Fiction : Aldnoah.Zero
Title : Follow your heart, Follow my heart
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho
Rating : PG
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -
“งานๆๆๆ จะบ้าตายอยู่แล้ว!” ไคซึกะ ยูกิ
ขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่องอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เอกสารกองพะเนินสูงเกือบท่วมหัวแลดูแล้วน่าเขวี้ยงทิ้งนัก
ไม่นึกเลยว่าการทำงานมันจะเหนื่อยกว่าการเรียนแบบนี้
ทำเอาเธออดคิดถึงช่วงวัยใสวัยรุ่นวัยเรียนของเธอไม่ได้ “เฮ้อ
เพื่อนคนอื่นๆจะเป็นยังไงกันบ้างน้า”
“เอ้า อู้อย่างนี้เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนซะหรอก”
“ขอโทษด้วยค่ะผู้จัดการมาริตะ” เธอตอบเสียงอ่อยหลังจากโดนผู้จัดการจี้จุดขู่เรื่องจะตัดเงินเดือน
อันที่จริงเธอคิดว่าคนที่สมควรจะโดนตัดเงินเดือนมากที่สุดก็คือผู้จัดการมาริตะนี่แหละ! ถึงที่บริษัทนี้จะเป็นสาชาย่อย
แต่ผู้จัดการที่แต่งตัวไร้ระเบียบ ผมเผ้ารุงรัง ไม่รู้จักโกนหนวดเครา
แถมดื่มเหล้าตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ไม่สมควรจะเป็นถึงระดับผู้จัดการซะด้วยซ้ำ! แต่เรื่องความสามารถของมาริตะเธอเองต้องยอมรับว่าชายคนนี้เปี่ยมไปด้วยความสามารถอย่างแท้จริง
“พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสำหรับคนทำงานอย่างพวกเราแล้ว
สู้เข้าละกัน”
“โธ่ ผู้จัดการพูดอย่างนี้ทั้งปี”
“ถ้าขี้เกียจนักก็คิดถึงหน้าน้องชายสุดที่รักของเธอเข้าไว้ล่ะ
อ้อ พูดถึงน้องชายเธอ ฉันได้ข่าวว่าได้ทุนเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนอัลโนอาห์นี่
เจ้าหนูนั่นสุดยอดไปเลยนา”
ยูกิอมยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงน้องชายที่เป็นความภาคภูมิใจของเธอ
“นั่นสินะคะ นาโอะคุงเก่งจริงๆนั่นแหละค่ะ”
“เธอนี่รักน้องจริงๆเลยนะ เอ้อ...เดี๋ยวนะ
แบบนี้ที่เขาเรียกกันว่าบราค่อนใช่ไหม?”
“อ๊า โธ่ ไม่ใช่ซะหน่อยค่ะ
แล้วงานของคุณไม่มีหรือไงคะมานั่งแกล้งลูกน้องแบบนี้
แล้วก็เลิกดื่มเหล้าในเวลางานได้แล้วค่ะ
เดี๋ยวลูกน้องได้หมดความเคารพนับถือในตัวคุณกันพอดี”
“น่าๆ เอาไว้ถึงเวลานั้นแล้วคงหาทางจัดการอะไรสักอย่างได้เองนั่นแหละน่า”
หลังจากกลั่นแกล้งลูกน้องสาวภายใต้ความดูแลเรียบร้อยแล้วมาริตะจึงเดินออกไปด้วยความสบายใจ
ทำเอายูกิหน้าบูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่โดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว
แต่สิ่งที่ผู้จัดการมาริตะพูดก็มีส่วนถูก เธอต้องตั้งใจทำงานเพื่อน้องชายของเธอ
พ่อกับแม่ของพวกเราหย่ากันเพราะพ่อถูกแม่จับได้ว่าแอบคบชู้
ตอนแรกแม่ให้พ่อเลือกว่าจะอยู่กับแม่หรือจะไปหาผู้หญิงคนนั้น
แต่พ่อกลับเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเป็นแม่
ทำให้แม่ตรอมใจร่างกายอ่อนแอและไม่ดูแลตัวเองจนกระทั่งป่วยตาย
วันงานศพแม่ก็ไม่มีข่าวคราวหรือเงาของพ่อมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
พวกเราสองพี่น้องอยู่มาได้เพราะเงินประกันชีวิตที่แม่ทำไว้ มันเป็นเงินจำนวนมากพอให้เด็กอายุสิบสองอย่างเธอส่งเสียตัวเองจนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย
แล้วออกหางานทำเพื่อเลี้ยงน้องชายที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมต้น
พอน้องชายขึ้นมัธยมปลายสอบได้ทุนการศึกษาทำให้สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้มาก
เพราะตอนนี้เงินประกันชีวิตหมดไปแล้วและมีแต่เธอเท่านั้นที่ทำงานเลี้ยงทั้งตัวเองและน้องชาย
ในตอนแรกอินาโฮะยืนกรานจะออกจากโรงเรียนไปหางานทำ
แต่ถูกคำสั่งเด็ดขาดของเธอสั่งห้ามไว้แม้ระทั่งงานพิเศษก็ห้าม
อินาโฮะจึงยังคงใช้ชีวิตในโรงเรียนโดยไม่แตะต้องงานพิเศษเลยแม้แต่น้อย
เธอเข้าใจดีว่าน้องชายอยากช่วย แต่การเรียนนั้นสำคัญ
อีกอย่างน้องชายแค่คนเดียวเธอมีปัญญาเลี้ยงไปทั้งชีวิต หากทำไม่ได้เธอคงเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่อง!
เมื่อคิดได้ดังนั้นไฟในใจของยูกิเริ่มลุกโชน
กองงานเอกสารท่วมหัวถูกปั่นอย่างรวดจนเพื่อนข้างโต๊ะต้องลุกหนีเพราะความร้อนแรงของเธอ
ในที่สุดก็เสร็จงานโดยไม่ต้องพึ่งโอทีที่ไม่มีค่าล่วงเวลาให้แม้แต่นิด
“ในที่สุดก็เสร็จสักที” ยูกิบิดขี้เกียจเดินออกจากบริษัทหลังจากกล่าวลากับผู้จัดการเรียบร้อยแล้ว
ย่านช็อปปิ้งของวัยรุ่นใกล้กับสถานที่ทำงานเย้ายวนให้คนทำงานหนักอย่างเธอแวะเวียนไปเดินผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว
“อ๊ะ! นั่นมัน...”
ร้านช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดตั้งป้ายสินค้าใหม่ในราคาถนอมกระเป๋า
ภาพแพ็คเกจสวยสดใสดึงดูดเหล่าหญิงสาวราวกับแสงไฟล่อแมงเม่าให้เข้าไปหา
เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยคำว่าสินค้ามีจำกัดที่วงเล็บต่อท้ายในป้ายก็สามารถทำให้เธอกระโจนเข้าไปอยู่ในฝูงชนของเหล่าผู้หญิงโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
วัยรุ่นสาวมุงขนาดย่อมไม่แพ้กลุ่มฝูงแม่บ้านมุงเวลาเจอของลดราคา
ยูกิที่ใช้แรงทั้งหมดพยายามเบียดแทรกร่างกายไม่เล็กไม่ใหญ่เข้าไปในฝูงชนแต่กลับถูกผลักกระเด็นออกมาซะอย่างนั้น
ผลั่ก!
“โอ๊ย!”
ยูกิถูกผลักกระเด็นออกมาชนคนด้านหลังจนล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
มือลูบก้นกบที่กระแทกกับพื้นป้อยๆหวังให้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บ
“เอ่อ ไม่เป็นอะไรนะครับ”
มือข้างหนึ่งถูกยื่นมาด้านหน้า
ยูกิเงยหน้ามองเจ้าของมือข้างนั้นที่กำลังก้มลงมองเธอด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบใจมากนะ” ยูกิยื่นมือไปเกาะกุม
ชายหนุ่มออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยทำให้เธอลุกขึ้นมายืนได้อย่างเดิม
“แล้วเขามุงอะไรกันเหรอครับ คนเยอะเชียว”
“ร้านนี้มีสินค้าใหม่มาขายวันนี้น่ะสิ
แถมของยังมีจำกัด คนเลยเยอะอย่างที่เห็น ต่อให้ตายวันนี้ก็ต้องได้มาสักกล่องสองกล่องละ!” ยูกิตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปอีกรอบแต่กลับถูกเสียงชายคนที่เพิ่งช่วยเธอรั้งเอาไว้
“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมช่วยนะครับ”
.
.
.
“แหมๆๆ ช่วยได้มากเลย ขอบคุณมากนะ เอ่อ...”
“สเลนครับ สเลน โทรยาร์ด” สเลนในสภาพทรุดโทรมแนะนำตัวขณะนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่ที่ยูกิอาสาพามาเลี้ยงตอบแทนเรื่องช็อกโกแลต
ตามตัวเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากศึกแย่งชิงช็อกโกแลตเมื่อสักครู่
เขาดูถูกแรงของผู้หญิงมากเกินไป นึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายซึ่งแรงเยอะกว่าจะสามารถฝ่าฝูงชนของผู้หญิงเข้าไปได้ง่ายๆซะอีก
แต่เขาคิดผิดถนัด!
หากมีครั้งหน้าเขาจะไม่อาสาตัวไปแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!
“สเลน โทรยาร์ด?
...เป็นคนต่างชาติแต่พูดญี่ปุ่นชัดจังนะ...”
“ไม่เชิงครับ ผมเป็นลูกครึ่ง เหมือนทางแม่มากกว่า
แม่ผมเป็นคนต่างชาติแต่พ่อเป็นคนญี่ปุ่นก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
แล้วคุณ...”
“อ้อ ขอโทษที่เสียมารยาท ลืมแนะนำตัวไปเลย
ฉันไคซึกะ ยูกิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณไคซึกะ”
“เรื่องช็อกโกแลตยังไงก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะ”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมก็ต้องขอบคุณที่เลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมผมเหมือนกัน”
“เล็กน้อยจ้ะ” ยูกิยิ้มอย่างมีความสุข ยังไงคนตรงหน้าก็ดูเหมือนชาวต่างชาติมากกว่าคนญี่ปุ่นจริงๆ
ดูอายุอานามแล้วคงเด็กกว่าเธออยู่พอควร “ผู้ชายนี่ดีจังน้า”
ยูกิพูดออกมาลอยๆจนเด็กหนุ่มตรงหน้าเงยขึ้นมองด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอครับ”
“อ๊ะ เปล่าหรอก แค่คิดว่าผู้ชายนี่ดีนะ สูงดี”
“คุณก็สูงนะครับ” สเลนตอบออกไปตามตรง
เพราะผู้หญิงตรงหน้าเองก็สูงเกือบจะเท่าๆเขา
“พอมองหน้าเธอดีๆแล้วรู้สึกคุ้นๆนะ
เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า” ยูกิเปลี่ยนประโยคสนทนาฉับพลันถามออกไปหลังจากสังเกตใบหน้าอีกฝ่ายได้สักพัก
เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน
“ไม่หรอกครับ อาจเป็นคนอื่นที่หน้าตาคล้ายกับผมก็ได้”
“นั่นสินะ” เมื่อถูกปฏิเสธรวมกับนึกไม่ออกว่าเคยเจอคนตรงหน้าที่ไหน
ทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจที่จะนึกต่อไป
ดู่ท่าเธอจะได้เพื่อนใหม่อายุน้อยกว่ามาหนึ่งคนซะแล้ว เพราะหลังจากนั้นเธอก็คุยติดลมจนลืมเวลาที่ควรจะกลับบ้านไปซะสนิท
จนกระทั่งแหงนมองดูนาฬิกาในร้านคาเฟ่ตีบอกเวลาทุ่มกว่า
“แย่แล้วสิ ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“จริงด้วย ผมเองก็ลืมดูเวลาไปเลย”
“วันนี้ต้องขอตัวก่อนนะ
หวังว่าโอกาสหน้าเราจะได้พบกันอีก”
ยูกิลาเด็กหนุ่มแล้วรีบวิ่งขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตัวเองคุยจนลืมอินาโฮะซะสนิท
ป่านนี้คงนั่งรอกินข้าวพร้อมหน้ากับเธอจนท้องกิ่วแย่แล้ว
แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ยูกิกลับต้องใจหายเมื่อไม่พบน้องชายที่น่าจะนั่งรออยู่
บนโต๊ะอาหารไม่มีกับข้าววางไว้แสดงให้เห็นว่าอินาโฮะไม่ได้อยู่บ้านตั้งแต่เที่ยงวัน
ถึงจะเดินหาอินาโฮะจนทั่วบ้านไม่ว่าที่ไหนๆก็ไม่เจอ ยูกิร้อนรนกลัวจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับอินาโฮะอีกครั้ง
พอโทรฯหาเจ้าตัวก็ไม่รับสาย
พอโทรฯหาตำรวจกลับไม่รับคำแจ้งความเรื่องคนหายเพราะเหตุผลว่าคนหายไม่ได้มีอาการทางสมองหรือจิตปกติ
บริเวณบ้านไม่มีร่องรอยการถูกบุกรุก
ทำให้สรุปว่าคนหายอาจออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นยามค่ำคืนตามประสาวัยรุ่นด้วยตัวเองมากกว่า
ยูกินั่งกระวนกระวายใจอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้เธอรีบวิ่งออกไปหวังให้เป็นคนที่เธอกำลังรอคอย
“นาโอะคุงวันนี้ทำไมกลับบ้านซะดึกเชียว”
“นิดหน่อย”
เสียงตอบกลับจากคนที่รอคอยดูยังสบายดีทำให้เธอเบาใจจนเผลอน้ำตาคลอเบ้า
“วันหลังโทรฯมาบอกก่อนนะ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
ยูกิสวมกอดน้องชายอย่างเต็มรักเพื่อย้ำเตือนว่าน้องชายของตัวเองยังอยู่ตรงนี้
อยู่ในอ้อมกอดเธอ ไม่ได้หายจากไปไหนอีก
ความดีใจที่เห็นคนสำคัญที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตยังคงปลอดภัยมันทำให้น้ำตาไหลอาบ
สัมผัสจากปลายนิ้วอันอบอุ่นของอินาโฮะปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเธออย่างไม่รังเกียจ
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง
คราวหลังจะโทรฯมาบอกทุกครั้ง ไม่ต้องร้องไห้นะ”
ยูกิเพิ่มแรงสวมกอดน้องชายเข้าไปอีก
ดูท่าว่าเธอจะแสดงท่าทางเป็นห่วงเกินไปทำให้อินาโฮะหวนนึกถึงเรื่องโหดร้ายเมื่อเก้าปีก่อนฃึ่งเป็นบาดแผลฝังลึกในใจจนทำให้โรคลมชักกำเริบ
ยูกิใจหายรีบแบกน้องชายเพียงคนเดียวขึ้นห้องนอน
เธอกุมมืออินาโฮะไว้อยู่อย่างนั้นตลอดจนอาการเริ่มทุเลาลงจนหายเป็นปกติ
ด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้อินาโฮะอยู่คนเดียวจนคิดเรื่องฟุ้งซ่าน คืนนี้เธอจึงขอมานอนด้วยแล้วก็ได้รับอนุญาตจากน้องชายตัวดีเรียบร้อย
คืนนั้นเธอนอนกอดอินาโฮะอย่างมีความสุข
ความกังวลต่างๆมลายหายไปสิ้นเมื่ออินาโฮะยังอยู่ในระยะที่เธอสามารถเอื้อมถึงได้แบบนี้
‘นาโอะจัง ทางนี้ แน่จริงตามจับให้ได้สิ’
ในสวนสาธารณะยามเย็นสุดแสนจะคุ้นตา
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังโบกมือไปมา ไม่รู้จัก
ไม่เห็นหน้า...พอพยายามเพ่งมองกลับยิ่งเลือนลาง
ฝ่ามือเล็กป้อมของตัวเองทำให้อินาโฮะแปลกใจ กลายเป็นเด็กไปตั้งแต่ตอนไหนกัน หรือนี่คือความฝัน?
เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างทั้งร่างวิ่งไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น
แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งวิ่งหนี เสียงหัวเราะสนุกสนานดังก้องทั่บริเวณ จนกระทั่งทั่งเขาสะดุดล้มหน้าทิ่มพื้น
‘แง้!’ เสียงร้องไห้กระจองอแงทำให้ฝ่ายวิ่งหนีรีบวิ่งมาดูอาการบาดเจ็บ
ฝ่ามือเล็กป้อมเป็นแผลถลอกจากการสะดุดล้มคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อของอีกฝ่าย ‘จับได้แล้ว ฮึกๆ’ ใบหน้านองน้ำตาพร้อมด้วยเสียงสะอื้นทำให้ฝ่ายโดนฉวยโอกาสต้องกลืนคำพูดกล่าวหาว่าขี้โกงลงลำลอไปในบัดดล
‘ว่าแต่ไม่เจ็บตรงไหนนะ’ อีกฝ่ายถามคนสะดุดล้มด้วยความเป็นห่วง เมื่อจับตัวพลิกสำรวจเห็นเพียงรอยถลอกบางจุดทำเอาเบาใจ
‘ไม่เจ็บ!’ เด็กน้อยพูดเสียงแข็งกลั้นสะอื้นที่ดูยังไงๆก็เจ็บเห็นๆ
‘นี่ก็เย็นแล้ววันนี้ให้พี่พาไปส่งบ้านนะ’
คนโตกว่าเล็กน้อยลูบหัวคนเจ็บด้วยความเป็นห่วง
‘ไม่ต้อง นาโอะกลับเองได้’ แล้วเป็นดังเช่นทุกครั้งที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้ไปส่งที่บ้านด้วยเหตุผลว่าบ้านของต่างฝ่ายต่างอยู่กันคนละทาง
เดินไปกลับรังแต่จะมืดและเสียเวลาไปเปล่าๆ
‘เอ้อ จริงสิ ศุกร์หน้าเป็นวันเกิดของพี่
นาโอะจังสนใจมาเที่ยวบ้านพี่ไหม’
คำชักชวนครั้งแรกทำให้นาโอะตัวจิ๋วตื่นเต้นดีใจ
ริมฝีปากเล็กๆตอบตกลงออกไป แต่เจ้าตัวกลับต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้สดับยินเสียงของตน
ไม่ว่าจะตะโกนออกไปดังเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดใดๆออกมาจากลำคอน้อยๆนั้น
เงาเลือนรางของคนโตกว่าขยายใหญ่กลายเป็นกลุ่มก้อนร่างสีดำน่าขยะแขยง
จิตมุ่งร้ายถูกส่งมาหาเด็กน้อยจนแข้งขาอ่อนพยายามคลานหนี
แต่ไม่ทันการเมื่อถูกเงาดำเหล่านั้นพันรัดกระชากกลืนเข้าไปจนไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้
‘ใครก็ได้...ช่วยด้วย พี่--------‘
เสียงสุดท้ายเล็ดรอดออกมากลับกลายเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ
ชื่อของคนโตกว่าที่ตะโกนออกมาถูกกลืนหายไปในความเงียบงันจนไม่สามารถรับรู้ถึงชื่อนั้นได้อีก
...ภาพทุกอย่างกลับกลายเป็นสีดำมืด...
เฮือก!
ร่างชุ่มเหงื่อสะดุ้งพรวดลุกนั่ง มือควานหาคนที่น่าจะอยู่ข้างตัวแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า
ร่างกายเล็กหุนหันวิ่งลงจากบันไดหวังเจอคนที่นอนอยู่ข้างกันเมื่อคืน
เสียงตะหลิวกระทบกะทะทำให้อินาโฮะวิ่งเข้าไปในครัว ทันใดที่เห็นหน้าพี่สาวอินาโฮะจึงวิ่งถลาเข้าไปกอดจากด้านหลังอย่างไม่ทันคิด
ยูกิสะดุ้งตกใจที่จู่ๆอินาโฮะก็วิ่งเข้ามาสวมกอดซะอย่างนั้น
แรงสั่นเล็กน้อยจากแขนบางๆของน้องชายเธอทำให้เธอตัดสินใจปิดแก๊สวางทุกสิ่งทุกอย่างลงแล้วหันมากอดตอบ
“เป็นอะไร ไหนลองเล่าให้พี่ฟังซิ”
“ฝัน...ฝันถึงเรื่องในวัยเด็ก” ทันทีที่เอ่ยออกมา
ร่างของยูกิเกร็งขึ้นในทันที
เรื่องวัยเด็กของอินาโฮะเป็นอะไรที่เธอไม่อยากให้น้องชายคนนี้นึกถึงที่สุด
“ตอนแรกมันเป็นฝันดีในตอนเด็กๆที่ลืมไปแล้ว
แต่แล้วมันก็กลายเป็นเงาดำลากผมเข้าไปในนั้น ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
แต่มันน่ากลัวมาก ไม่อยากนึกถึงมันเลย”
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา ไม่เป็นไรนะ
ถ้าไม่อยากนึกก็ไม่ต้องนึก มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละน้านาโอะคุง”
เธอลูบหลังอินาโฮะเบาๆอย่างเป็นการปลอบใจ
พยายามพูดปลอบเพื่อไม่ให้อินาโฮะนึกถึงเรื่องราวในความฝัน
โดยเฉพาะเรื่องราวในตอนเด็กนั้นยิ่งแล้วใหญ่ “เอ้า ไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย
วันนี้พี่สาวคนสวยจะเป็นฝ่ายโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้กินเอง”
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย
วันนี้อินาโฮะขอตัวออกไปขอนอกโดยบอกยูกิไว้แล้ว
เมื่อคืนวานแบตมือถือหมดทำให้ยูกิวุ่นวาย คราวนี้อินาโฮะจึงพกแบตสำรองติดตัวไปด้วย
เขามุ่งตรงไปยังที่พักของอัสเซลัมเพื่อมอบสร้อยคอที่ไม่ได้คืนให้ตั้งแต่เมื่อวาน
แต่เมื่อถึงที่หมายกลับพบเพียงความว่างเปล่า พอลองถามผู้ดูแลห้องเช่าจึงได้รู้ว่าย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว
ไหนๆก็ไหนๆแล้วเมื่ออกมาทั้งทีอินาโฮะจึงเลือกนั่งรถประจำทางไปลงป้ายที่ยูกิมักนั่งมาลงประจำเพื่อเข้าที่ทำงานเสมอ
อินาโฮะเดินเตร่แถวย่านช็อปปิ้งของวัยรุ่นอย่างเรื่อยเปื่อย
ป้ายรับสมัครพนักงานหน้าร้านอาหารจั๊งค์ฟูดเรียกความสนใจเขาให้หยุดยืนอยู่กับที่
‘รับสมัครพนักงานพาร์ทไทม์ชาย(หน้าตาดี)
1 ตำแหน่ง อายุ 18 ปีขึ้นไป
รับสมัครพนังงานพาร์ทไทม์หญิง(หน้าตาดี) 1 ตำแหน่ง อายุ 18
ปีขึ้นไป
สนใจติดต่อเบอร์โทร xxx-xxx-xxxx ขอผู้มีใจรักในงานบริการ’
เพียงแค่อายุก็ไม่ผ่านแล้ว
ถึงจะถูกพี่ยูกิสั่งห้ามไม่ให้ทำงาน
แต่ใจจริงกลับอดไม่ได้ที่จะอยากทำงานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพี่สาว
แต่อย่างไรงานที่รับเด็กอายุ 15 ปีแบบเขาเข้าทำงานก็ยังหาได้ยากอยู่ดี
เวลาเที่ยงวันอีกทั้งกลิ่นอาหารหอมฉุยจากร้านจั๊งค์ฟู้ดเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของอินาโฮะให้ทำงานได้อย่างดี
ร่างสูงร้อยหกสิบสี่ในชุดไปรเวทเดินเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร
พนังงานชายผมสีฟางข้าวกำลังง่วนอยู่กับการจัดของหันกลับมาต้อนรับลูกค้าด้วยร้อยยิ้มสดใส
และมันกลับกลายเป็นรอยยิ้มค้างในทันใดเมื่ออีกฝ่ายเห็นหน้าลูกค้าผู้มาใหม่
“เจ้าค้างคาว”
“เจ้าสีส้ม!” สเลนทำหน้าเลิกลั่ก
เขายังไม่อยากเจอคนตรงหน้าในตอนนี้ ภาพสวนสาธารณะยามเย็นยังติดตา
ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงได้ทำอะไรแปลกๆแบบนั้นลงไป
“งานพิเศษ?”
“ก...ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่นายยังอายุไม่ถึงสิบแ...” พูดไม่ทันจบประโยค มือใหญ่จากฝั่งจรงข้ามเอื้อมมาปิดปากเป็นเชิงบังคับไม่ให้พูดต่ออีก
“อายโองอาอุ๊อิอ๊ะ(นายโกงอายุสินะ)”
“อย่าพูดนะ ถ้าพูดต่อผมฆ่าคุณแน่” สเลนขู่
“อ้าว สเลน อะไรกัน รังแกลูกค้าเหรอ”
เพื่อนร่วมงานเดินออกมาเห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยทักเย้าแหย่อีกฝ่ายเล่น
“เอ่อ เปล่าหรอกครับ
พอดีเจอเพื่อนน่ะเลยเล่นกันนิดหน่อย” เสลนคว้าอินาโฮะเข้ามากอดคอเล่นแบบเพื่อนสนิทที่มักจะทำกัน
โดยหารู้ไม่ว่ามันเกือบเป็นการฆ่าตัวตายชั้นเยี่ยมก็ในเมื่อ...
“เห เพื่อนตัวเล็กจังเลยนะ อยู่ชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นเดียวกั...” อินาโฮะตั้งใจตอบไปตามจริงแต่เมื่อถูกสเลนเพิ่มแรงรัดมากขึ้นจึงเลือกเงียบก่อนที่ตนจะคอหักตายคาร้านนี้จริงๆ
“รุ่นน้องน่ะครับ อยู่โรงเรียนเดียวกัน
พวกเราสนิทกันมากเลยครับ”
“งั้นเหรอๆ
ถ้าอยู่โรงเรียนเดียวกับสเลนงั้นก็เป็นโรงเรียนอัลโนอาห์น่ะสิ สอบเข้าโรงเรียนนั้นได้นี่ยอดไปเลยนา”
“ฮะๆ ขอบคุณมากครับ” สเลนถึงกับปาดเหงื่อหลังจากเพื่อนร่วมงานเดินจากไป
ตอนนี้บริเวณเคาน์เตอร์สั่งอาหารจึงมีเพียงแค่สเลนกับอินาโฮะเท่านั้น
“จะสั่งอะไรก็ว่ามาครับ”
“เบอร์เกอร์หมู 1 มันฝรั่งทอดขนาดกลาง 1 ไก่ทอด 1 น้ำโค้กขนาดกลาง 1 รอยยิ้ม
1”
มือที่กำลังคีย์ข้อมูลลงเครื่องของสเลนชะงักค้าง
ไอ้ประโยคสุดท้ายคนอื่นพูดคงไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นเจ้าสีส้มพูดไม่ว่าจะฟังยังไงๆมันก็เป็นการกลั่นแกล้งดีๆนี่เอง
“จะไม่ทำเหรอ”
อินาโฮะมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
มือพิมพ์เบอร์ผู้จัดการร้านลงบนโทรศัพท์เตรียมกดปุ่มโทรฯออก
“เดี๋ยวก่อน” สเลนคว้าเข้าที่ข้อมือของอินาโฮะด้วยความร้อนรน
“ท...ทำก็ได้” จำใจฝืนตอบออกไป มุมปากข้างหนึ่งกระตุกยิ้มอย่างฝืนใจ
เหลือบตามองด้านข้าง ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อยด้วยความอาย ในสายตาอินาโฮะมันออกเป็นภาพที่จะ...
“ตลกดี”
คำพูดสั้นๆทำให้จากใบหน้าที่แดงเล็กน้อยตอนนี้แดงเถือกไปถึงใบหู
สเลนหันหลังกลับไปเตรียมอาหารด้วยความขุ่นเคือง เขาโดนแกล้งจริงๆด้วย
เป็นการล้างแค้นที่โดนต่อยไปเมื่อคราวก่อนรึยังไงกัน
“ได้แล้วครับ” อาหารที่สั่งถูกยกมาตรงหน้า
เงินจำนวนพอดีถูกยื่นไปให้ อินาโฮะเลือกโต๊ะนั่งริมหน้าต่างเพื่อดูเหล่าฝูงชนเดินกันพลุกพล่านแม้เป็นยามกลางวัน
ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่สายตาของอินาโฮะกลับมาหยุดอยู่บนหน้าจอของโทรศัพท์แทนผู้คนเหล่านั้น
การกระทำต่างๆของอินาโฮะอยู่ในสายตาสเลนทั้งหมด
ถึงจะไม่ได้ตั้งใจมองอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่เมื่ออยู่ในสายตามันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
แถมวันนี้ในร้านยังคนน้อยเพราะถูกร้านอาหารบุฟเฟต์เปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามแย่งลูกค้าไปจึงทำให้มีคนบางตา
ลิ้นสีเชอรี่แลบเลียมุมปากที่มีเกลือติดเล็กน้อย
ใบหน้าเฉยเมยทุกสถานการณ์ทำให้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
พอลองมองดูดีๆถึงได้รู้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีทีเดียว
แถมยังคุ้นๆเหมือนกับใครสักคนที่เพิ่งเจอไปไม่นานมานี้ ถ้าหากผมยาวอีกหน่อยก็คล้ายๆพี่สาวคนเมื่อวานเลย
สเลนคิดเล่นๆ แต่พอคิดไปคิดมาคนที่เขาเรียกว่าเจ้าสีส้มก็คล้ายพี่สาวคนที่เจอกันเมื่อวานจริงๆ
แต่คงไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆหรอกมั้ง เพราะพี่สาวคนนั้นดูนิสัยดีต่างจากเจ้าสีส้มนี่เยอะ!
“เฮ้ สเลน มานี่หน่อยดิ” เพื่อนร่วมงานคนเดิมกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปหาด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจ
“มีอะไรเหรอครับ“
เขาแสร้งยิ้มเมื่อโดนกอดคอให้เข้าไปใกล้
“คือว่าเพื่อนนาย...ฉันหมายถึงรุ่นน้องนายคนเมื่อกี้นี้น่ารักดีนะ
นายพอมีเบอร์ติดต่อเขาบ้างไหม”
คำพูดชวนตงิดใจทำให้สเลนหันไปมองหน้าผู้พูดก่อนเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก
คำพูดชมเพศเดียวกันว่าน่ารัก ผู้ชายปกติที่ไหนเขาทำกัน! ”หรือว่าคุณจะเป็น...เอ่อ...’พวกนั้น’ เหรอครับ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ยอมรับง่ายๆอย่างไม่คิดปฏิเสธทำให้สเลนเผลอสะดุ้งผลักตัวออกจากวงแขนที่รัดคอตนอยู่
“ผมรู้จักคุณมาได้ก็เกือบปี แต่เพิ่งรู้นะครับว่าคุณเป็น...พวกชอบไม้ป่าเดียวกัน...”
“จะบอกว่ารังเกียจรึไง”
เพื่อนร่วมงานหนุ่มเริ่มคิ้วขมวด ถึงเขาจะเป็นเกย์แต่ใช่ว่าจะชอบผู้ชายทุกคนที่ขวางหน้าซะหน่อย
“ไม่ใช่ครับ ไม่ได้รังเกียจ แค่ตกใจ”
“แล้วเรื่องเบอร์ของรุ่นน้องนาย...”
“เรื่องนั้น...” สเลนอ้ำอึ้ง
อยากตบปากตัวเองที่โกหกคำโตออกไป ใครจะกล้าบอกได้เล่าว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าอีกต่างหาก
ถ้าเจ้าสีส้มมันไม่เตี้ยจนดูเด็กแบบนั้นเขาคงจะแถว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันได้อยู่หรอก
หากบอกความจริงไปแต่แรกความคงแตกเรื่องเขาอายุไม่ถึงสิบแปดเป็นแน่
“เรื่องเบอร์...ผมว่าไปขอเจ้าตัวเองดีกว่านะครับ”
“นายคิดว่าคนแปลกหน้าไปขอเบอร์ใครเขาจะให้กันเล่า
ขอจากนายนี่แหละดีที่สุด”
“แล้วถ้าคุณไม่ไปขอเองพอโทรฯไปจะไม่โดนตัดสายทิ้งเอาเหรอครับ”
สเลนพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างสุดฤทธิ์ จนในที่สุดก็สามารถทำให้เพื่อนรวมงานยอมล่าถอยออกไปอย่างง่ายดาย
ยอมถอยง่ายๆแบบนี้อีกฝ่ายคงไม่คิดจริงกับเจ้าสีส้มเท่าไหร่
“ค่อยยังชั่ว” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบตะครุบปากของตนเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
เมื่อกี้เขาพูดว่า ‘ค่อยยังชั่ว’
เหรอ มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาถึงต้องโล่งใจที่เพื่อนร่วมงานไม่ได้จริงจังกับเจ้าสีส้ม
ถ้าอีกฝ่ายโดนจีบจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสนใจหรือโล่งใจแทนเลยสักนิด
อา...จริงสิ เขาคงไม่อยากมีศัตรูเป็นเกย์แน่ๆ
ถึงได้โล่งใจแบบนี้ หากเจ้าสีส้มกลายเป็นเกย์เขาคงรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ ...สเลนสรุปแบบนั้นหลังจากได้คำตอบที่ตนเองพอใจโดยไม่ฉุกคิดเลยว่าประโยคสุดท้ายนั้นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆภายในจิตใจของเขา
...การแกล้งเจ้าค้างคาวมันเป็นอะไรที่สนุกดีเหมือนกัน...
หลังจากขอรอยยิ้มออกไป
เจ้าค้างคาวซึ่งต้องทำหน้าที่แจกรอยยิ้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จำต้องฝืนยิ้มออกมา มันดูตลกดีในสายตาของเขาและมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดี
ตอนนี้เขากำลังใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องโปรดเช็คข่าวบ้านเมืองของอาณาจักรวาร์ส
ในเนื้อหาข่าวของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในประเทศไม่ปรากฎข่าวเรื่องการก่อกบฎหรือลอบปลงพระชนม์เลยแม้แต่น้อย
มีเพียงข่าวโคมลอยจากวงในหลุดมาเข้าหูประชาชนจนเกิดเป็นเรื่องซุบซิบนินทา
จากเท่าที่ดูมาอินาโฮะจึงสรุปว่าประเทศวาร์สกำลังปิดข่าวสั่งห้ามสื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูลที่จะทำให้ประเทศเสียหายจนถูกประเทศเพื่อนบ้านฉวยโอกาสโจมตีออกไป
สัปดาห์หน้าเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรวาร์สต้องกลับประเทศชั่วคราว
อินาโฮะได้แต่หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นระหว่างการเดินทาง
เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขากับอัสเซลัมก็เหมือนจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว
การห่วงเพื่อนมันคงไม่ใช่สิ่งที่แย่สักเท่าไหร่
อินาโฮะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิม
เงาในกระจกใสสะท้อนภาพภายในร้านลางๆ พนักงานหนุ่มสองคนกอดคอพากันมองมาที่เขา
หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขาเพิ่งขอรอยยิ้มไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน
อินาโฮะคาดว่าคงพูดคุยหรือนินทาเขากันอยู่แน่
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องสนใจจนเก็บเอามาคิดให้รกสมอง มือเรียวหยิบแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปากคำน้อยๆ
เขาจัดการอาหารบนโต๊ะจนหมดอย่างเชื่องช้าแล้วเดินออกไป
“เดี่ยวก่อน นายน่ะ!”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้หันกลับไปมอง
“คุณคือ...”
“เพื่อนร่วมงานของเจ้าหมอนั่นน่ะ”
ชายสวมเสื้อพนักงานในร้านอาหารจั๊งฟู้ดที่อินาโฮะจำได้ว่ากอดคอกับเจ้าค้างคาวนินทาเขายกนิ้วโป้งขึ้นชี้ไปยังร้านอาหารจั๊งฟู้ดด้านหลังที่เขาเพิ่งเดินจากมา
“มีอะไรครับ”
อีกฝ่ายเกาหลังคอแก้เขินเล็กน้อย
ไม่ปล่อยให้รอนานนักจึงพูดความประสงค์ของตัวเองออกมา “ขอเบอร์หน่อยสิ”
‘นาโอะคุง ห้ามไว้ใจคนแปลกหน้านะ!’
เสียงกำชับของพี่สาวในตอนเด็กลอยแว่วเข้ามาพร้อมหน้าตาขึงขังจริงจังทำให้อินาโฮะเลือกปฏิเสธชายหนุ่มอย่างไร้เยื่อใยด้วยใบหน้านิ่งเฉยจนอีกฝ่ายหน้าเสียก่อนเดินจากมา
“เฮ้ เดี๋ยวสิ
คิดว่ามีคนจีบแล้วทำหยิ่งได้งั้นเหรอ” แรงบีบต้นแขนรั้งอินาโฮะไว้ไม่ให้ก้าวต่อไป
ผู้คนบางส่วนเห็นท่าทีแปลกประหลาดของทั้งคู่ต่างพากันหยุดยืนมองจนชายหนุ่มต้องใช้กำลังลากอินาโฮะให้เข้ามาในตรอกแคบลับตา
แขนสองข้างยันกำแพงกั้นขวางทางหนีของคนตัวเล็กกว่า
อินาโฮะยกมือข้างหนึ่งมาลูบต้นแขนที่โดนบีบอย่างแรงป้อยๆ พอตั้งใจจะมุดลอดใต้หว่างแขนกลับถูกอีกฝ่ายดึงดันใช้กำลังบังคับจับกลับมาอยู่ในท่าเดิม
คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยอย่างไม่พอใจเมื่อใบหน้าของตนถูกมือหยาบกร้านจับบังคับให้มองหน้าเจ้าตัวด้วยมือข้างเดียว
“ต้องการอะไร ไม่ใช่แค่เบอร์ใช่ไหม”
“เข้าใจง่ายดีนี่ ใบหน้าแบบนายถูกใจฉันเลย
คืนละเท่าไหร่ว่ามา”
“คงต้องขอปฏิเสธ” อินาโฮะไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
S E X ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามคำอันหมายถึงการร่วมเพศของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป
“ผมไม่ใช่พวกแบบนั้น...”
“พวกคุณสองคนทำอะไรกันน่ะ”
เสียงบุคคลที่สามดังแทรกขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งสอง
ฝ่ายใช้กำลังกักกันอินาโฮะสะดุ้งผละตัวออกทันที อินาโฮะหันมองตามเสียงพบบุคคลคุ้นตายืนทำหน้าขึงขังอยู่ตรงปากทางตรอกแคบ
“เจ้าค้างคาว”
“คุณกำลังทำอะไรกับเพื่อนของผมครับ”
สเลนถามเสียงต่ำ สายตาไม่พอใจถูกส่งไปให้เพื่อนร่วมงาน
“เปล่า แค่มาขอเบอร์โทรศัพท์เฉยๆน่า”
คนโตกว่าตอบด้วยน้ำเสียงแสร้งทำสบายๆก่อนจะรีบหุนหันเดินจากไป
“เป็นอะไรรึเปล่า”
สเลนถามอีกคนที่ยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านด้วยความไม่พอใจ
“ชอบรึไงถึงได้ยอมโดนลากมาง่ายๆแบบนั้น”
“เปล่า”
“วันหลังหัดระวังตัวซะบ้าง
ถ้าผมไม่เอะใจเดินตามเจ้าหมอนั่นมา คุณจะทำยังไง
ยืนนิ่งเป็นตอไม้ให้หมอนั่นมันทำมิดีมิร้ายคุณรึไง ไอ้หมอนั่นมันเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันนะคุณรู้รึเปล่า”
สเลนสวดอินาโฮะยับด้วยแรงโมโหเหมือนแม่อบรมลูก ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าเจ้าสีส้ม
แต่การนิ่งดูดายปล่อยให้คนที่อย่างน้อยก็รู้จักกันถูกคนอื่นลากไปต่อหน้าต่อตามันคงทำให้เขารู้สึกผิดจนนอนไม่หลับ
“แต่นายก็มาช่วยแล้ว ขอบใจ”
ปากที่กำลังบ่นของสเลนหุบฉับ ดวงตาสีฟ้าเบิกโตอย่างคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะดูว่าง่ายผิดปกติ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นมือเล็กกำต้นแขนของตัวเองเอาไว้
เขาถือวิสาสะถกแขนเสื้อขึ้นสำรวจดูความเสียหายของอีกฝ่าย ถึงจะไม่ปรากฎรอยแดงหรือรอยช้ำอะไรแต่สเลนรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเล็กๆจากร่างกายนั้น
...แม้นไม่แสดงออกบนใบหน้า
แต่ภายในใจกลับแฝงเร้นความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ น่ารักชะมัดยาดเลย... สเลน ’เผลอ’ คิด
มือใหญ่พอประมาณยกขึ้นลูบหัวฟูฟ่องอย่างปลอบใจ
ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผซ่านจนจิตใจของอินาโฮะสงบ มือเล็กกว่ายกขึ้นกอบกุมมือนั้นแนบลงบนริมฝีปาก
มุมปากกระดกขึ้นน้อยๆแทนคำขอบคุณ
รอยยิ้มนั้นสเลนรู้สึกว่ามันสามารถทำให้เขาตายได้
หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่สิ ความรู้สึกนี้เขาเคยสัมผัสมันมาก่อน
เคยสัมผัสมัน...จากห้วงเวลาแห่งอดีต
ตอนที่ 4
S M I L E
[จบ]
---------------------------------------------------------
เย้ ตอนที่ 4 มาแล้วค่ะ มาช้าแต่รู้สึกจะยาวกว่าปกตินะคะ แฮ่ๆ
ตอนแรกกะจะปั่นลงในวันเกิดอินาโฮะ แต่ไม่ทันเนื่องจากไม่อยู่ติดบ้านเลย
แถมท้ายวันนี้เป็นภาพที่มิดไนท์-Sama ไปหลอก(ตะล่อม)เพื่อนให้วาดมาค่ะ (โดยเจ้าตัววาดให้โดยไม่รู้ความหมายเลย) แต่มิดไนท์ก็บอกเพื่อนว่าจะเอามาลงเว็บนะ(อย่างน้อยก็ขอลงเว็บแหละน่า) ว่าแล้วก็แปะ!
ความจริง มิดไนท์-Sama คิดโดเกี่ยวกับค้างคาวกับส้มไว้ แต่เนื่องจากวาดค้างคาวไม่เป็นเลยหลอก(?!)เพื่อนให้วาดให้ดูเป็นตัวอย่างเผื่อจะได้หัดฝึกวาดค้างคาวสเลน แต่เนื่องจากยังไม่มีเวลาฝึกวาดเลยตอนนี้จึงสองจิตสองใจว่าจะวาดโดจินออกมาดีหรือเปล่า(ขอแอบกระซิบว่าการบ้านเยอะมากค่ะ อาจารย์สั่งทีแค่วิชาเดียวแทบอยากเขวี้ยงทิ้ง วิชาเดียวล่อไปมากกว่า 5 งาน โถถัง 'จารย์ค๊า หนูยังมีวิชาอื่นอยู่อีกนะคะ ไม่ใช่แค่ของ 'จารย์คนเดียว ฮือ T^T) นอนตาย
สุดท้ายนี้ขอเม้าท์(ระบาย)เรื่อง Aldnoah.Zero ตอนที่ 16 ค่ะ ว่าด้วยเรื่องฉากประทับใจที่สุดตั้งแต่ดูเรื่องนี้มา(สปอยล์เล็กน้อย)
ตอนเปิดเรื่องเป็นตอนอินาโฮะฟื้นจากอาการบาดเจ็บจากการโดนยิง ภาพตอนหนูขอนไม้ตะเกียกตะกาย(?)พยายามไขว่คว้าผ้ามาห่มให้พี่ตัวเองด้วยมือที่อ่อนแรงเต็มที เป็นอะไรที่ประทับใจมากค่ะ แถมสีหน้าและแววตาถึงจะไม่ได้แสดงออกชัดเจนแต่ด้วยสายตาของแม่ยกแอบสังเกตเห็นว่าอินาโฮะกำลังดีใจอย่างปิดไม่มิดที่ตัวเองยังไม่ตาย ตัวเองยังอยู่ โฮก โมเอ้มากๆค่ะ อะไรจะน่ารักปานเน้!!! พี่สาว(หน้าจอคอมฯ)ใจละลายแทนแล้วค่า แคปภาพแปะด้วยความฟิน
หมายเหตุ : ส่วนใหญ๋พิมพ์ด้วยแรงอวยล้วนๆ
[ภาพตอนหยิบผ้าห่มด้วยมืออันอ่อนแรง]
[ภาพหลังจากสบตากับยูกิแล้วพูดอรุณสวสดิ์นี่มัน...ฮึ้ย ฮึ้ย ฮึ้ย >//.,//< โปรดส่งเธอมาห้ายยยยช้านนนนนที]
อนึ่ง เนื่องจากไม่มีใครมาให้เวิ่นเว้อคู่นี้ด้วยเนื่องจากคนชอบคู่นี้เหมือนกันหายากเหลือหลาย เลยขอมาพล่าม(ให้รำคาญเล่น)ในนี้แทนละกันค่ะ อิๆ
สุดท้ายนี้แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ซึ่งตอนหน้าอาจมาช้าเนื่องจากติดกิจดังที่ได้แจ้งไว้ข้างบน ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น