ จนกระทั่งทั่งเขาสะดุดล้มหน้าทิ่มพื้น

แง้!’ เสียงร้องไห้กระจองอแงทำให้ฝ่ายวิ่งหนีรีบวิ่งมาดูอาการบาดเจ็บ ฝ่ามือเล็กป้อมเป็นแผลถลอกจากการสะดุดล้มคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อของอีกฝ่าย จับได้แล้ว ฮึกๆใบหน้านองน้ำตาพร้อมด้วยเสียงสะอื้นทำให้ฝ่ายโดนฉวยโอกาสต้องกลืนคำพูดกล่าวหาว่าขี้โกงลงลำลอไปในบัดดล

ว่าแต่ไม่เจ็บตรงไหนนะอีกฝ่ายถามคนสะดุดล้มด้วยความเป็นห่วง เมื่อจับตัวพลิกสำรวจเห็นเพียงรอยถลอกบางจุดทำเอาเบาใจ

ไม่เจ็บ!’ เด็กน้อยพูดเสียงแข็งกลั้นสะอื้นที่ดูยังไงๆก็เจ็บเห็นๆ

นี่ก็เย็นแล้ววันนี้ให้พี่พาไปส่งบ้านนะคนโตกว่าเล็กน้อยลูบหัวคนเจ็บด้วยความเป็นห่วง

ไม่ต้อง นาโอะกลับเองได้แล้วเป็นดังเช่นทุกครั้งที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้ไปส่งที่บ้านด้วยเหตุผลว่าบ้านของต่างฝ่ายต่างอยู่กันคนละทาง เดินไปกลับรังแต่จะมืดและเสียเวลาไปเปล่าๆ

เอ้อ จริงสิ ศุกร์หน้าเป็นวันเกิดของพี่ นาโอะจังสนใจมาเที่ยวบ้านพี่ไหม

คำชักชวนครั้งแรกทำให้นาโอะตัวจิ๋วตื่นเต้นดีใจ ริมฝีปากเล็กๆตอบตกลงออกไป แต่เจ้าตัวกลับต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้สดับยินเสียงของตน ไม่ว่าจะตะโกนออกไปดังเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดใดๆออกมาจากลำคอน้อยๆนั้น เงาเลือนรางของคนโตกว่าขยายใหญ่กลายเป็นกลุ่มก้อนร่างสีดำน่าขยะแขยง จิตมุ่งร้ายถูกส่งมาหาเด็กน้อยจนแข้งขาอ่อนพยายามคลานหนี แต่ไม่ทันการเมื่อถูกเงาดำเหล่านั้นพันรัดกระชากกลืนเข้าไปจนไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้

ใครก็ได้...ช่วยด้วย พี่--------‘ เสียงสุดท้ายเล็ดรอดออกมากลับกลายเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ ชื่อของคนโตกว่าที่ตะโกนออกมาถูกกลืนหายไปในความเงียบงันจนไม่สามารถรับรู้ถึงชื่อนั้นได้อีก

...ภาพทุกอย่างกลับกลายเป็นสีดำมืด...

เฮือก!

ร่างชุ่มเหงื่อสะดุ้งพรวดลุกนั่ง มือควานหาคนที่น่าจะอยู่ข้างตัวแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า ร่างกายเล็กหุนหันวิ่งลงจากบันไดหวังเจอคนที่นอนอยู่ข้างกันเมื่อคืน เสียงตะหลิวกระทบกะทะทำให้อินาโฮะวิ่งเข้าไปในครัว ทันใดที่เห็นหน้าพี่สาวอินาโฮะจึงวิ่งถลาเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างไม่ทันคิด

ยูกิสะดุ้งตกใจที่จู่ๆอินาโฮะก็วิ่งเข้ามาสวมกอดซะอย่างนั้น แรงสั่นเล็กน้อยจากแขนบางๆของน้องชายเธอทำให้เธอตัดสินใจปิดแก๊สวางทุกสิ่งทุกอย่างลงแล้วหันมากอดตอบ

“เป็นอะไร ไหนลองเล่าให้พี่ฟังซิ”

“ฝัน...ฝันถึงเรื่องในวัยเด็ก” ทันทีที่เอ่ยออกมา ร่างของยูกิเกร็งขึ้นในทันที เรื่องวัยเด็กของอินาโฮะเป็นอะไรที่เธอไม่อยากให้น้องชายคนนี้นึกถึงที่สุด

“ตอนแรกมันเป็นฝันดีในตอนเด็กๆที่ลืมไปแล้ว แต่แล้วมันก็กลายเป็นเงาดำลากผมเข้าไปในนั้น ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่มันน่ากลัวมาก ไม่อยากนึกถึงมันเลย”

“ขวัญเอ๊ยขวัญมา ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่อยากนึกก็ไม่ต้องนึก มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละน้านาโอะคุง” เธอลูบหลังอินาโฮะเบาๆอย่างเป็นการปลอบใจ พยายามพูดปลอบเพื่อไม่ให้อินาโฮะนึกถึงเรื่องราวในความฝัน โดยเฉพาะเรื่องราวในตอนเด็กนั้นยิ่งแล้วใหญ่ “เอ้า ไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย วันนี้พี่สาวคนสวยจะเป็นฝ่ายโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้กินเอง”

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย วันนี้อินาโฮะขอตัวออกไปขอนอกโดยบอกยูกิไว้แล้ว เมื่อคืนวานแบตมือถือหมดทำให้ยูกิวุ่นวาย คราวนี้อินาโฮะจึงพกแบตสำรองติดตัวไปด้วย

เขามุ่งตรงไปยังที่พักของอัสเซลัมเพื่อมอบสร้อยคอที่ไม่ได้คืนให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อถึงที่หมายกลับพบเพียงความว่างเปล่า พอลองถามผู้ดูแลห้องเช่าจึงได้รู้ว่าย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว

ไหนๆก็ไหนๆแล้วเมื่ออกมาทั้งทีอินาโฮะจึงเลือกนั่งรถประจำทางไปลงป้ายที่ยูกิมักนั่งมาลงประจำเพื่อเข้าที่ทำงานเสมอ อินาโฮะเดินเตร่แถวย่านช็อปปิ้งของวัยรุ่นอย่างเรื่อยเปื่อย ป้ายรับสมัครพนักงานหน้าร้านอาหารจั๊งค์ฟูดเรียกความสนใจเขาให้หยุดยืนอยู่กับที่

รับสมัครพนักงานพาร์ทไทม์ชาย(หน้าตาดี) 1 ตำแหน่ง อายุ 18 ปีขึ้นไป

รับสมัครพนังงานพาร์ทไทม์หญิง(หน้าตาดี) 1 ตำแหน่ง อายุ 18 ปีขึ้นไป

สนใจติดต่อเบอร์โทร xxx-xxx-xxxx ขอผู้มีใจรักในงานบริการ

เพียงแค่อายุก็ไม่ผ่านแล้ว ถึงจะถูกพี่ยูกิสั่งห้ามไม่ให้ทำงาน แต่ใจจริงกลับอดไม่ได้ที่จะอยากทำงานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพี่สาว แต่อย่างไรงานที่รับเด็กอายุ 15 ปีแบบเขาเข้าทำงานก็ยังหาได้ยากอยู่ดี

เวลาเที่ยงวันอีกทั้งกลิ่นอาหารหอมฉุยจากร้านจั๊งค์ฟู้ดเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของอินาโฮะให้ทำงานได้อย่างดี ร่างสูงร้อยหกสิบสี่ในชุดไปรเวทเดินเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร พนังงานชายผมสีฟางข้าวกำลังง่วนอยู่กับการจัดของหันกลับมาต้อนรับลูกค้าด้วยร้อยยิ้มสดใส และมันกลับกลายเป็นรอยยิ้มค้างในทันใดเมื่ออีกฝ่ายเห็นหน้าลูกค้าผู้มาใหม่

“เจ้าค้างคาว”

“เจ้าสีส้ม!” สเลนทำหน้าเลิกลั่ก เขายังไม่อยากเจอคนตรงหน้าในตอนนี้ ภาพสวนสาธารณะยามเย็นยังติดตา ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงได้ทำอะไรแปลกๆแบบนั้นลงไป

“งานพิเศษ?”

“ก...ก็ใช่น่ะสิ”

“แต่นายยังอายุไม่ถึงสิบแ...” พูดไม่ทันจบประโยค มือใหญ่จากฝั่งจรงข้ามเอื้อมมาปิดปากเป็นเชิงบังคับไม่ให้พูดต่ออีก “อายโองอาอุ๊อิอ๊ะ(นายโกงอายุสินะ)”

“อย่าพูดนะ ถ้าพูดต่อผมฆ่าคุณแน่” สเลนขู่

“อ้าว สเลน อะไรกัน รังแกลูกค้าเหรอ” เพื่อนร่วมงานเดินออกมาเห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยทักเย้าแหย่อีกฝ่ายเล่น
“เอ่อ เปล่าหรอกครับ พอดีเจอเพื่อนน่ะเลยเล่นกันนิดหน่อย” เสลนคว้าอินาโฮะเข้ามากอดคอเล่นแบบเพื่อนสนิทที่มักจะทำกัน โดยหารู้ไม่ว่ามันเกือบเป็นการฆ่าตัวตายชั้นเยี่ยมก็ในเมื่อ...

“เห เพื่อนตัวเล็กจังเลยนะ อยู่ชั้นไหนล่ะ”

“ชั้นเดียวกั...” อินาโฮะตั้งใจตอบไปตามจริงแต่เมื่อถูกสเลนเพิ่มแรงรัดมากขึ้นจึงเลือกเงียบก่อนที่ตนจะคอหักตายคาร้านนี้จริงๆ

“รุ่นน้องน่ะครับ อยู่โรงเรียนเดียวกัน พวกเราสนิทกันมากเลยครับ”

“งั้นเหรอๆ ถ้าอยู่โรงเรียนเดียวกับสเลนงั้นก็เป็นโรงเรียนอัลโนอาห์น่ะสิ สอบเข้าโรงเรียนนั้นได้นี่ยอดไปเลยนา”

“ฮะๆ ขอบคุณมากครับ” สเลนถึงกับปาดเหงื่อหลังจากเพื่อนร่วมงานเดินจากไป ตอนนี้บริเวณเคาน์เตอร์สั่งอาหารจึงมีเพียงแค่สเลนกับอินาโฮะเท่านั้น

“จะสั่งอะไรก็ว่ามาครับ”

“เบอร์เกอร์หมู 1 มันฝรั่งทอดขนาดกลาง 1 ไก่ทอด 1 น้ำโค้กขนาดกลาง 1 รอยยิ้ม 1

มือที่กำลังคีย์ข้อมูลลงเครื่องของสเลนชะงักค้าง ไอ้ประโยคสุดท้ายคนอื่นพูดคงไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นเจ้าสีส้มพูดไม่ว่าจะฟังยังไงๆมันก็เป็นการกลั่นแกล้งดีๆนี่เอง

“จะไม่ทำเหรอ” อินาโฮะมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย มือพิมพ์เบอร์ผู้จัดการร้านลงบนโทรศัพท์เตรียมกดปุ่มโทรฯออก

“เดี๋ยวก่อน” สเลนคว้าเข้าที่ข้อมือของอินาโฮะด้วยความร้อนรน “ท...ทำก็ได้” จำใจฝืนตอบออกไป มุมปากข้างหนึ่งกระตุกยิ้มอย่างฝืนใจ เหลือบตามองด้านข้าง ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อยด้วยความอาย ในสายตาอินาโฮะมันออกเป็นภาพที่จะ...

“ตลกดี” คำพูดสั้นๆทำให้จากใบหน้าที่แดงเล็กน้อยตอนนี้แดงเถือกไปถึงใบหู สเลนหันหลังกลับไปเตรียมอาหารด้วยความขุ่นเคือง เขาโดนแกล้งจริงๆด้วย เป็นการล้างแค้นที่โดนต่อยไปเมื่อคราวก่อนรึยังไงกัน

“ได้แล้วครับ” อาหารที่สั่งถูกยกมาตรงหน้า เงินจำนวนพอดีถูกยื่นไปให้ อินาโฮะเลือกโต๊ะนั่งริมหน้าต่างเพื่อดูเหล่าฝูงชนเดินกันพลุกพล่านแม้เป็นยามกลางวัน ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่สายตาของอินาโฮะกลับมาหยุดอยู่บนหน้าจอของโทรศัพท์แทนผู้คนเหล่านั้น

การกระทำต่างๆของอินาโฮะอยู่ในสายตาสเลนทั้งหมด ถึงจะไม่ได้ตั้งใจมองอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่เมื่ออยู่ในสายตามันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง แถมวันนี้ในร้านยังคนน้อยเพราะถูกร้านอาหารบุฟเฟต์เปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามแย่งลูกค้าไปจึงทำให้มีคนบางตา

ลิ้นสีเชอรี่แลบเลียมุมปากที่มีเกลือติดเล็กน้อย ใบหน้าเฉยเมยทุกสถานการณ์ทำให้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ พอลองมองดูดีๆถึงได้รู้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีทีเดียว แถมยังคุ้นๆเหมือนกับใครสักคนที่เพิ่งเจอไปไม่นานมานี้ ถ้าหากผมยาวอีกหน่อยก็คล้ายๆพี่สาวคนเมื่อวานเลย

สเลนคิดเล่นๆ แต่พอคิดไปคิดมาคนที่เขาเรียกว่าเจ้าสีส้มก็คล้ายพี่สาวคนที่เจอกันเมื่อวานจริงๆ แต่คงไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆหรอกมั้ง เพราะพี่สาวคนนั้นดูนิสัยดีต่างจากเจ้าสีส้มนี่เยอะ!

“เฮ้ สเลน มานี่หน่อยดิ” เพื่อนร่วมงานคนเดิมกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปหาด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจ

“มีอะไรเหรอครับ“ เขาแสร้งยิ้มเมื่อโดนกอดคอให้เข้าไปใกล้

“คือว่าเพื่อนนาย...ฉันหมายถึงรุ่นน้องนายคนเมื่อกี้นี้น่ารักดีนะ นายพอมีเบอร์ติดต่อเขาบ้างไหม”

คำพูดชวนตงิดใจทำให้สเลนหันไปมองหน้าผู้พูดก่อนเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก คำพูดชมเพศเดียวกันว่าน่ารัก ผู้ชายปกติที่ไหนเขาทำกัน! ”หรือว่าคุณจะเป็น...เอ่อ...พวกนั้นเหรอครับ?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ยอมรับง่ายๆอย่างไม่คิดปฏิเสธทำให้สเลนเผลอสะดุ้งผลักตัวออกจากวงแขนที่รัดคอตนอยู่ “ผมรู้จักคุณมาได้ก็เกือบปี แต่เพิ่งรู้นะครับว่าคุณเป็น...พวกชอบไม้ป่าเดียวกัน...”

“จะบอกว่ารังเกียจรึไง” เพื่อนร่วมงานหนุ่มเริ่มคิ้วขมวด ถึงเขาจะเป็นเกย์แต่ใช่ว่าจะชอบผู้ชายทุกคนที่ขวางหน้าซะหน่อย

“ไม่ใช่ครับ ไม่ได้รังเกียจ แค่ตกใจ”

“แล้วเรื่องเบอร์ของรุ่นน้องนาย...”

“เรื่องนั้น...” สเลนอ้ำอึ้ง อยากตบปากตัวเองที่โกหกคำโตออกไป ใครจะกล้าบอกได้เล่าว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าอีกต่างหาก ถ้าเจ้าสีส้มมันไม่เตี้ยจนดูเด็กแบบนั้นเขาคงจะแถว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันได้อยู่หรอก หากบอกความจริงไปแต่แรกความคงแตกเรื่องเขาอายุไม่ถึงสิบแปดเป็นแน่ “เรื่องเบอร์...ผมว่าไปขอเจ้าตัวเองดีกว่านะครับ”

“นายคิดว่าคนแปลกหน้าไปขอเบอร์ใครเขาจะให้กันเล่า ขอจากนายนี่แหละดีที่สุด”

“แล้วถ้าคุณไม่ไปขอเองพอโทรฯไปจะไม่โดนตัดสายทิ้งเอาเหรอครับ” สเลนพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างสุดฤทธิ์ จนในที่สุดก็สามารถทำให้เพื่อนรวมงานยอมล่าถอยออกไปอย่างง่ายดาย

ยอมถอยง่ายๆแบบนี้อีกฝ่ายคงไม่คิดจริงกับเจ้าสีส้มเท่าไหร่ “ค่อยยังชั่ว” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบตะครุบปากของตนเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป

เมื่อกี้เขาพูดว่า ค่อยยังชั่วเหรอ มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาถึงต้องโล่งใจที่เพื่อนร่วมงานไม่ได้จริงจังกับเจ้าสีส้ม ถ้าอีกฝ่ายโดนจีบจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสนใจหรือโล่งใจแทนเลยสักนิด

อา...จริงสิ เขาคงไม่อยากมีศัตรูเป็นเกย์แน่ๆ ถึงได้โล่งใจแบบนี้ หากเจ้าสีส้มกลายเป็นเกย์เขาคงรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ ...สเลนสรุปแบบนั้นหลังจากได้คำตอบที่ตนเองพอใจโดยไม่ฉุกคิดเลยว่าประโยคสุดท้ายนั้นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆภายในจิตใจของเขา



...การแกล้งเจ้าค้างคาวมันเป็นอะไรที่สนุกดีเหมือนกัน...

หลังจากขอรอยยิ้มออกไป เจ้าค้างคาวซึ่งต้องทำหน้าที่แจกรอยยิ้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จำต้องฝืนยิ้มออกมา มันดูตลกดีในสายตาของเขาและมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดี

ตอนนี้เขากำลังใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดเช็คข่าวบ้านเมืองของอาณาจักรวาร์ส ในเนื้อหาข่าวของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในประเทศไม่ปรากฎข่าวเรื่องการก่อกบฎหรือลอบปลงพระชนม์เลยแม้แต่น้อย มีเพียงข่าวโคมลอยจากวงในหลุดมาเข้าหูประชาชนจนเกิดเป็นเรื่องซุบซิบนินทา จากเท่าที่ดูมาอินาโฮะจึงสรุปว่าประเทศวาร์สกำลังปิดข่าวสั่งห้ามสื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูลที่จะทำให้ประเทศเสียหายจนถูกประเทศเพื่อนบ้านฉวยโอกาสโจมตีออกไป

สัปดาห์หน้าเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรวาร์สต้องกลับประเทศชั่วคราว อินาโฮะได้แต่หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นระหว่างการเดินทาง เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขากับอัสเซลัมก็เหมือนจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว การห่วงเพื่อนมันคงไม่ใช่สิ่งที่แย่สักเท่าไหร่

อินาโฮะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม เงาในกระจกใสสะท้อนภาพภายในร้านลางๆ พนักงานหนุ่มสองคนกอดคอพากันมองมาที่เขา หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขาเพิ่งขอรอยยิ้มไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน อินาโฮะคาดว่าคงพูดคุยหรือนินทาเขากันอยู่แน่ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องสนใจจนเก็บเอามาคิดให้รกสมอง มือเรียวหยิบแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปากคำน้อยๆ เขาจัดการอาหารบนโต๊ะจนหมดอย่างเชื่องช้าแล้วเดินออกไป

“เดี่ยวก่อน นายน่ะ!” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้หันกลับไปมอง

“คุณคือ...”

“เพื่อนร่วมงานของเจ้าหมอนั่นน่ะ” ชายสวมเสื้อพนักงานในร้านอาหารจั๊งฟู้ดที่อินาโฮะจำได้ว่ากอดคอกับเจ้าค้างคาวนินทาเขายกนิ้วโป้งขึ้นชี้ไปยังร้านอาหารจั๊งฟู้ดด้านหลังที่เขาเพิ่งเดินจากมา

“มีอะไรครับ”

อีกฝ่ายเกาหลังคอแก้เขินเล็กน้อย ไม่ปล่อยให้รอนานนักจึงพูดความประสงค์ของตัวเองออกมา “ขอเบอร์หน่อยสิ”

นาโอะคุง ห้ามไว้ใจคนแปลกหน้านะ!’ เสียงกำชับของพี่สาวในตอนเด็กลอยแว่วเข้ามาพร้อมหน้าตาขึงขังจริงจังทำให้อินาโฮะเลือกปฏิเสธชายหนุ่มอย่างไร้เยื่อใยด้วยใบหน้านิ่งเฉยจนอีกฝ่ายหน้าเสียก่อนเดินจากมา

“เฮ้ เดี๋ยวสิ คิดว่ามีคนจีบแล้วทำหยิ่งได้งั้นเหรอ” แรงบีบต้นแขนรั้งอินาโฮะไว้ไม่ให้ก้าวต่อไป ผู้คนบางส่วนเห็นท่าทีแปลกประหลาดของทั้งคู่ต่างพากันหยุดยืนมองจนชายหนุ่มต้องใช้กำลังลากอินาโฮะให้เข้ามาในตรอกแคบลับตา

แขนสองข้างยันกำแพงกั้นขวางทางหนีของคนตัวเล็กกว่า อินาโฮะยกมือข้างหนึ่งมาลูบต้นแขนที่โดนบีบอย่างแรงป้อยๆ พอตั้งใจจะมุดลอดใต้หว่างแขนกลับถูกอีกฝ่ายดึงดันใช้กำลังบังคับจับกลับมาอยู่ในท่าเดิม คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยอย่างไม่พอใจเมื่อใบหน้าของตนถูกมือหยาบกร้านจับบังคับให้มองหน้าเจ้าตัวด้วยมือข้างเดียว

“ต้องการอะไร ไม่ใช่แค่เบอร์ใช่ไหม”

“เข้าใจง่ายดีนี่ ใบหน้าแบบนายถูกใจฉันเลย คืนละเท่าไหร่ว่ามา”

“คงต้องขอปฏิเสธ” อินาโฮะไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

S E X ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามคำอันหมายถึงการร่วมเพศของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป

“ผมไม่ใช่พวกแบบนั้น...”

“พวกคุณสองคนทำอะไรกันน่ะ” เสียงบุคคลที่สามดังแทรกขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งสอง ฝ่ายใช้กำลังกักกันอินาโฮะสะดุ้งผละตัวออกทันที อินาโฮะหันมองตามเสียงพบบุคคลคุ้นตายืนทำหน้าขึงขังอยู่ตรงปากทางตรอกแคบ

“เจ้าค้างคาว”

“คุณกำลังทำอะไรกับเพื่อนของผมครับ” สเลนถามเสียงต่ำ สายตาไม่พอใจถูกส่งไปให้เพื่อนร่วมงาน

“เปล่า แค่มาขอเบอร์โทรศัพท์เฉยๆน่า” คนโตกว่าตอบด้วยน้ำเสียงแสร้งทำสบายๆก่อนจะรีบหุนหันเดินจากไป

“เป็นอะไรรึเปล่า” สเลนถามอีกคนที่ยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านด้วยความไม่พอใจ “ชอบรึไงถึงได้ยอมโดนลากมาง่ายๆแบบนั้น”

“เปล่า”

“วันหลังหัดระวังตัวซะบ้าง ถ้าผมไม่เอะใจเดินตามเจ้าหมอนั่นมา คุณจะทำยังไง ยืนนิ่งเป็นตอไม้ให้หมอนั่นมันทำมิดีมิร้ายคุณรึไง ไอ้หมอนั่นมันเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันนะคุณรู้รึเปล่า” สเลนสวดอินาโฮะยับด้วยแรงโมโหเหมือนแม่อบรมลูก ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าเจ้าสีส้ม แต่การนิ่งดูดายปล่อยให้คนที่อย่างน้อยก็รู้จักกันถูกคนอื่นลากไปต่อหน้าต่อตามันคงทำให้เขารู้สึกผิดจนนอนไม่หลับ

“แต่นายก็มาช่วยแล้ว ขอบใจ”

ปากที่กำลังบ่นของสเลนหุบฉับ ดวงตาสีฟ้าเบิกโตอย่างคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะดูว่าง่ายผิดปกติ สายตาพลันเหลือบไปเห็นมือเล็กกำต้นแขนของตัวเองเอาไว้ เขาถือวิสาสะถกแขนเสื้อขึ้นสำรวจดูความเสียหายของอีกฝ่าย ถึงจะไม่ปรากฎรอยแดงหรือรอยช้ำอะไรแต่สเลนรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเล็กๆจากร่างกายนั้น

...แม้นไม่แสดงออกบนใบหน้า แต่ภายในใจกลับแฝงเร้นความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ น่ารักชะมัดยาดเลย... สเลนเผลอคิด

มือใหญ่พอประมาณยกขึ้นลูบหัวฟูฟ่องอย่างปลอบใจ ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผซ่านจนจิตใจของอินาโฮะสงบ มือเล็กกว่ายกขึ้นกอบกุมมือนั้นแนบลงบนริมฝีปาก มุมปากกระดกขึ้นน้อยๆแทนคำขอบคุณ

รอยยิ้มนั้นสเลนรู้สึกว่ามันสามารถทำให้เขาตายได้ หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่สิ ความรู้สึกนี้เขาเคยสัมผัสมันมาก่อน เคยสัมผัสมัน...จากห้วงเวลาแห่งอดีต



ตอนที่ 4

S M I L E

[จบ]










---------------------------------------------------------

เย้ ตอนที่ 4 มาแล้วค่ะ มาช้าแต่รู้สึกจะยาวกว่าปกตินะคะ แฮ่ๆ
ตอนแรกกะจะปั่นลงในวันเกิดอินาโฮะ แต่ไม่ทันเนื่องจากไม่อยู่ติดบ้านเลย
แถมท้ายวันนี้เป็นภาพที่มิดไนท์-Sama ไปหลอก(ตะล่อม)เพื่อนให้วาดมาค่ะ (โดยเจ้าตัววาดให้โดยไม่รู้ความหมายเลย) แต่มิดไนท์ก็บอกเพื่อนว่าจะเอามาลงเว็บนะ(อย่างน้อยก็ขอลงเว็บแหละน่า) ว่าแล้วก็แปะ!
























ความจริง มิดไนท์-Sama คิดโดเกี่ยวกับค้างคาวกับส้มไว้ แต่เนื่องจากวาดค้างคาวไม่เป็นเลยหลอก(?!)เพื่อนให้วาดให้ดูเป็นตัวอย่างเผื่อจะได้หัดฝึกวาดค้างคาวสเลน แต่เนื่องจากยังไม่มีเวลาฝึกวาดเลยตอนนี้จึงสองจิตสองใจว่าจะวาดโดจินออกมาดีหรือเปล่า(ขอแอบกระซิบว่าการบ้านเยอะมากค่ะ อาจารย์สั่งทีแค่วิชาเดียวแทบอยากเขวี้ยงทิ้ง วิชาเดียวล่อไปมากกว่า 5 งาน โถถัง 'จารย์ค๊า หนูยังมีวิชาอื่นอยู่อีกนะคะ ไม่ใช่แค่ของ 'จารย์คนเดียว ฮือ T^T) นอนตาย



สุดท้ายนี้ขอเม้าท์(ระบาย)เรื่อง Aldnoah.Zero ตอนที่ 16 ค่ะ ว่าด้วยเรื่องฉากประทับใจที่สุดตั้งแต่ดูเรื่องนี้มา(สปอยล์เล็กน้อย)
ตอนเปิดเรื่องเป็นตอนอินาโฮะฟื้นจากอาการบาดเจ็บจากการโดนยิง ภาพตอนหนูขอนไม้ตะเกียกตะกาย(?)พยายามไขว่คว้าผ้ามาห่มให้พี่ตัวเองด้วยมือที่อ่อนแรงเต็มที เป็นอะไรที่ประทับใจมากค่ะ แถมสีหน้าและแววตาถึงจะไม่ได้แสดงออกชัดเจนแต่ด้วยสายตาของแม่ยกแอบสังเกตเห็นว่าอินาโฮะกำลังดีใจอย่างปิดไม่มิดที่ตัวเองยังไม่ตาย ตัวเองยังอยู่ โฮก โมเอ้มากๆค่ะ อะไรจะน่ารักปานเน้!!! พี่สาว(หน้าจอคอมฯ)ใจละลายแทนแล้วค่า แคปภาพแปะด้วยความฟิน
หมายเหตุ : ส่วนใหญ๋พิมพ์ด้วยแรงอวยล้วนๆ

[ภาพตอนหยิบผ้าห่มด้วยมืออันอ่อนแรง]


[ภาพหลังจากสบตากับยูกิแล้วพูดอรุณสวสดิ์นี่มัน...ฮึ้ย ฮึ้ย ฮึ้ย >//.,//< โปรดส่งเธอมาห้ายยยยช้านนนนนที]



อนึ่ง เนื่องจากไม่มีใครมาให้เวิ่นเว้อคู่นี้ด้วยเนื่องจากคนชอบคู่นี้เหมือนกันหายากเหลือหลาย เลยขอมาพล่าม(ให้รำคาญเล่น)ในนี้แทนละกันค่ะ อิๆ


สุดท้ายนี้แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ซึ่งตอนหน้าอาจมาช้าเนื่องจากติดกิจดังที่ได้แจ้งไว้ข้างบน ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น