Fiction : Aldnoah.Zero
Title : In ThE (Bed)RooM
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Slaine x Inaho (Cruhteo x Slaine, Saazbaum x Slaine, Cruhteo x Inaho, Saazbaum x Inaho)
Rating : PG (ที่ลังเลอยู่นานว่าจะจั่วหัวว่า NC ดีหรือเปล่า)
Warning : ใครไม่ชอบสเลนแนวดาร์กติดเลวนิดๆไม่แนะนำให้อ่านฟิคนี้ค่ะ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างยิ่ง
Note : มิดไนท์-Sama จั่วหัวแพริ่งไว้หลายคู่ แต่คู่หลักคือ สเลนxอินาโฮะ นะคะ
In ThE (Bed)RooM
ภาค1
Prisoner
สงครามระหว่างประเทศกำลังระบาดไปทั่วโลก
ต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่และทรัพยากรที่อีกฝ่ายมีอยู่มาไว้ในครอบครอง ความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
เลือดและชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสังเวยให้แก่สงคราม บุคคลมีอำนาจต่างพากันอยู่อย่างสุขสบาย
ส่วนประชาชนทั่วไปโดนเอารัดเอาเปรียบจากการเก็บภาษีที่เพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน
กี่ชีวิตที่ต้องต่อสู้?
กี่ชีวิตที่ต้องออกไปรบ?
และอีกกี่ชีวิต...ที่ต้องร่ำให้?
‘นาโอะคุง ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ’
เสียงร้องเรียกเจือสะอื้นไห้ก่อนจากกันของพี่สาวยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำ
‘ไม่ต้องห่วง
ต้องกลับมาได้แน่พี่ยูกิ’
หลังจากผู้เป็นน้องชายถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารได้ไม่นานก็ต้องถูกส่งออกไปทำศึก
ถึงแม้ว่าในค่ายฝึกทหารจะได้คะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆในทุกๆด้านจนถึงขนาดถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยย่อยของทหารจำนวนหยิบมือหนึ่งในการรบจริง
แต่อย่างไรความจริงประสบการณ์ในการรบยังคงเป็นศูนย์
แล้วยิ่งการที่น้องชายของเธอถูกส่งไปเป็นแนวหน้าด้วยแล้ว...
โอกาสจะรอดมันต่ำมากเสียจนน่าใจหาย
‘ขอให้โชคดีนะนาโอะ
น้องชายเพียงคนเดียวของพี่’ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงการสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้าเท่านั้น
ภาพในตอนนั้นนาโอะคุง หรือ ไคซึกะ อินาโฮะ
ยังจดจำได้ดี ทั้งๆที่พูดว่าจะรอดกลับไปให้ได้แท้ๆ แต่ในยามนี้ความหวังนั้นมันช่างเรือนรางเสียเหลือเกิน
หน่วยย่อยที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาถูกรถถังหุ้มเกราะและเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นล่าสุดทำลายจนราบคาบ
ราวกับปาฏิหาริย์ที่เขาโดนแรงระเบิดผลักกระเด็นออกมาทำให้ยังคงมีชีวิตรอด
แต่กลับต้องแลกกับการบาดเจ็บสาหัสไปทั่วทั้งร่างกายแล้วยังต้องถูกฝ่ายศัตรูจับมาทรมานเพื่อรีดเค้นข้อมูลแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้อีก
“ไม่ร้องสักแอะ นี่มันยังมีชีวิตอยู่แน่นะ
โดนทรมานตั้งขนาดนี้หน้ายังไม่เปลี่ยนสีเลย”
“มันยังหายใจอยู่ก็แปลว่ายังไม่ตายหรอก”
ภายในสติอันเรือนรางอินาโฮะได้ยินแบบนั้น
ตั้งแต่เด็กแล้วเขามีปัญหาในด้านการแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า
และมันก็เคยเป็นปัญหาให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือการเข้าใจผิดกับคนอื่นอย่างน่าประหลาด
วันดีคืนดีก็สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกเกลียดขี้หน้าได้ทันทีที่เห็นหน้าด้วย
แบบนี้คงต้องเรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวสินะ
แอ๊ด! ประตูสนิมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทันทีที่มีคนผลักมันเข้ามา
ชุดทหารสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้นายทหารสองคนผู้ซึ่งอยู่ในห้องก่อนหน้าตะเบ๊ะท่าทำความเคารพ
“ได้เรื่องอะไรบ้างหรือยัง”
“มันไม่ยอมคายข้อมูลออกมาเลยครับ”
นายทหารยศต่ำกว่าตอบด้วยท่าทางหนักใจ ไม่ว่าจะใช้วิธีรุนแรงหรือใช้ยา
อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปริปากพูดอะไรสักนิด
“หืม
ถ้าอย่างนั้นก็ใช้วิธีที่มันทารุณกว่านั้นก็สิ้นเรื่อง อย่างเช่น...”
คางมนถูกบีบให้เชิดขึ้นอย่างไม่อาจขัดขืน นิ้วโป้งของผู้กระทำนวดเคล้นบริเวณถุงใต้ตาซ้ายของอินาโฮะอย่างหยอกเย้า
เปลือกตาถูกจับแยกออกจากกัน นิ้วมือถูกส่งลึกเข้าไปข้างในเบ้าตาอุ่นนุ่ม
”อึ๊ก!”
เป็นครั้งแรกที่อินาโฮะส่งเสียงร้องแห่งความทรมานออกมาหลังจากถูกฉีกกระชากดวงตาของตนออกไปอย่างไร้ความปรานี
ทหารสองนายที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันสะดุ้งตัวโยนตกใจกับการกระทำของผู้มียศสูงกว่า
ถุงมือสีขาวเปื้อนเลือดถือนัยน์ตากลมกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา
สุดท้ายดวงตาดวงนั้นได้ถูกปล่อยทิ้งลงบนพื้นตามด้วยการถูกฝ่าเท้าของชายหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินขยี้จนแหลกเละไปต่อหน้าต่อตา
“คายข้อมูลที่มีทั้งหมดออกมาซะ
ถ้าไม่อย่างนั้นตาอีกข้างของแก...”
“ขอโทษนะครับคุณสเลนที่ต้องพูดแบบนี้
แต่ว่าตอนนี้มันหมดสติไปแล้วครับ”
ภายในห้องขังอันมืดมิด
ความรู้สึกแรกที่ทำให้อินาโฮะรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่คือความรู้สึกเจ็บและทรมาน
โลกด้านซ้ายของเขามันมืดบอดมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว อีกไม่นานโลกด้านขวาของเขาคงถูกช่วงชิง
ในท้ายที่สุดคงไม่เหลืออะไรแม้แต่ชีวิต
เขาไม่เคยเตรียมใจที่จะตาย
คิดเพียงแค่ว่าอยากกลับไปหาครอบครัวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
ป่านนี้คนๆนั้นคงกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่แน่ ถ้าไม่มีเขาสักคนพี่ยูกิจะอยู่ได้ไหม
จะได้กินข้าวอร่อยๆหรือเปล่า จะตื่นไปทำงานทันไหมนะ
“นี่สินะความรู้สึกของคนใกล้ตาย นั่งนึกถึงอดีตแบบนี้”
“นี่น่ะเหรอ
คนที่ทำลายหน่วยของเธอจนพังราบเป็นหน้ากลอง”
“ครับ ท่านเคาท์คลูเทโอ้”
เสียงของคนสองคนปลุกให้อินาโฮะหลุดออกจากภวังค์
คนหนึ่งใส่ชุดทหารสีแดงเต็มยศ ส่วนอีกหนึ่งคือคนที่เคยควักดวงตาของเขาออกไปอย่างไร้ความปราณี
“อายุน่าจะพอๆกับเธอนะ”
“ไม่ทราบครับ”
”เสียดายความสามารถนั่นจริงๆ
ถ้าหากเกิดมาในประเทศอังคาเลียของเราตั้งแต่แรกละก็จะเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเลยทีเดียว”
คลูเทโอ้ลูบคางพลางไล่สายตาประเมินคนในกรงขังอย่างพินิจพิเคราะห์ ตอนแรกได้ยินมาว่าในแนวหน้าของฝ่ายศัตรูมีทหารกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่สามารถตีฝ่าทัพใหญ่ของพวกเขาจนแตกพ่ายและยังทำลายทัพของสเลนจนพังพินาศ
จากที่ได้ยินมานึกว่าจะเป็นปิศาจซะอีก
แต่ดูๆไปแล้วก็แค่เด็กธรรมดาทั่วไปไม่น่าจะมีพิษสงอะไรสักเท่าไหร่
“ท่านถูกใจหรือครับ” สเลนปรายตามองคนด้านข้างเพื่อดูกริยาโต้ตอบ
“ก็นะ” คลูเทโอ้ตีหน้านิ่ง
รู้สึกถูกใจคนในกรงขังอยู่ไม่น้อย หน้าตาก็ไม่เลว รูปร่างจัดอยู่ในเกณฑ์ว่าดี
แถมยังเด็กพอๆกับสเลน เสียดายก็แต่ดวงตาข้างซ้ายที่ถูกทำลายไปเมื่อวาน
ถ้าเลี้ยงให้เชื่องได้คงได้ขึ้นมาเป็นคนโปรดของเขาเป็นแน่
“มีผมอยู่แล้วยังคิดจะมีคนอื่นอีกเหรอครับ” น้ำเสียงไม่พอใจจงใจส่งออกไปกระทบหูของคนยศสูงกว่า
เขาจะไม่ยอมให้ใครอื่นมาแทนที่ได้เพราะเขาใช้เวลานานหลายปีกว่าจะไต่เต้ามาได้จนถึงจุดนี้
“หึ หึงรึไง”
“ครับ เพราะฉะนั้นคนๆนี้ผมจะดูแลเอง”
“นานๆทีเธอจะเอาแต่ใจสักที ครั้งนี้ฉันยกให้เธอชั่วคราว
แต่ว่าดวงตาอีกข้างนั่นน่ะ อย่าทำลายซะล่ะ ฉันชอบมัน”
ว่าจบคลูเทโอ้จึงเดินออกไป ทิ้งให้สเลนส่งสายตาไม่พอใจไปยังคนในกรงขัง
“ถือว่าแกโชคดีไปที่ท่านเคาท์คลูเทโอ้ถูกใจแก
ไม่เช่นนั้นชีวิตแกคงได้หาไม่ตั้งแต่วินาทีผมก้าวเข้ามาในนี้!”
หลังจากเหตุการณ์นั้นอินาโฮะถูกพาตัวไปรักษาดวงตาและอาการบาดเจ็บตามร่างกาย
ถุงบรรจุยาหลายเม็ดหลากชนิดถูกส่งมาให้ เขารับมันมาถือไว้
อินาโฮะผ่อนลมหายใจช้าๆหลังจากชีวิตของตัวเองยังสามารถต่อยืดไปได้อีกนิด
ไม่ว่าเรื่องต่อจากนี้จะเกิดอะไรมีเพียงแต่ต้องยอมรับมันและฟันฝ่าไปให้ได้เท่านั้น
หากสบโอกาสเมื่อไหร่เขาจะหนีออกไปอย่างแน่นอน
อินาโฮะถูกคุมตัวมาไว้ในห้องๆหนึ่ง
เป็นห้องขนาดกลางไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปมีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นประดับอยู่ ทางขวามือน่าจะเป็นห้องครัวเนื่องจากไม่มีประตูกั้นทำให้เห็นของด้านในได้อย่างแจ่มชัด
ส่วนตัวเขาถูกผลักให้เดินไปทางห้องด้านซ้ายมือ
ทันทีที่ประตูย่อยของห้องขนาดกลางนี้ถูกเปิดออก
สิ่งที่เห็นข้างในคือห้องสี่เหลี่ยม
มีเตียงนอนใหญ่ขนาดที่สามารถนอนได้สองคนอย่างสบาย มีห้องน้ำในตัว
และมีตู้หนังสือตั้งไว้เพียงตู้เดียว
นอกนั้นก็เป็นของใช้จำเป็นอย่างโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น
โซ่เส้นยาวถูกล็อกไว้กับข้อขาข้างซ้าย
ส่วนปลายเส้นถูกโยงเข้ากับขาเตียงพร้อมด้วยแม่กุญแจสองอันคล้องทับอย่างหนาแน่น
อินาโฮะคำนวนความยาวจากสายตาโดยคร่าวๆแล้วระยะการเดินและอิสระที่ได้รับมีเพียงในห้องนอนห้องนี้(รวมห้องน้ำ) ตัดขาดทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวถูกห้ามไม่ให้ไปเดินเพ่นพ่านอย่างสิ้นเชิง
หลังจากทหารที่คุมตัวมาออกไปหมดแล้ว
อินาโฮะจัดการเดินสำรวจรอบห้องและวัดความยาวของโซ่ไปในตัว ห้องนี้มีระเบียงสามารถเปิดรับลมจากข้างนอกได้แต่ไม่สามารถกาวขาออกจากห้องนี้ได้เพราะความยาวของโซ่ไม่เอื้ออำนวย
เขานั่งลงพิงผนังใกล้ระเบียงรับลมเอื่อยพัดเบาๆพอให้เย็นสบาย
ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์เหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีคราม
ปล่อยใจล่องลอยไปถึงพี่สาวร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เจ้าของห้องที่เข้ามาเห็นถึงกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
หน้าต่างบานใหญ่ของระเบียงถูกปิดลงตามด้วยร่างสลบไสลถูกแบกอุ้มขึ้นวางไว้บนเตียงอย่างที่มันสมควรจะเป็น
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกวางทับบนร่างนั้นอย่างลวกๆโดยไม่สนใจจะจัดแจงให้เข้าที่
“สกปรกชะมัด ผ้าปูเตียงคงต้องส่งไปซัก
ถ้าตื่นมาคงต้องไล่ไปอาบสักหน่อยแล้ว” พึมพำอย่างหัวเสียกับตัวเอง
เพราะคนบนเตียงคนเดียวที่เกือบทำลายอนาคตของเขา
กองทัพขนาดกลางที่เขาเป็นคนสั่งการถูกตีแตกภายในหนึ่งอาทิตย์
เดือดร้อนต้องไปขอความช่วยเหลือจากเคาท์คลูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์ม
สงครามยืดเยื้อไปร่วมสองเดือนเพราะกลยุทธ์ของศัตรูที่ถูกชี้นำโดยทหารกลุ่มเล็กๆเพียงกลุ่มเดียวทำให้กองทัพทั้งหมดแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ในที่สุดด้วยเทคโนโลยีทรงอานุภาพของฝ่ายวิทยาการในกองทัพทำให้สามารถประดิษฐ์อาวุธทำลายล้างอย่างเครื่องบินทิ้งระเบิด
และรถถังหุ้มเกราะได้สำเร็จ สงครามชายแดนจึงจบลงโดยที่ฝ่ายอังคาเลียเป็นฝ่ายชนะและฝ่ายโลกะเป็นฝ่ายแพ้
ถึงฝ่ายเขาจะชนะก็ตาม แต่ตัวเขาที่ปล่อยให้ทัพหน้าถูกตีแตกได้นั้นทำให้ตำแหน่งที่อุตส่าห์ได้มาอย่างยากลำบากนี้สั่นคลอนจนเกือบถูกปลดออก
โชคยังดีที่ได้เคาท์คลูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์มเกลี้ยกล่อมให้จึงทำให้ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมได้
และที่เกือบแย่เพราะคนบนเตียงอีกอย่างคือการที่เคาท์คลูเทโอ้เริ่มสนใจในตัวคนอื่นนอกจากเขา
ถ้าเป็นอย่างนั้นอีกไม่นานคนที่คอยหนุนหลังเขาจะหายไปหนึ่งคน
ซึ่งนั่นคงเป็นการเปิดช่องโหว่ให้พวกที่ไม่ชอบหน้าเขาเล่นงานได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่
เพราะฉะนั้นในตอนนี้จึงทำได้แค่ถ่วงเวลาเอาไว้เท่านั้นโดยการอ้อนเอาแต่ใจที่แทบไม่เคยทำมาก่อนกับคลูเทโอ้โดยการขอหมอนี่มาอยู่ในความดูแลถึงแม้จะชั่วคราวก็ตาม
กริ๊ง!
เสียงกริ่งหน้าห้องทำให้สเลนที่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆจำต้องลุกไปเปิดประตูเพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“คุณสเลน ท่านเคาท์คลูเทโอ้เรียกเข้าพบครับ”
“ฝากบอกกลับไปด้วยว่าอีกสักพักจะไปพบ”
“รับทราบครับ”
ลับหลังทหารผู้ถ่ายทอดคำสั่ง
เขาถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยหน่ายพาตัวเองเข้าห้องน้ำจัดการธุระจำเป็นบางอย่างให้เสร็จเรียบร้อย
คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่เขาต้องฝืนสังขารบังคับตัวเองให้นอนตอนรุ่งสางสินะ
ยามรุ่งสาง อินาโฮะตื่นนอนด้วยอาการสะลึมสะลือ
อาการปวดตาข้างซ้ายถึงจะบรรเทาไปบ้างแล้วแต่อย่างไรมันก็ยังปวดอยู่ดีทำให้เขาควานมือไปทั่วเพื่อหาถุงยา
สัมผัสขรุขระไม่เรียบเหมือนพื้นข้างตัวทำให้ต้องหันไปมองพร้อมขยี้ตาด้วยความง่วงงุนเล็กน้อย
เมื่อสายตาเริ่มชินเห็นเป็นร่างคนเพิ่งคุ้นเคยภายในสองวันนี้นอนอยู่ข้างๆ
ดูเหมือนการขยับตัวของเขาจะทำให้คนด้านข้างเริ่มรู้สึกตัวและรำคาญ
“นอนไปซะ” คนที่เพิ่งหัวถึงหมอนเกิดอาการหงุดหงิดง่ายจากการอดนอนกดหัวอินาโฮะให้ซุกลงบนแผงอกของตนโดยไม่คิดอะไรนอกจากขอแค่เพียงอีกฝ่ายไม่ขยุกขยิกจนรบกวนการนอนของเขาเท่านั้น
พอสเลนตื่นอีกทีก็ตอนเที่ยงเกือบบ่ายเข้าไปแล้ว
แถมพอตื่นมายังพบว่าตัวเองนอนกอดคนตัวเล็กกว่าไว้อย่างแนบแน่น
ดวงตาสีแดงใสแจ๋วไร้อารมณ์กำลังนอนจ้องหน้าเขานานเท่าไหร่ไม่รู้
แต่ที่รู้อย่างเดียวคือตอนนั้นเขาตกใจมาก
ถูกจ้องในระยะประชิดตอนตื่นนอนแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อนเลยจริงๆ
“ขอน้ำหน่อย”
หลังจากถูกปล่อยจากอ้อมแขนที่รัดตนราวกับงูได้จึงเริ่มร้องขอทันที “จะกินยา” พูดพร้อมกับชูถุงยาที่อยู่ในมือแล้วแตะดวงตาด้านซ้ายที่หายไปผ่านผ้าพันแผลที่หลุดรุ่ย
“ไปอาบน้ำซะไป” สภาพโทรมๆด้วยเสื้อทหารขาดๆ
หน้าตามอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงทำให้สเลนเลือกที่จะเมินคำขอร้องของคนตรงหน้าแล้วไล่ให้ไปชำระร่างกายให้สะอาด
อินาโฮะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมาก็พบกับผ้าเช็ดตัวและเสื้อทหารสีน้ำเงินที่ดูแล้วน่าจะเป็นของเจ้าของห้องวางอยู่
ในเวลาไม่นานอินาโฮะออกมาจากห้องน้ำอีกทีพร้อมเสื้อตัวใหม่ที่ออกจะหลวมไปหน่อยสำหรับเขาด้วยข้อจำกัดทางความสูงโดยทางเขาเป็นฝ่ายตัวเล็กกว่า
“ถ้าเสร็จแล้วก็...”
สเลนเปิดปะตูเข้ามาถึงกับชะงัก
รู้ถึงเหตุผลที่เคาท์ครูเทโอ้สนใจในตัวคนตรงหน้าหนักหนาแล้ว
ตอนแรกสกปรกมอมแมมจนไม่ทันมองให้ดีว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาน่ารักแค่ไหน
“ถ้าเสร็จแล้วก็กินข้าวกินยาซะให้เรียบร้อย”
ชามข้าวต้มพร้อมด้วยน้ำหนึ่งเหยือกและแก้วหนึ่งใบถูกวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กปลายเตียง
สเลนเดินเลี่ยงไปรับลมบริเวณระเบียง
ที่ตรงนี้ถือเป็นที่โปรดของเขาเพราะจะมีลมพัดผ่านตลอด
เรื่องกลุ้มใจหรือกังวลต่างๆที่กักเก็บไว้ราวกลับจะถูกสายลมหอบเอาไปด้วย
เมื่อชื่นชมธรรมชาติเสร็จหันกลับมาอีกทีเจอคนที่ตัวเองลืมไปชั่วขณะกำลังพันผ้าพันแผลปกปิดดวงตาข้างซ้ายด้วยท่าทางทุลักทุเลหลังจากทานข้าวทานยาเสร็จแล้ว
ท่าทางเก้ๆกังๆดูขัดใจสเลนจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกระชากผ้าพันแผลออกมาเป็นฝ่ายพันให้เองอย่างเรียบร้อย
อินาโฮะจับผ้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อยเล็กน้อยก่อนจะหยิบยาทาแผลขึ้นมาทาลงบนบนแขนขาอย่างไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะมองยังไง
เห็นท่าทางแบบนั้นสเลนรู้สึกคันไม้คันมืออยากตีคนตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ
คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี มันน่าโมโหนัก!
ในที่สุดสเลนเลือกจะดับอารมณ์โกรธโดยการหยิบหนังสือบนชั้นไปนั่งอ่านบนเตียง
วันนี้เขาถูกอนุญาตให้หยุดพักงานจึงว่างเฝ้าตัวปัญหาทั้งวัน น่าแปลกที่อีกฝ่ายสงบกว่าที่คิด
ไม่มีโวยวายให้รำคาญใจหรือสั่นกลัวเหมือนคนปกติ ไม่อย่างนั้นเขาคงลงมือกับคนตรงหน้าไปนานแล้ว
เข็มนาฬิกาเคลื่อนจากเวลาเที่ยงวันเป็นเวลาพลบค่ำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ทันทีที่หนังสือในมือสเลนถูกปิดลง เขาจึงละสายตาจากมันขึ้นมามองคนร่วมห้องที่ฟุบหลับกับโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
‘ช่างเป็นเชลยที่ไม่สมกับเป็นเชลยเอาซะเลย’
สเลนยืนมองอีกฝ่ายในระยะประชิด
แพขนตาหลับพริ้มพร้อมเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะชวนให้คนมองเผลอไผลไปกับใบหน้ายามนอนหลับ เขารู้สึกว่ามันช่างน่ารักกว่าใบหน้าเฉยชาในยามปกตินัก
มีคนกล่าวว่าความอยากรู้ของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
และตอนนี้สเลนเองก็เป็นเช่นนั้น ความอยากรู้นี้ถูกกระตุ้นโดยร่างเล็กกว่าตรงหน้า
ด้วยใบหน้าเฉยชายามปกติและใบหน้าแสดงความทรมานออกมาเล็กน้อยในครั้งเมื่อเขาช่วงชิงดวงตาข้างซ้ายนั้นไป
อยากรู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะทำสีหน้าอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า
ด้วยน้ำมือของเขาจะสามารถบังคับอีกฝ่ายให้แสดงสีหน้าแบบไหนออกมาได้บ้าง
อยากรู้จริงๆ อยากรู้ และอยากรู้
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สเลนเผลอยกมือขึ้นลูบใบหน้ามนได้รูปอย่างเพลินมือ
กลีบปากนุ่มที่เขาสัมผัสได้นั้นมันน่าตกใจเกินกว่าจะเป็นริมฝีปากของบุรุษผู้ซึ่งเคยออกรบเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง
ริมฝีปากนุ่มจากปลายนิ้วเผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างยั่วเย้า
ยากจะต้านทาน
ในที่สุดริมฝีปากของคนสูงกว่าเป็นฝ่ายก้มลงประกบฉกฉวยความนุ่มละมุนจากคนยังไม่ได้สติ
ดั่งในนิทานปรัมปราจุมพิตจากเจ้าชายสามารถปลุกให้เจ้าหญิงที่หลับไหลฟื้นคืนอีกครั้ง
สัมผัสแปลกปลอมรบกวนการนอนหลับทำให้อินาโฮะจำต้องตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ใบหน้าระยะประชิดของศัตรูและสัมผัสชื้นแฉะบางอย่างที่ล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากของตนทำให้ตกใจจนเผลอสะบัดมือออกปัดป่ายไปถูกใบหน้าของหนุ่มผมบลอนด์ทองจนหันไปคนละทางอย่างช่วยไม่ได้
สเลนเช็ดคราบน้ำลายที่ติดมาจากกิจกรรมเมื่อครู่แล้วมองจ้องอีกฝ่ายอย่างกรุ่นโกรธ
หลังมือแกร่งถูกสะบัดอย่างจงใจไปถูกแก้มด้านขวาของคนบนเก้าอี้จนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
อินาโฮะยันกายขึ้นนั่ง ความรู้สึกเค็มปะแล่มในปากทำให้ต้องยกหลังมือขึ้นมาเช็ดมุมปากเล็กน้อย
รสชาติฝาดๆในปากเป็นรสชาติเลือดของเขานั่นเอง
อีกฝ่ายตบมาอย่างไม่ยั้งมือแบบนี้สมควรแล้วที่เลือดจะไหลออกมา
ไม่นานนักอินาโฮะรู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากอีกฝ่าย
ร่างของเขาถูกโยนลงบนเตียงอย่างไร้ความปรานี
โดยไม่ทันตั้งตัวก็ถูกกระโจนขึ้นคร่อมซะแล้ว
อินาโฮะดิ้นอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดเพราะรู้ดีว่าอะไรจะตามมา
เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย
ทั้งๆที่รู้ดีว่าถึงจะดิ้นอย่างไรก็คงไม่พ้นน้ำมือของอีกฝ่ายด้วยพันธนาการจำกัดอิสรภาพที่รัดรึงข้อเท้าอยู่นี้
แต่ว่า... แต่ว่า... ไม่อยากยอมแพ้ไปทั้งๆแบบนี้เลย
แต่ว่า... แต่ว่า... ไม่อยากยอมแพ้ไปทั้งๆแบบนี้เลย
ปึก!
หมัดดั่งฆ้อนเหล็กทุบเข้าบริเวณท้องน้อยก่อเกิดความรู้สึกจุกเสียดแล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย
แรงดิ้นขัดขืนในคราแรกเริ่มอ่อนลงทีละน้อย
เสื้อทหารสีน้ำเงินถูกฉีกกระชากออกอย่างง่ายดาย ร่างกายถูกจาบจ้วงอย่างหยาบคาย ไร้ความนุ่มนวลและสุดแสนจะน่าขยะแขยงในความรู้สึกของอินาโฮะ การที่โดนผู้ชายด้วยกันขืนใจสัมผัสแบบนี้ราวกับศักดิ์ศรีบางส่วนถูกบดขยี้
รู้ดีว่าตัวเองอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร
อย่างไรในสายตาของคนในประเทศนี้ก็เห็นเขาไม่ใช่คนอยู่แล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวที่เกินจำเป็นการปล่อยให้ถูกกระทำแบบนี้ไปมันย่อมดีกว่าการที่ดิ้นรนทั้งๆที่ไม่มีทางหนีแล้วถูกทำร้ายมากกว่าเดิมในภายหลัง
ฟันคมครูดจากซอกคอไปยังลาดไหล่แล้วเลื้อยไล่ลงมาตามแผงอกนวลเนียนทิ้งรอยดูดกับรอยกัดสลับกันไปตามแต่อารมณ์
อินาโฮะเม้มปากแน่นกล้ำกลืนเสียงน่าอายลงไปในลำคอ จนกระทั่งสิ่งแปลกปลอมถูกยัดเยียดเข้ามาในร่างกายโดยไม่เต็มใจ
“อึ๊ก!”
เสียงร้องเล็กๆแผ่วเบาปลุกสัญชาตญาณดิบของสเลนให้ตื่นขึ้นมา ใบหน้าจากตอนแรกที่นิ่งเฉยบัดนี้เริ่มบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยด้วยฝีมือของเขานั้นทำให้รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
สเลนมักสงสัยมาตลอดว่าความรู้สึกของเคาท์ครูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์มเวลากระทำย่ำยีเขาเป็นเช่นไร
ในตอนนี้สเลนรู้แล้วว่าการรังแกและย่ำยีคนอ่อนแอหมดหนทางสู้แบบนี้มันสนุกขนาดไหน
เพราะตอนนี้เขาเองก็กำลังสนุกแบบนั้นเลย ใช้กำลังบังคับ มอบความเจ็บปวด ทำลายความภูมิใจในตนเองของคนอื่นแล้วมันช่างรู้สึกดีหาใดเปรียบ
ความรู้สึกเก็บกดตลอดมาในยามนี้ระเบิดออกมากลายเป็นความบ้าคลั่งโถมเข้าใส่อินาโฮะอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
อินาโฮะอดทนนอนรองรับแรงอารมณ์ของคนด้านบนจนร่างกายบอบช้ำอยู่เป็นเวลานาน
เฝ้าภาวนาให้กาลเวลาผันผ่านไปโดยเร็ว จนกระทั่งอีกฝ่ายหนำใจจึงละกายออกแล้วล้มตัวลงนอนอยู่ด้านข้าง
อินาโฮะนอนหันหลังห่อกายด้วยกล้ำกลืนความเจ็บปวดจากเบื้องล่าง
ท่อนแขนแกร่งของคนข้างกายที่ปะป่ายไปทั่วตัวเขามันเต็มไปด้วยตัณหา
สุดท้ายแล้วร่างของเขาก็ถูกดึงให้แผ่นหลังชิดแนบกับแผ่นอกของฝ่ายนั้น
น้ำตาใสไหลเอ่อจากดวงตาเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่
ถึงแม้สีหน้าจะไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆอีกแล้ว
แต่ในใจนั้นกลับเหมือนถูกพายุถล่มพัดฉีกกระชากไปคนละทิศละทาง ร่างกายและจิตใจเฝ้าคะนึงโหยหาอ้อมกอดของพี่สาวที่พรากจาก
อยากพบ อยากเจอ ครอบครัวอันเป็นที่รักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
และแล้วในที่สุดอินาโฮะก็ตัดสินใจในบางสิ่งได้ หากอีกฝ่ายต้องการแค่ร่างกาย
เขาก็จะมอบให้ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เป็นฝ่ายกำชัยจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!
ซ่า!
ลาดไหล่บางห่อตัวเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเย็นของสายน้ำจากฝักบัว
เรียวขาสั่นระริกจะล้มแหล่มิล้มแหล่จนต้องยกมือหนึ่งขึ้นยันผนังเพื่อพยุงกาย
คราบเหนอะหนะถูกชำระล้างอย่างสะอาดจนไม่หลงเหลือภายในร่างกายแม้เพียงเศษเสี้ยว
โซ่กุญแจพันธนาการข้อเท้าเสียดสีกับเนื้อนุ่มเริ่มเกิดเป็นรอยช้ำสีม่วงคล้ำอย่างน่ากลัวบ่งบอกว่ามันถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาแค่ไหน อินาโฮะไม่อยากเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนมากนักเพราะจะถูกมันสีและขูดเนื้อหนังจนหลุดลอกออกไป
หลังจากอาบน้ำเสร็จ
ผ้าเช็ดตัวและเสื้อตัวใหม่ถูกวางไว้หน้าห้องน้ำอย่างเรียบร้อย
มันเป็นของที่เจ้าของห้องเตรียมเอาไว้ให้ก่อนจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
ความจริงแล้วอินาโฮะก็อยากเปลี่ยนกางเกงอยู่หรอกเพราะมันเปรอะเปื้อนคราบไม่พึงประสงค์เต็มไปหมด
พอลองเอ่ยออกไปลอยๆกลับถูกปฏิเสธแล้วสวนมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดพร้อมยื่นคำขาดว่าจะไม่มีทางปลดโซ่ที่ล่ามขานี้ไว้ออกแม้แต่วินาทีเดียวเด็ดขาด
นั่นจึงทำให้อินาโฮะตอนนี้ประชดด้วยการใส่เสื้อเพียงตัวเดียวเดินลอยไปลอยมาอยู่ในห้อง
ถ้าเจ้าของห้องกลับมาเห็นเขาในสภาพนี้คงตกใจและไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำ
ข้าวเช้าอุ่นๆบนโต๊ะวันนี้ก็ถูกเขาทานเกลี้ยงอีกเช่นเคย
ตามด้วยการทานยา ทาแผล และพันผ้าปกปิดดวงตาข้างที่หายไป
หน้าต่างระเบียงบานใหญ่ถูกเปิดอ้ารับลมโชยอ่อนสะพัดเข้ามาในห้อง
หนังสือบนชั้นวางถูกสุ่มหยิบออกมาอ่านฆ่าเวลา ผ้านวมผืนหนาถูกลากมาห่มกายตนไว้ปกปิดความหนาวเหน็บ แผ่นหลังเอนลงพิงผนังใกล้ระเบียงอย่างผ่อนคลาย
ลมเย็นอ่อนๆโชยพัด ผ้าห่มกายผืนหนาๆ
หนังสืออ่านฆ่าเวลาสนุกๆ
ช่วงเวลานี้ถือเป็นความสุขเล็กๆของอินาโฮะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้
ไม่มีใครรบกวน ไม่มีใครมาทำอันตราย เป็นช่วงเวลาเดียวที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครทำร้าย
มีคนว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงเมื่ออินาโฮะรู้ตัวอีกทีว่าพระอาทิตย์โบกมือลาลับขอบฟ้าไปแล้วพร้อมกับร่างของอีกคนหนึ่งที่ย่างกรายเข้ามาในห้อง
สเลนชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของคนที่อยู่ในห้องนี้ทั้งวันโดยไม่ใส่กางเกง
แค่นั้นยังไม่แปลกใจเท่าที่อีกฝ่ายไม่ยอมใส่กางเกงในเข้าไปด้วย! ส่วนเว้าโค้งวับๆแวมๆภายใต้ร่มผ้าทำให้สเลนเริ่มหายใจติดขัด
สมองพลันนึกถึงรสชาติของร่างกายบางนั้นที่ตนได้ลิ้มลองมายังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ
อินาโฮะยันกายลุกขึ้นยืนเดินนำหนังสือเข้าไปเก็บในชั้นตามเดิม
“หิว” ปลายนิ้วที่โผล่พ้นเสื้อตัวโคร่งออกมาเล็กน้อยบรรจงแปะลงหน้าบนท้องของตนผ่านเนื้อผ้า
ใบหน้ามนจงใจเอียงคอเล็กน้อยพอประมาณ ทุกสิ่งทุกอย่างประกอบกันอย่างลงตัวจนกลายเป็นคำว่าน่ารัก
“ก...ก็ได้” สเลนหุนหันออกไป ไม่อยากคิดไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังออดอ้อนตน
โดยไม่รู้ตัวสเลนกำลังตกลงไปในหลุมที่อินาโฮะขุดไว้อย่างช้าๆ
อินาโฮะมั่นใจว่าการทำแบบนี้มันจะสามารถปั่นหัวอีกฝ่ายได้สำเร็จ
หนังสือบนชั้นหนังสือนั้นช่วยให้ศึกษานิสัยบางส่วนของเจ้าของห้องนี้ได้อย่างดีจริงๆ
แต่มันจะไม่สำเร็จเลยถ้าหากฝ่ายนั้นไม่มีความสนใจในเพศเดียวกันแม้แต่เศษเสี้ยว
อีกประการหนึ่งก็ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดหน้าตาแบบนี้ออกมา
ถึงจะไม่ได้อยู่ในคำจำกัดความของคำว่าหล่อหรือน่ารัก
แต่มันก็ถูกสร้างให้เข้ากับการกระทำอากัปกิริยาออดอ้อนแบบนี้เป็นที่สุด!
โจ๊กร้อนๆถูกวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากอินาโฮะกินหมดเรียบร้อยแล้วเขารู้ได้ทันทีว่าต่อไปจะถูกทำอะไรจากน้ำมือของคนที่นั่งจ้องมองตัวเองอย่างไม่วางตาตั้งแต่เข้าห้องมา
อินาโฮะเลิกขัดขืนไปนานแล้ว ปล่อยให้อีกฝ่ายละเลงกามารมณ์ลงบนร่างของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนึ่งวัน สองวัน ผันผ่านเป็นหนึ่งเดือน สองเดือน
“อาการบาดเจ็บทุกอย่างหายสนิทแล้ว
หากรู้สึกปวดตาทานยาที่ให้ไปวันละสองเม็ดเช้า-เย็น หลังอาหาร” หมอเจ้าของอาการผู้ดูแลรักษาอินาโฮะเก็บอุปกรณ์ต่างๆลงกระเป๋าพร้อมกำชับเรื่องการรับประทานยาที่ให้ไป
สายตาภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมเหลือบมองร่องรอยสีกุหลาบที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อแล้วหันเหไปมองชายเจ้าของห้องด้านข้างอย่างรู้สาเหตุของร่องรอยนั้น
“ส่วนคุณช่วงนี้ผมอยากให้เพลาๆมือลงหน่อย
ผู้ป่วยเริ่มมีไข้อ่อนๆ ผมไม่อยากให้โหมมากจนเป็นหนักกว่าเดิม”
สเลนเหลือบมองคนร่างเล็กที่กำลังใช้ผ้าเกี่ยวหูปิดตาด้านซ้าย
ท่าทางเหมือนปกตินั้นหากหมอไม่บอกว่าเจ้านั่นเริ่มเป็นไข้เขาคงจะไม่รู้จนกระทั่งเป็นหนัก
แต่นั่นไม่ใช่กงการอะไรที่เขาจะต้องไปเป็นห่วงสุขภาพของเชลยไร้ประโยชน์นี่
ยามเมื่อหิมะโปรยปราย
ภายในห้องอ้างว้างอันหนาวเหน็บมีร่างเล็กของใครคนหนึ่งถูกผูกมัดด้วยโซ่ตรวนกำลังนอนขดตัวคู้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา
ใบหน้าแดงซ่านผ่อนลมหายใจหอบออกมาเป็นไอ ทั้งๆที่อากาศหนาวแต่เหงื่อกลับโทรมกาย
แพขนตาหนาหลับพริ้มอย่างทรมานจากพิษไข้
ร่างกายเปลือยเปล่าสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้าม
เมื่อคืนหลังจากเจ้าของห้องกลับมาด้วยท่าทางผิดไปจากทุกวัน
ดวงตาสีฟ้านั้นแฝงความกรุ่นโกรธจากอะไรบางอย่าง
ทันทีที่เห็นเขาก็เข้ามาจู่โจมอย่างรุนแรงเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง
เสื้อผ้าสวมใส่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆราวกับของไร้ค่า
ทั้งบังคับทั้งยัดเยียดส่วนหนึ่งของตัวเองเข้ามาในร่างของเขา
พอไม่ได้ดั่งใจกลับทุบตีอย่างรุนแรงทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พอสาแก่ใจแล้วกลับนอนหันหลังอย่างไม่ใยดีไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยตระกองกอด
พอรุ่งสางมาเยือน...ร่างข้างกายถึงได้หายไปปล่อยทิ้งให้เขาตื่นมารับชะตากรรมจากพิษไข้ที่เริ่มรุมเร้า
อินาโฮะฝืนกายลุกเดินเข้าห้องน้ำหวังชำระกายแปดเปื้อนคราบตัณหา
น้ำเย็นกระทบผิวกายจนต้องห่อตัวหนี
กว่าจะจัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จเขาใช้เวลาไปพอสมควร
อินาโฮะเดินออกมาด้วยสภาพร่างกายไม่มั่นคงควานหายาแก้ไข้ที่ได้รับมา
เช้านี้ไม่มีอาหารเตรียมไว้อีกทั้งน้ำในเหยือกได้หมดลงแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
อินาโฮะหวังเพียงแค่อยากให้อาการนี้หายไปโดยเร็วจึงเลือกกลืนยาขมทั้งเม็ดลงลำคอไปแล้วมุดตัวซุกอยู่ในผ้าห่มอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แอบถือวิสาสะหยิบมาใส่เอง
หิมะตกหนักจนกลายเป็นพายุ
ภายในทางเดินทอดยาวสเลนหยุดยืนเหม่อมองมันอย่างชั่งใจราวกับลืมอะไรไปสักอย่าง
เมื่อคืนวานเขาโมโหพวกชั้นสูงจนขาดสติ คำดูถูกเหยียดหยามพ่นออกมาจากปากพวกมันนานับประการ
เพียงแค่คนฐานะต่ำต้อยอย่างเขากำลังจะได้ดิบได้ดีกลับยิ่งสาดเสียเทเสียจนถึงขนาดขุดประวัติบุพการีซึ่งเคยทรยศต่อประเทศมาฟาดหน้าเขา
หาข้ออ้างต่างๆเพื่อปลดเขาลงจากตำแหน่งที่ควรได้รับโดยเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
พวกนั้นฉวยโอกาสตอนเคาท์คลูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์มออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกเล่นงานเขา
โชคยังดีที่เขารู้วิธีใช้วาจาตอบโต้จนทำให้ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
ความเก็บกดจากห้องประชุมสั่งสมกันจนแทบล้นทะลัก
แต่พอเห็นหน้าคนในห้องกินอยู่อย่างสบายไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรทั้งๆที่ฐานะสำหรับเจ้านั่นที่นี่มันต่ำเสียยิ่งกว่าเขาอีก
โทสะทั้งหมดที่กักเก็บไว้เริ่มปะทุแล้วระเบิดออกมาลงกับอีกฝ่ายในที่สุด
พอนึกถึงคนในห้องจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้
แต่มาคิดอีกทีปล่อยให้อดสักมื้อสองมื้อคงไม่มีผลกระทบอะไรมากมายเลยเลือกเมินเฉยแล้วปฏิบัติงานจิปาถะที่ได้รับมาต่อไป
กว่าจะเสร็จงานทั้งหมดท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิทเสียแล้ว
วันนี้ทั้งวันไม่มีใครมาคอยรบกวนให้รำคาญใจจึงทำให้สเลนอารมณ์ดีกว่าปกติ
กุญแจห้องถูกไขเข้าไป มือคลำหาสวิตช์ไฟก่อนจะกดเปิดระบบการทำงาน
แสงสว่างจากหลอดไฟขับไล่ความมืดมิดให้หายไปภายในพริบตา
โทรทัศน์ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กถูกกดเปิด
รายการข่าวรายงานสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
เข็มนาฬิกาบนฝาผนังกระดิกวนรอบหน้าปัดรอบแล้วรอบเล่า
...เงียบผิดปกติ...
ปกติหากเข้าห้องมามักจะได้ยินเสียงโซ่จากห้องนอนไม่มากก็น้อย
แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ ไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาเลยแม้แต่นิด
หรือว่า...
หรือว่า...
สเลนหุนหันเปิดประตูห้องเข้าไปเกรงว่าคนในห้องจะหาทางหนีออกไปได้สำเร็จ
แต่ผิดคาดเมื่อเขาพบร่างคุ้นตานอนนิ่งสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ
เขาวิ่งเข้าไปตระกองกอดขึ้นมาเขย่าเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย พอแตะผิวเนื้อสเลนถึงกับสะดุ้งผละมือออกในทันทีก็ในเมื่ออุณหภูมิจากร่างกายนั้นราวกับน้ำต้มเดือดอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ลูกกุญแจชนิดพิเศษไขปลดตรวนพันธนาการข้อขาของอินาโฮะให้เป็นอิสระ
สเลนช้อนตัวคนตรงหน้าขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน อีกฝ่ายน้ำหนักเบากว่าที่คิดจนน่าตกใจ
เขาไม่รีรอจ้ำอ้าวออกจากห้องตรงไปยังศูนย์พยาบาลชั้นล่างทันที
ห้องหมอผู้ดูแลคนในอ้อมกอดถูกเปิดออกอย่างแรงจนคนข้างในสะดุ้งหันขวับ
เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงคลายอาการเกร็งลงผายมือให้วางคนป่วยลงบนเตียงสีขาวสะอาด
หลังจากตรวจอาการอย่างคร่าวๆ ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบสี่เหลี่ยมหรี่ลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างช้าๆ
“ผมเพิ่งเตือนไปเมื่อสองวันก่อนว่าเขามีอาการไข้อ่อนๆอยู่
ให้เพลาๆกิจกรรมทุกอย่างที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย
หรือผมยังพูดไม่ชัดเจนพอว่าช่วงนี้งดการข่มขืนและการทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายอย่างรุนแรงเพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงดี
แถมช่วงนี้อากาสเปลี่ยนแปลงบ่อยควรทำให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้
การนอนเปลือยกายภายใต้คืนหิมะตกผมไม่สนับสนุน”
หมอเจ้าของไข้ร่ายยาวใส่สเลนเป็นการอบรม เขาเป็นหมอมีหน้าที่รักษาและคอยให้คำแนะนำ
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมิตรหรือศัตรูหากต้องการความช่วยเหลือแล้วก็พร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่รังเกียจเด็กหนุ่มเชลยผู้นี้และยังสงสารที่ถูกบังคับทารุณ
ในใจลึกๆแล้วเขาอยากให้สงครามที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากนี้จบลงไปเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“...” สเลนได้แต่นิ่งเงียบ
สิ่งที่หมอพูดออกมาทั้งหมดถูกต้องราวกับตาเห็น
“เดี๋ยวผมจะฉีดยาให้หนึ่งเข็มแล้วจัดยาแรงๆให้
ขอความกรุณาผู้ปกครองช่วยดูแลอย่างดีด้วย ยาที่จัดให้มีฤทธิ์แรงอาจทำให้ผู้ทานมีอาการง่วงนอน
หากผู้ป่วยมีเหงื่อออกมากควรเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ คงไม่ต้องให้ผมอธิบายใช่ไหมว่าการเช็ดตัวอย่างตัวอย่างถูกวิธีต้องทำอย่างไร”
“...” สเลนยังคงเงียบ เริ่มทำหน้าบอกบุญไม่รับ
เกิดมาเขาไม่เคยดูแลคนป่วยเลยสักครั้ง
ยิ่งไอ้เรื่องจะไปเช็ดตัวให้ใครนี่ยิ่งไม่เคย
หมอหนุ่มเห็นแบบนั้นถึงกับระบายลมหายใจอีกครั้งก่อนจะอธิบายวิธีเช็ดตัวที่ถูกวิธีให้ผู้ปกครองของผู้ป่วยบนเตียงฟัง
ภายในห้องนอน ไฟสลัวๆเพียงดวงเดียว
กับนิ้วมือสั่นเทาขณะจับกระดุมเม็ดบนของคนป่วย...
ตอนนี้สเลนกำลังจะถอดเสื้อคนป่วยเพื่อเช็ดตัว แต่มือเจ้ากรรมดันสั่นอะไรหนักหนาไม่รู้
ขนาดเห็นร่างกายนั้นทุกซอกทุกมุมก็เคยมาแล้วแค่กระดุมเม็ดเดียวจะกลัวอะไร
พอเอาเข้าจริงเขาก็ไม่เคยปลดกระดุมให้ฝ่ายตรงข้ามมาก่อน มีแต่จะใช้กำลังกระชากเสื้อนั้นเท่านั้นแหละ
ถ้าถามว่าเสียดายเสื้อผ้าพวกนั้นไหมเขาขอตอบเลยว่าไม่เพราะมันเป็นเสื้อผ้าชุดเก่าที่เขาไม่ใช้แล้ว
ในที่สุดกระดุมเม็ดแรกก็ถูกปลด เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเสื้อทั้งตัวจะถูกถอดออก
เผยร่างกายผอมบางประดับรอบจูบและรอยช้ำไปทั่วร่าง
แต่กระนั้นยังคงความเย้ายวนได้เป็นอย่างดี สเลนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ทั้งๆที่สัมผัสมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่กลับไม่เคยเบื่อหน่ายร่างกายนี้เลย
มันทำให้เขาสามารถพอใจได้ทุกครั้งราวกับเป็นส่วนเติมเต็มความว่างเปล่า
ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆถูกบรรจงเช็ดบนร่างกายนั้นอย่างช้าๆ
เช็ดทวนขนเบาๆ เน้นหนักตามซอกคอและจุดอับ
สุดท้ายจับแต่งตัวแล้วโปะผ้าลงบนหน้าผากเพื่อลดไข้
สีหน้าคนป่วยเริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นทำให้สเลนโล่งใจ
ลุกขึ้นเก็บกะละมังที่ใช้เป็นอุปกรณ์ใส่น้ำเข้าที่เดิม
“พี่...ยู...กิ” อินาโฮะละเมอออกมา
ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นคาบเกี่ยวระหว่างความจริงและความฝัน
เขาเห็นตัวเองในตอนเด็กนอนป่วยหนักจนพี่สาวต้องลางานเพื่อมาดูแล
ช่วงเวลานั้นถึงจะรู้สึกผิดแต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก อย่างน้อยเขาก็มีความสำคัญมากกว่างานของพี่
สเลนกลับมานั่งเฝ้าไข้คนป่วยอีกครั้งหลังจากจัดการเก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
เมื่อกี้คนส่งสารของเคาท์ซาสบาล์มมาเคาะห้องเรียกตัวเขาให้เข้าพบ เขาเลือกจะปฏิเสธ
ในยามนี้ไม่มีอารมณ์ไปแสร้งเริงรักกับคนอื่นนักหรอกนะ
รุ่งขึ้น สเลนวัดมือทาบหน้าผากคนป่วย
ไข้ลดลงไปเยอะและสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก อีกไม่นานคงหายดี
เขาจัดแจงเตรียมข้าวต้มและน้ำเปล่าวางไว้บนโต๊ะตัวประจำคู่กับถุงยาก่อนจะออกไปทำหน้าที่ของทหารซึ่งปกป้องบ้านเมือง
โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากตัวเองออกไปจะมีใครบางคนลักลอบเข้ามาภายในห้องของตน
เสื้อคลุมสีแดงเลือดหมูบ่งบอกยศเคาท์คนใส่ได้อย่างดี
ร่างสูงแกร่งนั้นเดินสำรวจรอบห้องจนมาหยุดอยู่หน้าห้องนอน
มือแกร่งผลักออกเผยให้เห็นภายในห้องไม่ใหญ่ไม่เล็ก
โซ่เงินเส้นหนายาวระย้าจากบนเตียงเรียกความสนใจของเขาไปจนหมดสิ้น
ผู้บุกรุกกระชากกลุ่มก้อนผ้านวมซึ่งขดอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสัยออกอย่างแรง
ราวกับเวลาถูกหยุด
เคาท์ซาสบาล์มนิ่งอึ้งมองคนแปลกหน้าหลับใหลอยู่ภายในห้องสเลน
และแล้วเขาถึงได้รู้ว่าทำไมช่วงนี้สเลนถึงบ่ายเบี่ยงที่จะมาหาเขานัก
นั่นคงต้องเป็นเพราะคนตรงหน้านี้อย่างแน่นอน
มือหน้ายกขึ้นเอื้อมลูบใบหน้ามนที่กำลังหลับพริ้ม
อุณหภูมิอุ่นจากร่างกายนั้นส่งผ่านทะลุถุงมือทำให้พอรู้ว่าคนเบื้องหน้าเป็นไข้อ่อนๆ
เรียวขาสวยไร้อาภรณ์ประดับรอยกลีบกุหลาบโผล่พ้นชายเสื้อสีน้ำเงินออกมานั้นช่างดูเย้ายวนชวนให้สัมผัส
ซาสบาล์มไม่รีรอถือวิสาสะลูบคลำตามใจนึก
เริ่มจากต้นขาขาวผ่องเลื่อนไล้เข้าใต้สาปเสื้อ
เอวเล็กคอดแบบนี้ช่างกระตุ้นอารมณ์นัก
มิน่าเล่านี่สินะร่างกายที่ทำให้สเลนหลงใหลจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
ถ้าอย่างนั้นเขาก็อยากลอง...อยากลองชิมร่างกายนี้ดูสักครั้งว่ามันจะเยี่ยมยอดสักแค่ไหนกัน
คิดดังนั้นจึงลงมือปลดเปลื้องอาภรณ์ที่เหลืออยู่ออกไป
ร่างกายเปลือยเปล่าปรากฎแก่สายตากร้านโลก มือแกร่งจับยกแยกเรียวขาเล็กออกจากกันเผยเห็นส่วนเร้นลับสีสวยน่าลิ้มลอง
แต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากว่านั้นประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาเสียก่อน...
เป็นสเลนนั่นเอง
“อ้าวๆ ลืมอะไรไว้อย่างนั้นรึสเลน” เคาท์ซาสบาล์มเอ่ยถามสเลนที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยอาการนิ่งงัน
“ตกใจรึที่เห็นฉันกำลังละเล่นกับของเล่นของเธอน่ะ”
พูดพร้อมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของสเลน
“เปล่าครับ
ผมแค่แปลกใจว่าท่านเคาท์ซาสบาล์มมาทำอะไรในห้องของผม”
“ช่วงนี้เธอไม่รู้ตัวเลยรึว่าปฏิเสธคำเรียกของฉันไปแล้วกี่ครั้ง
ฉันสงสัยเลยลองมาดูแล้วก็พบคำตอบ น่าสนใจใช้ได้เลยนี่ของเล่นของเธอน่ะ”
“ขอประทานโทษด้วยครับ
คืนนี้ผมจะชดเชยให้ท่านเป็นกรณีพิเศษ เตรียมตัวรอไว้ได้เลยครับ”
“ได้สิ แล้วฉันจะรอเธอ สเลน”
เคาท์ซาสบาล์มออกไปแล้ว
สเลนตรงดิ่งไปหาคนนอนหลับลึกไม่รู้เรื่องรู้ราว มือเรียวคว้าเสื้อตัวโคร่งกลัดกระดุมใส่ให้ร่างบอบบางอย่างเรียบร้อย
เขารู้สึกไม่พอใจที่คนตรงหน้าโดนคนอื่นแตะต้องนอกจากเขา
น่าขยะแขยง...น่าขยะแขยงจริงๆ
เขาทนไม่ได้จนต้องจับร่างนั้นเช็ดตัวอีกรอบราวกับจะลบสัมผัสนั้นให้หายไปจากร่างเล็กกว่า
นี่ถ้าเขาไม่ลืมของไว้จะเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้าบ้างไม่อยากจะคิดเลย
.
.
.
“อื้ม!”
เสียงครางกระเส่าดังก้องภายในห้องกว้าง
สเลนผละกายออกจากเคาท์ซาสบาล์มหลังจากเสร็จกิจ
เหงื่อโทรมกายและคราบกามกิจต่างๆเปรอะเลอะเทอะไปทั่วร่าง “ผมขอไปอาบน้ำก่อน...”
“เดี๋ยวสิ” แขนถูกดึงรั้งจากด้านหลังทำให้ร่างกายของคนกำลังจะลุกออกไปชะงักงัน
“วันนี้ดูรีบนะ อยู่ต่ออีกหน่อยสิ”
“ขอโทษด้วยครับ วันนี้ผมมีธุระ”
“ธุระเกี่ยวกับเจ้าหนุ่มน้อยในห้องใช่ไหม”
ซาสบาล์มเอ่ยอย่างรู้ทัน
ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายตอบว่าเกี่ยวหรือไม่เพราะร่างกายตรงหน้านั้นกระตุกกึกแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเห็นได้ชัด
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปตกเจ้าหนูนั่นมาจากที่ไหน
แต่อย่าลืมว่าเพราะมีฉันเธอถึงอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้
อย่าลืมซะล่ะว่าคำสั่งของฉันคือคำขาด!”
ว่าจบจึงปล่อยมือออกจากต้นแขนบางกว่าให้เป็นอิสระ
สเลนผุดกายลุกขึ้นเดินหุนหันเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน
เสียงฟันเสียดสีแสดงความเจ็บแค้นของเจ้าของร่าง ใช่!
เขาใช้ร่างกายแลกมาซึ่งยศและตำแหน่ง เพื่อดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความต่ำต้อยและโดนเหยียดหยามตลอดชีวิต
หมากในมือเขาตอนนี้มีเพียงเคาท์ซาสบาล์มและเคาท์คลูเทโอ้เท่านั้น
ถึงจะดูน้อยนิดแต่ก็เป็นหมากที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
หากรู้จักใช้มัน...จะต้องมีวันที่เขาได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด
ในตอนนี้...เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น...รอเวลา...ที่จะไต่เต้าให้สูงยิ่งขึ้นไป...แล้วเหยียบย่ำพวกนั้น...จนจมดิน
“ตื่นแล้วรึ” สเลนก้าวเท้าเข้ามาในห้องของตน ใช้ฝ่ามือทาบหน้าผากคนป่วยเพื่อวัดไข้อีกครั้ง
ดูท่าอุณหภูมิร่างกายจะลดลงมาเยอะแล้วแต่ยังคงไม่หายดี
ท่าทางเซื่องซึมยังมีปรากฎอยู่บนใบหน้าติดหวานเล็กๆ
แต่ก็ดูสงบเสงี่ยมแปลกๆไปอีกแบบ “กินยารึยัง”
อินาโฮะพยักหน้าอย่างเขื่องช้าแทนคำตอบ
แปลกใจกับการกระทำของคนที่ปกติจะชอบใช้กำลังกับตนเสมอแต่วันนี้กลับดูอ่อนโยนผิดปกติ
พอผินหันมองใบหน้าติดจะคมเล็กน้อยนั้นสายตาเผลอเหลือไปเห็นร่องรอยแสนคุ้นตาประปรายอยู่ตามลำคอเรียวระหงส์
เพียงแค่นั้นอินาโฮะก็เข้าใจได้ว่าที่เจ้าของห้องกลับดึกคงไปนอนกับใครสักคนนอกจากตัวเองมาแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นร่องรอยแบบนี้บนร่างของอีกฝ่ายหรอกนะ
เรียวขาบางข้างที่ถูกตรวนพันธนาการถูกยกขึ้นมาไว้บนตักของเจ้าของห้อง
ลูกกุญแจหน้าตาประหลาดถูกใช้ไขปลดล็อก ทันทีที่โซ่เหล็กหลุดออกไปเผยให้เห็นรอยช้ำและรอยถลอกบริเวณรอบข้อขาจากการถูกเสียดสีมาเป็นเวลานาน
สเลนหยิบหลอดยาสมานแผลขึ้นมาบรรจงป้ายยาแล้วทารอบบริเวณข้อขาเรียวเล็กนั้น
แรงพิงบริเวณหัวไหล่ของตนเรียกสายตาเจ้าตัวให้หันไปมอง
กลุ่มผมสีดำสนิทเอนทับไหล่แกร่ง
มือเล็กกว่าจับปลายแขนเสื้อเพียงนิดเป็นเชิงออดอ้อน
วันนี้คนตรงหน้าแปลกไปกว่าทุกที ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนชวนให้คิดถึงที่ที่เคยจากมา
โรงเรียนอันสงบสุข พี่สาวที่ขี้เซา เพื่อนที่แสนร่าเริงดั่งดวงตะวัน
คิดถึง...ช่วงเวลาเหล่านั้นจริงๆ
แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นถูกพรากไปเพียงเพราะคำว่าสงคราม ชีวิตอันสงบสุขถูกช่วงชิง
พี่สาวที่ต้องพรากจาก และเพื่อน...ที่ตายต่อหน้าต่อตา ตอนนี้เขาไม่หลืออะไร
ถูกจับเป็นเชลย แม้จะคิดหาทางหนีวันแล้ววันเล่ากลับยิ่งมืดมน
เหลือเพียงทางเดียวในตอนนี้คือการเดินไปตามทางที่เจ้าชีวิตเป็นผู้กำหนด
หลอกให้ตายใจ และหาทางหนี
กระนั้นแล้วมันช่างดูริบหรี่เหลือทนเพราะอีกฝ่ายนั้นช่างเย็นชาและขึงขัง ไม่เปิดโอกาสให้แทรกตัวตนของตัวเองลงไปในจิตใจอันด้านชานั้นเลย
แต่มาวันนี้ที่อีกฝ่ายทำใจดีด้วยอาจเป็นเพราะพิษไข้ของเขาเอง...ไม่อยากหายจากอาการป่วยแบบนี้เลย
ถ้าอาการหายดีแล้วเขาอาจโดนตีอีก อาจโดนล่วงล้ำร่างกายอีก
มันเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าร่างกายของตัวเองมีค่าเป็นแค่เครื่องระบาย
สายตาเศ้ราๆแสดงออกทางนัยน์สีแดงที่หลงเหลือเพียงข้างเดียว
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขายกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำนุ่มนั้นอย่างปลอบโยน
แพขนตาพริ้มหลับราวกับกำลังตอบรับสัมผัสที่มอบให้
มันอาจเป็นเพียงความรู้สึกเพราะนับวันเข้าเขายิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดูบอบบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อไม่เหมือนกับวันแรกที่ดูแข็งแกร่งสมชายชาติทหารในห้องทรมาน
หรือเพราะกกกอดแทบทุกวันจึงทำให้รู้สึกเช่นนี้ เอวคอดเล็ก
แขนและขาเพรียวบางยิ่งกว่าตนเองเช่นนั้นหรือ
“ทำไมถึงตัวเล็กนัก”
“ยังโตไม่เต็มที่สักหน่อย” อินาโฮะมุ่นคิ้วหลังจากโดนจี้จุดเรื่องความสูงของตนแล้วแย้งแก้อย่างไม่พอใจ “อีกอย่างก็ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้น”
“หึ เจ้าตัวเล็กเอ๊ย” จบประโยค
สเลนก้มลงหยิบโซ่พันธนาการขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้เขากลับล่ามมันไว้กับข้อขาอีกข้างหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทับแผลเก่า
“ว่างยังไงนะครับ!” สเลนโพล่งขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องสุดช็อกออกมาจากปากคลูเทโอ้
“เงียบเสียงลงด้วยสเลน”
คลูเทโอ้ปรามหลังจากถูกรบกวนด้วยเสียงที่ดังเกินจำเป็นของอีกฝ่าย
“ฉันบอกว่าให้เธอส่งตัวเจ้าหนูนั่นมาให้ฉันได้แล้ว
ดูเหมือนว่าฉันจะฝากเธอไว้นานไปจนเธอเริ่มปีกกล้าขาแข็งปฏิเสธคำเชื้อเชิญของฉันตั้งหลายครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคืนนี้ผม...”
“ต้องขอปฏิเสธ”
คนมีอำนาจเอ่ยขัดทันควันเพราะรู้ดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะพูดอะไร
“ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าฉันสนใจและฝากเธอดูแลไว้เท่านั้น
ถ้าหากฉันจะทวงของฉันคืนเธอมีปัญหาอะไรรึไง”
“เปล่าครับ” สเลนตอบเสียงอ่อยเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งของคลูเทโอ้
การขัดใจคลูเทโอ้บ่อยๆไม่ใช่เรื่องดีนักเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใจดีเหมือนกับซาสบาล์ม
“สมมุติว่าถ้าท่านเคาท์ได้ตัวไปแล้วจะทำอะไรกับเจ้านั่นครับ”
“นั่นสินะ ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องรู้
ออกไปได้แล้ว”
เรื่องใหญ่...เรื่องใหญ่สุดๆ ตอนนี้เคาท์คลูเทโอ้ต้องการเจ้าเชลยนั่น
นั่นแปลว่าตำแหน่งคนโปรดของเขากำลังสั่นคลอน
เคาท์คลูเทโอ้ช่วงนั้นยุ่งมากจึงยอมฝากคนที่ตนเองสนใจไว้กับเขา
ผ่านไปนานๆเข้าเขาเองก็ลืมไปเลยว่าคนในห้องเป็นศัตรูตัวฉกาจจนกระทั่งโดนทวงคืนนี่แหละถึงได้จำได้
“นี่มันหายนะอะไรกัน!”
ปึง!
ประตูห้องนอนของสเลนถูกผลักเปิดออกอยากรุนแรงโดยน้ำมือของเจ้าตัว
สายตากร้าวกวาดมองคนนอนบนเตียงอย่างสงบนิ่งตั้งแต่หัววัน “ตื่นเดี๋ยวนี้ไอ้ขี้เซา!”
ผ้าห่มถูกกระชากออก คนบนเตียงขยับตัวยุกยิกก่อนจะยันกายขึ้นนั่งอย่างสลึมสลือเหม่อมองคนตรงหน้าด้วยสายตางุนงง
“ไปอาบน้ำให้สะอาด
หลังจากวันนี้ไปแกจะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของท่านเคาท์คลูเทโอ้”
สิ้นคำ ร่างของอินาโฮะชะงักกึกราวกับถูกช็อต
ความง่วงงุนกระเด็นหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากตั้งสติได้จึงเดินโงนเงนเข้าห้องน้ำไป
สายน้ำเย็นตกกระทบลาดไหล่บาง เขายังไม่หายจากอาการไข้ดีจึงยังทำให้มีอาการมึนงงเหลืออยู่
ถ้าจำไม่ผิดเคาท์คลูเทโอ้ที่เจ้าของห้องนี้บอกน่าจะเป็นชายอายุสี่สิบกว่าดูภูมิฐานที่เคยบอกว่าถูกใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
นี่เขาจะต้องนอนทอดกายให้ใครสักกี่คนได้จาบจ้วง สัมผัสน่าขยะแขยงพวกนั้นเขาเกลียดมัน แค่เพียงเจ้าของห้องนี้แตะต้องร่างกายเขามันก็แทบอยากทำให้เขาถลกหนังตัวเองออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
เสื้อเชิ้ตซีทรูสีขาวหนาเล็กน้อยทรงผู้หญิงถูกสวมทับลงบนร่างกาย
มันยาวพอที่จะปิดส่วนสงวนต่างๆให้เห็นเพียงวับๆแวมๆ
คราวนี้คนตระเตรียมเสื้อจงใจไม่เตรียมกางเกงไว้ให้ เขาถูกพามายังห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งกว้างขวางและโอ่อ่ากว่าห้องนอนของคนตรงหน้ามาก
อินาโฮะคาดว่าน่าจะเป็นห้องของเคาท์คลูเทโอ้ที่อีกฝ่ายพูดถึงอย่างแน่นอน
หลังจากจัดแจงล่ามเขาพ่วงกับเตียงเรียบร้อยคนสูงกว่าก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีก
มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทุกวันๆที่พวกเขามีอะไรกันมันไม่ได้ช่วยเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของพวกเขาเข้าด้วยกันหรือยังไงนะ
“อา ลืมหยิบยามา”
อินาโฮะพึมพำก่อนจะคลานขึ้นเตียงล้มตัวลงนอน
กระเพาะเล็กๆส่งสียงร้องโครกครากเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง
ใบหน้านิ่งไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆค่อยๆหลับตาลง ไม่นานนักจึงจมตกสู่ห้วงนิทราอันแสนมืดมิดด้วยความล้าเพราะพิษไข้
แอ๊ด!
ประตูถูกผลักออกแผ่วเบา
คลูเทโอ้ย่างเท้าเข้ามาในห้องอย่างไม่รีบร้อน
วันนี้เขากลับห้องตั้งแต่หัวค่ำซึ่งเร็วกว่าปกติเพื่อมาตรวจดูว่าสเลนทำงานที่เขาสั่งได้เรียบร้อยหรือไม่
และสเลนไม่เคยทำให้เขาผิดหวังในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการกลับมาอยู่ในห้องนี้เรียบร้อย
แถมยังจัดแจงให้ใส่เสื้อเชิ้ตซีทรูแบบที่เขาชอบอีกด้วย
“หลับสบายเลยนะ”
คลูเทโอ้ลูบแก้มนวลอย่างย่ามใจค่อยๆเคลื่อนลงมาปลดกระดุมนั้นทีละเม็ด...ทีละเม็ด...
ผิวขาวกระจ่างแต่น้อยกว่าสเลนเล็กน้อยปรากฎแก่สายตา
ร่องรอยขบเม้มบนร่างกายทำให้เขาขมวดคิ้ว มันคงเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากสเลน
“แบบนี้สินะที่เรียกว่าฝากเนื้อไว้กับเสือ”
อินาโฮะค่อยๆปรือตาขึ้นหลังจากโดนรบกวนการพักผ่อน
ใบหน้าคุ้นเคยเจ้าของผมสีฟางข้าวอ่อนนั้นไม่มีอีกต่อไป จะมีก็แต่เจ้าของผมสีบลอนด์ทองสว่างไสวกับใบหน้าที่ดุดันยิ่งกว่า
คนตัวเล็กผุดกายลุกนั่ง
มือเรียวบางยกขึ้นกลัดกระดุมให้เรียบร้อยตามเดิม
ใบหน้ามนถูกอีกฝ่ายบังคับหันให้ไปสบตาด้วย แม้จะขัดขืนแต่ก็สู้แรงไม่ได้
พละกำลังต่างกันเกินไป
“เป็นเด็กดี ว่าง่ายๆ แล้วฉันจะเอ็นดูเธอเอง”
ร่างของอินาโฮะถูกผลักให้นอนราบลงบนเตียง
ไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายก็ขึ้นคร่อมเสียแล้ว
อินาโฮะพยายามใช้สองมือดันกายอีกฝ่ายออกไป
ด้วยขนาดตัวที่แตกต่างกันมากระหว่างคลูเทโอ้และสเลน
จึงทำให้อินาโฮะรู้สึกกลัวคลูเทโอ้ที่ทาบทับตนเองได้มิดยิ่งกว่าสเลน ไม่ทันรู้ตัวกระดุมที่เพิ่งกลัดเสร็จถูกปลดออกไปรวดเดียวอย่างชำนาญงาน
มือของเขาถูกรวบไว้เหนือหัวไร้แรงต่อต้าน
เป็นอีกครั้งที่เขาถูกกระทำทางร่างกายอย่างไม่เต็มใจ
ขนาดใหญ่โตถูกแทรกเข้ามาในร่างกาย
อินาโฮะสะดุ้งเฮือก ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้พยายามออกแรงดิ้นหนีอีกครั้งแต่มันกลับต้องล้มเหลวอีกครา
คลูเทโอ้กระตุกกายเป็นสัญญาณก่อนจะถอนกายอย่างรวดเร็วขึ้นมาบังคับให้อินาโฮะใช้ปากกับเจ้าสิ่งนั้น
อินาโฮะเบือนหน้าหนีนึงรังเกียจ
แต่ไม่นานนักก็ต้องดิ้นทุรนทุรายเมื่อลำคอของตนถูกบีบอย่างแรง
อากาสในการใช้หมุนเวียนเลือดไม่เพียงพอทำให้จำต้องเผยอปากกอบโกยอากาศ และนั่นเป็นจังหวะให้คลูเทโอ้ยัดเยียดสิ่งน่ารังเกียจอันแสนใหญ่โตเข้ามา
คนด้านบนขยับกายเข้าออกรัวเร็วโดยไม่สนความรู้สึกของคนด้านใต้
ไม่นานนักเจ้าสิ่งนั้นกลับกระตุกและปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาเข้าไปในลำคอเล็กๆ
เมื่อโดนบังคับอินาโฮะจำต้องฝืนกลืนกินลงไปอย่างช่วยไม่ได้
เขาอยากอาเจียนมันออกมาให้หมด
รสฝาดชวนอ้วกยังคงติดอยู่ในโพรงปาก ไม่ทันให้พักหายใจกายตนกลับถูกพลิกคว่ำ
และแล้วคลื่นอีกระลอกก็ถาโถมเข้ามา ครั้งแล้วครังเล่า... ครั้งแล้วครั้งเล่า...
ครั้งแล้วครั้งเล่า... จนกระทั่งอีกฝ่ายพอใจคลื่นลมทั้งหมดจึงได้สงบลง
อินาโฮะหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนขยับแทบไม่ได้
สุดท้ายแล้วเขาก็โดนรวบกอดกดหน้าซุกหน้าอก
ไม่มีแรงให้ดื้อดึงอีกต่อไปจึงเลือกที่จะหลับตาลงอย่างว่าง่าย
ทั้งๆที่นอนมาแล้วทั้งวันแต่ทำไมยามนี้ถึงง่วงนักนะ หรือว่าเพราะต้องรองรับความต้องการทางกายของคนๆนี้กัน
เมื่อคืนคลูเทโอ้รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
การตอบสนองของร่างกายนั้นแสดงให้เห็นว่าสเลนฝึกมาอย่างดี
เรื่องที่สเลนทำเกินคำสั่งแตะต้องของๆเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้สักครั้ง
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
สเลนยืนตรงหลังจากทำความเคารพเรียบร้อย
เช้าตรู่แบบนี้เจ้าของห้องนี้มีธุระด่วนอะไรถึงได้เรียกเขาให้เข้ามาที่ห้องนี้กัน
“จากนี้ไปฉันขอมอบหน้าที่ดูแลเด็กคนนั้นกับเธอ
เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ รับคำสั่ง!”
“ครับ!” สเลนยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง
จากนั้นจึงเดินผ่านคนยศสูงกว่าเข้าไปในห้องนอนที่เขาคุ้นเคย
สภาพคนในห้องทำเอาสเลนเบิกตากว้าง ร่างกายทั่วตัวเต็มไปด้วยคราบเหนียวเหนอะที่เขารู้จักดี
รอยจ้ำจากแรงบีบและรอยขบเม้มที่เพิ่มพูนขึ้นมากภายในคืนเดียวทำให้สเลนเผลอกัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว
สเลนเอื้อมมือทาบทับหน้าผากของคนสลบไสลอย่างเบามือ
ความร้อนจากร่างกายเริ่มพุ่งสูงอีกครั้ง
อาการไข้ยังไม่หายดีแล้วยังต้องนอนหนาวโดยไม่ห่มผ้าในช่วงหน้าหนาวนี้แล้วไข้จะกลับก็ไม่แปลก
“ท่านเคาท์คลูเทโอ้ครับ เขาไม่สบายอีกแล้ว
ผมอยากให้ช่วงนี้ท่านงดแตะต้องเขาได้ไหมครับไม่อย่างนั้นอาจจะติดหวัดจากเขาได้”
สเลนชะโงกหน้าออกไปรายงานหลังจากตรวจอาการคร่าวๆและจัดแจงห่มผ้าคนบนเตียงให้อย่างเรียบร้อย
“เธอคิดว่าฉันจะติดไข้หวัดง่ายๆรึไง แต่เอาเถอะ
ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เธอมาแทนเขาก็แล้วกัน แล้วระหว่างนี้ก็ดูแลเขาให้ดีๆด้วย
เพราะแค่คืนเดียวกับร่างกายนั้นฉันยังไม่พอใจหรอกนะ” ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไปปฏิบัติหน้าที่ทิ้งไว้เพียงคนสองคนให้อยู่ภายในห้อง
“บ้าชะมัด”
สเลนสบถหลังจากกลับมาดูคนบนเตียงอีกรอบ
สภาพแบบนี้แค่เช็ดตัวคงไม่สะอาดจึงเลือกช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป
อ่างใหญ่ซึ่งมีร่างของคนต่างแดนวางอยู่ถูกเติมน้ำอุ่นจนเต็ม
ฟองน้ำชุ่มสบู่ค่อยๆถูไล้ไปตามร่างกายเล็กๆ
นิ้วเรียวของสเลนค่อยๆสอดใส่เข้าไปในร่างของอินาโฮะเพื่อทำความสะอาดสิ่งไม่พึงประสงค์ออกไปจนหมดจด
ในตอนนี้อินาโฮะอยู่ในสภาพร่างกายหอมฉุยและใส่เสื้อผ้าครบทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
ความรู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าการที่คนตรงหน้าแย่งตำแหน่งคนโปรดของเขาจากเคาท์คลูเทโอ้คือการที่คนตรงหน้าถูกชายอื่นสัมผัสนอกจากตัวเขา
ทำไมกันนะ เป็นเพราะอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่!
บางอย่างตรงหน้าอกกระตุกรัวเป็นสัญญาณเตือนอันตราย
อาการแบบนี้เขาไม่เคยสัมผัสมันด้วยตัวเองนอกจากในหนังสือที่อ่าน
เขาเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเกินจริงและไม่มีทางเป็นไปได้จนกระทั่งในวันนี้
วันที่เขาได้รู้จักกับมันด้วยตัวเอง วันที่หัวใจเต้นระรัว
อารมณ์หึงหวงรุนแรงจนแทบจะแล่นไปฆ่าคนที่ทำกับคนตรงหน้าแบบนี้
ในที่สุดก็มาถึงสักที วันที่เขาได้รู้จักกับ...ความรัก
“ฮะๆ นี่มันอันตรายเกินไปแล้วไม่ใช่เหรอไง
สิ่งที่ฝันหวานมานานกับในหนังสือทำไมจะต้องมาเกิดเอากับเจ้านี่ด้วย
ไม่เข้าใจจริงๆไอ้หัวใจบ้าเอ๊ย” สเลนกุมขมับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าคิดหนักจริงๆ
ถึงตัวเองจะนอนกับผู้ชายเพื่อแลกมาซึ่งยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่อย่างน้อยก็ใฝ่ฝันว่าสักวันจะมีภรรยาเป็นผู้หญิงน่ารักๆสักคนและใช้ชีวิตอยูในบ้านหลังเล็กๆอย่างมีความสุขพร้อมด้วยลูกตัวน้อย
แต่นี่มันอะไร...เขาตกหลุมรักผู้ชายเข้าให้ซะแล้วสิ
แถมยังเป็นศัตรูในทุกๆด้านอีกด้วยต่างหาก!
เคาท์คลูเทโอ้เป็นคนรักษาสัญญา เขาไม่จะไม่มีทางแตะต้องคนร่างเล็กในห้องนอนหากยังไม่หายดี
ระหว่างนั้นเป็นสเลนที่มาทำหน้าที่เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป
นอกจากความรู้สึกดีที่แลกเปลี่ยนกันทางร่างกายแล้วก็ไม่มีความรู้สึกพิเศษอื่นใดให้อีก
สเลนได้แต่เพียงภาวนาไม่อยากให้คนป่วยหายดี เขาไม่อยากให้ใครมาแตะต้องเจ้านั่นอีกนอกจากเขา
ทว่าแค่พิษไข้หลังจากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องย่อมมีวันหายจาก
อินาโฮะถูกล่วงล้ำร่างกายทันทีที่พิษไข้อันตรธานไป และทุกครั้งยามเช้าสเลนมักต้องเห็นภาพคนร่างเล็กนอนหมดสภาพในสภาพที่เขาไม่อยากเห็นอยู่เสมอ
ยามจ้องมองเข้าไปในดวงตานิ่งสนิทดุจน้ำนิ่งซึ่งเหลือเพียงข้างเดียวนั้นสเลนไม่เคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
เจ็บปวดหรือเปล่า?
หรือว่ากำลังมีความสุข?
สำหรับสเลน เขาชอบคนร่างเล็กกว่าในยามถูกเขากกกอด
เพราะในยามนั้นจะเป็นยามที่อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้ามากที่สุดแล้ว
สเลนมักลอบสังเกตอีกฝ่ายจนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว
ถึงจะไม่รู้ความนึกคิดและความรู้สึก แต่สิ่งเดียวที่สเลนมั่นใจคือในแววตาดวงนั้นไม่เคยมอดดับแม้ถูกกักขังอิสระภาพและถูกพรากสิทธิส่วนบุคคลไปจนหมด
เวลาว่างที่หาได้ยากยิ่งของเคาท์คลูเทโอ้คือการอ่านหนังสือ
หากตกดึกหน่อยคือการละเล่นกับร่างกายเขา
อินาโฮะนั่งอยู่บนเตียงจ้องเคาท์คลูเทโอ้ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้ม
คลูเทโอ้รู้สึกถึงสายตาของคนบนเตียงจ้องมองหนังสือในมือเขาอย่างสนใจจึงตบมือลงโซฟาข้างกายเป็นสัญญาณบอกนัยบางอย่าง
อินาโฮะยันกายลุกขึ้นเดินไปนั่งแหมะอยู่ด้านข้างร่างสูงกว่า
เขาเอนหัวพิงซบไหล่กว้างสายตาไล่กวาดมองตัวหนังสือบนมือหนาใหญ่นั้น
ห้องของเคาท์คลูเทโอ้ไม่มีหนังสือให้อ่านแก้อาการเบื่อหน่ายเหมือนห้องที่เคยอยู่ก่อนหน้า
หากวันไหนเคาท์คลูเทโอ้เสร็จงานเร็วเขาจะกลับมาพร้อมหนังสือติดมือหนึ่งเล่มจากห้องสมุดเสมอ
คลูเทโอ้ปล่อยให้คนด้านข้างยืมไหล่พิงอยู่แบบนั้นแล้วไล่สายตาอ่านตัวอักษรต่อไป
แต่พอยิ่งอ่านไปเรื่อยๆเขากลับยิ่งไม่มีสมาธิ
สายตาที่น่าจะมองแต่ตัวอักษรในหนังสือกลับเผลอเหลือมองต้นขาขาวนวลซึ่งโผล่พ้นชายเสื้ออยู่เป็นระยะๆ
“อ่านจบแล้ว ไม่พลิกหน้าต่อไปเหรอ”
อินาโฮะเอ่ยถามหลังจากเห็นอีกฝ่ายนิ่งค้างไปนานกว่าปกติ
“ไม่อ่านแล้ว” หนังสือในมือถูกปิดลงวางไว้ข้างกาย
อินาโฮะรู้สึกถึงร่างกายของตัวเองล่องลอยเหนือพื้น
สักพักก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มละมุนของผืนผ้าบริเวณด้านหลัง “ไม่เบื่อบ้างเหรอ
ทำทุกวัน”
คลูเทโอ้จ้องสบดวงตาสีแดงของคนใต้ร่างก่อนเอ่ยตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“จะทำจนกว่าจะเบื่อนั่นแหละ” แล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็ประกบเข้าหากัน
เป็นอีกวันหนึ่งที่อินาโฮะต้องอ้าขารองรับความต้องการทางกายของชายคนนี้
ไม่มีใครรู้ว่าความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างหลังจากกักเก็บมาเนิ่นนานของชายคนหนึ่งจะระเบิดออกมาตอนไหน
จนกระทั่งในเช้าวันถัดมา ณ ห้องของนายทหารยศเคาท์
สเลนเปิดประตูเข้ามาเพื่อดูแลคนบนเตียงเป็นปกติหลังจากเคาท์คลูเทโอ้ออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกเป็นเวลาสามวันสองคืน
ภาพที่เห็นบนเตียงแทบทำให้เขาอยากกลายร่างเป็นหมาป่ากระโจนเข้าไปตะครุบเหยื่อซะเดี๋ยวนั้น
อินาโฮะชะงักมือที่กำลังล้วงน้ำสีขาวข้นภายในร่างกายของตัวเองหลังจากคั่งค้างมาทั้งคืนออกมา
เมื่อคืนเขาถูกเคาท์คลูเทโอ้ยัดเยียดของตนเองเข้ามาพร้อมของเล่นขนาดพอๆกันจนทำให้ตรงส่วนนั้นฉีกขาดจนเลือดไหล
เช้านี้เขาจึงแค่ต้องการตรวจเช็คดูว่าเลือดยังไหลหรือหยุดไปแล้ว
แต่ไม่คิดว่าจะมีคนคุ้นหน้าเข้ามาเห็นในสภาพน่าอายแบบนี้ซะได้
ร่างเล็กถอนนิ้วออกแล้วหันหลังล้มตัวลงนอน
ปกติอีกฝ่ายจะมาจนเกือบสายๆ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้มาเช้านักนะ อินาโฮะไม่เข้าใจ
สเลนสงบสติอารมณ์เงียบๆอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยเรียกคนบนเตียงให้ไปอาบน้ำ
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายทางทำให้สเลนเริ่มหงุดหงิดย่างก้าวเข้าไปหาอย่างฉุนๆ
สายตาติดคมเล็กน้อยกวาดมองทั่วร่างของคนที่ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป
เลือดหยดเป็นดวงๆแห้งกรังติดผ้าปูที่นอนและเรียวขาเรียวเล็กทำให้สเลนหวนนึงถึงวันที่เขาพรากความบริสุทธิ์จากร่างกายนี้เป็นครั้งแรกโดยไร้ความปราณี
สภาพคนตรงหน้าตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนนั้นสักเท่าไหร่
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะมาแสดงอาการดื้อรั้นกับเขาอย่างนี้ได้นะ!
อย่างน้อยยังไงก็เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแออ้อนแอ้นสักหน่อย!!
คิดได้ดังนั้นสเลนจึงฉุดกระชากข้อขาบางเข้าหาตัวพลางอุ้มร่างนั้นพาดขึ้นบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป
อินาโฮะถูกโยนลงอ่างอาบน้ำอย่างไม่ใยดีกระเทือนถึงบาดแผลบอบช้ำด้านล่างให้ต้องขมวดคิ้วแสดงความเจ็บปวดออกมา
สเลนหาได้สนใจไม่ตักน้ำราดโครมๆใส่ไม่ยั้ง อินาโฮะยกแขนขึ้นกันน้ำกระเด็นเข้าตา
ไม่ทันให้ตั้งตัวเขาก็ถูกดึงกระชากไปขัดตัวอย่างแรงจนเจ็บไปหมดทำให้ต้องดิ้นหนี
เป็นอีกครั้งที่สเลนอาบน้ำให้คนตรงหน้า
แต่ครั้งที่สองนี้คนตรงหน้ายังคงมีสติครบถ้วน
แรงขัดขืนของอีกฝ่ายทำให้เขาหงุดหงิดเพิ่มเป็นทวีคูณจนต้องจับร่างน้ำกดลงกับพื้นห้องน้ำแข็งแล้วใช้เข่าข้างหนึ่งกดทับไว้
ถุงมือคู่ขาวเปียกปอนถูกถอดออก
สเลนใช้นิ้วมือของตัวเองสอดลึกเขาไปในร่างของคนด้านใต้เพื่อควานคราบเหนียวเหนอะออกไปจนหมด
อินาโฮะสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บทำให้หยุดชะงักการกระทำต่อต้านทุกอย่าง
หลังจากนั้นก็โดนคนตรงหน้าทำความสะอาดร่างกายทุกซอกทุกมุมจนหมดจด
ข้าวต้มร้อนๆที่น่าจะเรียกว่าข้าวสารต้มน้ำร้อนมากกว่าถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าอินาโฮะ
อินาโฮะเขี่ยมันเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่ายก่อนฝืนใจกินเพื่อประทังชีวิต
ตั้งแต่เขาถูกจับมาก็เกือบหกเดือนแล้ว อาหารทุกมื้อมีแต่เจ้านี่จนเขาอยากเขวี้ยงทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดแล้วลุกขึ้นไปต้มข้าวต้มกินเองซะเหลือเกินถ้าหากไม่ติดโซ่ล่ามขานี่ละก็นะ
ข้าวแข็งๆกรุบๆอยู่ในปากกับน้ำร้อนจืดสนิท
อินาโฮะรู้ซึ้งจริงๆถึงฝีมือทำอาหารห่วยสุดบรรยายของคนๆนี้
ถ้าเขาจะตายก็ตายเพราะกลายเป็นโรคขาดสารอาหารนี่แหละ
ระหว่างนั้นสเลนทำหน้าที่เก็บกวาดห้องนอนรวมถึงผ้าปูเตียงไปส่งซักพร้อมนำผ้าปูเตียงผืนใหม่มาเปลี่ยน
พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะไม่ต้องเข้าห้องนี้แล้วพบกับภาพชวนบาดใจเพราะเคาท์คลูเทโอ้ไม่อยู่
มือของสเลนชะงักทันทีที่คิดถึงตรงนี้ ในเมื่อเคาท์คลูเทโอ้ไม่อยู่ก็หมายความว่าเขาสามารถแตะต้องร่างกายนั้นได้ตามดั่งใจต้องการ
อินาโฮะกัดฟันกรอดเมื่อร่างสูงกว่าเดินเข้ามาทาบทับด้านหลัง
ฝ่ามือแกร่งของอีกฝ่ายลอดผ่านสาบเสื้อเข้ามาสัมผัสกายของตน
หกเดือนแล้ว...หกเดือนแล้วที่เขาถูกทำแบบนี้ทุกวันๆยกเว้นตอนไม่สบายหนักคราวก่อน
เขาเบื่อเต็มทนกับเรื่องแบบนี้
ในบางครั้งเขาไม่มีอารมณ์ร่วมแต่กลับต้องถูกความเป็นชายเหมือนตัวเองยัดเยียดเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเติมเต็มความต้องการของฝ่ายศัตรู
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เขาจำใจนอนเปลือยกายให้ผู้ชายแตะต้อง
แต่ทว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย... นั่นก็เพราะว่า...
รสหอมหวานรวมไปถึงเสียงครางแผ่วเบายามเช้าวันวานยังคงตราตรึงถึงวันนี้
สิ่งเหล่านั้นกระตุ้นความอยากของเขาขึ้นมาอีกครา อยากทำอีก
อยากครอบครองร่างกายนั้นอีก อยากลบร่องรอยของชายอื่นทิ้งไปให้หมด
เช้านี้สเลนเดินเข้าห้องนอนของเคาท์คลูเทโอ้ด้วยอารมณ์เบิกบาน
แต่แล้วอารมณ์เหล่านั้นกลับต้องสลายหายไปโดยพลันเมื่อบนเตียงนอนมีเพียงความว่างเปล่า
โซ่เส้นหนาที่น่าจะล็อกเขากับข้อเท้าเล็กๆนั้นมีร่องรอยการถูกสะเดาะ
“เป็นไปได้ยังไง...” สเลนไม่อยากเชื่อสายตา
คนตัวเล็กนั่นไปเอาอุปกรณ์มาจากไหนกัน
ทันใดนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเขาเองแต่เป็นห้องของเคาท์คลูเทโอ้!
“เคาท์คลูเทโอ้ย้ายเจ้านั่นมาโดยไม่ได้เก็บของที่น่าจะเป็นของที่ใช้สะเดาะกุญแจได้สินะ”
ทั้งๆที่ปกติเป็นคนรอบคอบแท้ๆกลับประมาทในเรื่องไม่เป็นเรื่องซะได้
แถมวันนี้ทหารเวรยามบริเวณฐานทัพของเคาท์คลูเทโอ้มีน้อยมากเพราะกองกำลังส่วนใหญ่ถูกยกไปแนวหน้าหมดจึงเป็นโอกาสอย่างดีที่จะหนีออกไป
สเลนหุนหันวิ่งออกไปจุดมุ่งหมายคือคอกม้า
ม้าลักษณะดีประจำกายถูกควบออกไปตามทางที่เวรยามบางตาที่สุด
โดยหารู้ไม่ว่าหลังจากที่ตัวเองรีบวิ่งออกมาจากห้องนั้นแล้ว
คนที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่ค่อยๆมุดออกมาจากใต้เตียงพร้อมกับย่องเข้าห้องของตนเพื่อขโมยเสื้อผ้าหนึ่งชุดและรองเท้าหนึ่งคู่หนีตามหลังมา
อินาโฮะควบม้าที่ขโมยมาได้อย่างง่ายดายเพราะไม่มีคนเฝ้ามุ่งหน้ากลับไปยังประเทศบ้านเกิด
อินาโฮะเลือกใช้ทางอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับทหารของอังคาเลียมากที่สุด
ถึงแม้ชุดที่ใส่อยู่นี้จะพอกลมกลืนไปกับคนพวกนั้นได้
แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในหมู่คนพวกนั้นจะมีคนรู้จักหน้าของเขาปะปนอยู่ด้วยหรือเปล่า
พอเข้าเขตป่ารกทึบอินาโฮะปล่อยม้าให้ได้พักริมลำธารหลังจากวิ่งด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่องเกือบทั้งวัน
ส่วนตัวเองเดินเข้าป่าเพื่อหาของกินได้ใส่ท้องจนเจอผลเบอร์รี่
“ในที่สุดก็เจอตัวจนได้”
เสียงปริศนาดังขึ้นด้านหลัง ผลไม้ในมือของอินาโฮะร่วงหล่น
นึกไม่ถึงว่าจะถูกตามมาได้เร็วแบบนี้
“นายน่าจะไปตามหาฉันทางอื่นแล้วนี่ ทำไมถึง...”
“ ‘ทำไมถึงตามมาได้เร็วขนาดนี้’
อยากถามแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ”
กริ๊ก!
เสียงขึ้นนกจากอาวุธปืนทำให้ให้อินาโฮะค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือขึ้นเหนือหัว
“ประการที่หนึ่ง ตอนฉันไปเอาม้า
ม้าทุกตัวในคอกยังอยู่ครบเลยคาดว่านายหนีด้วยกำลังขาของตัวเอง
คนที่ใช้เท้าหนีไม่น่าหนีไปได้ไกล
ประการที่สอง
เตียงยังอุ่นอยู่แปลว่าเพิ่งหนีออกไปแน่ๆ
ฉันตามหานายไปทั่วเลยลองกลับมาดูอีกครั้งปรากฏว่าม้าที่น่าจะอยู่ครบกลับหายไปตัวหนึ่ง
ใครจะนึกล่ะว่านายรอให้ฉันออกไปก่อนถึงค่อยหนี ต้มกันซะเปื่อยเลยนะ หึ
อีกอย่างหนึ่งม้าของฉันเป็นม้าที่วิ่งเร็วที่สุด
กับไอ้แค่การตามนายให้ทันไม่ใช่เรื่องยาก”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วนายจะฆ่าหรือพาตัวฉันกลับไปล่ะ”
“ถ้าไม่อยากตายกลับไปกับฉันซะ”
“กลับไปเป็นของเล่นของพวกนายอีกงั้นเหรอ ไม่มีทาง”
อินาโฮะเตะปืนจนหลุดจากมือสเลน
ง้างหมัดเตรียมต่อยเข้าที่ใบหน้าติดคมเล็กน้อยของอีกฝ่าย
โลกหมุนเคว้งกลับตาลปัตรเมื่อเขาเป็นฝ่ายโดนทุ่มลงพื้น สเลนใช้เข่ากดแผ่นหลังของอินาโฮะแล้วจัดการล็อกมือข้างหนึ่งไพล่หลัง
อินาโฮะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
“จะฆ่าก็รีบฆ่าซะ” เสียงแผ่วเบาลอดผ่านไรฟัน
ถ้าสู้ด้วยสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมกว่านี้อาจพอพ้นเงื้อมมือทรงพลังนี้ไปได้
“ได้ หากต้องการแบบนั้น”
มีดสั้นเหน็บเอวถูกหยิบออกมาจ่อลำคอบอบบาง
อินาโฮะหลับตาลงกล่าวขอโทษครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่สามารถรักษาสัญญาไว้ได้ในใจ
เหลือรอดเพียงคนเดียวกลางดงระเบิดนั่นถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว
ถูกจับเป็นเชลยไม่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกองทัพกลายเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่น่าจะถูกฆ่าทิ้ง แต่กลับไปเตะตาพวกพิลึกแล้วยังถูกย่ำยีถึงเพียงนั้น
คราวนี้คงถึงคราวตายจริงๆของตัวเองสักที
...อิงโกะ นีน่า คาล์ม โอคิสุเกะ รอก่อนนะ
อีกไม่นานฉันจะไปหาพวกนายแล้ว...
สเลนเงื้อมมีดสั้นขึ้นเหนือหัว
ส่งแรงทั้งหมดไปยังฝ่ามือ และแล้วมีดทั้งเล่มก็ถูกปักลงไป...
ฉึก!
.
.
.
To Be Continued
____________________________________________________________
*เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมภายในแฟนฟิคเรื่องนี้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ในเรื่องหลัก*
[อินาโฮะ] – มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อยูกิ
พี่น้องไคสึกะเป็นที่รักและเอ็นดูแก่เพื่อนบ้าน ชีวิตในโรงเรียนของอินาโฮะไม่มีเพื่อน
เขามักถูกรังแกโดยการขีดเขียนโต๊ะหรือโดนโยนโต๊ะทิ้งลงทางหน้าต่าง เขาเคยทิ้งสมุดและหนังสือไว้ภายในโต๊ะครั้งหนึ่ง
สมุดและหนังสือของเขาโดนเขียนจนเละเทะ
หลังจากนั้นมายามพักกลางวันเขามักจะหิ้วกระเป๋าใส่สมุดหนังสือไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
ส่วนวิชาพละเขาจะนำสิ่งของๆตนไปซ่อนในที่ๆพวกเด็กเกเรไม่รู้
แต่ไม่เคยถูกรังแกโดยการทำร้ายร่างกายตรงๆเพราะอินาโฮะไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองอยู่คนเดียว
อินาโฮะเป็นเด็กฉลาดอันดับต้นของโรงเรียน
การที่เขาแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าไม่เก่งถือเป็นจุดอ่อนทำให้คนรอบข้างมักคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งจึงทำให้คนรอบข้างหมันไส้และกลั่นแกล้ง
อินาโฮะไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ยูกิรู้เพราะกลัวพี่สาวจะกังวลในเรื่องไม่จำเป็น
หลังจากถูกบังคับเกณฑ์ทหารเขาได้พบเพื่อนชายสี่คน
อินาโฮะสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าสี่คนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิต
เพราะพวกเขาไม่เคยมองอินาโฮะแค่ที่ใบหน้า
แต่ยังใช้เวลาศึกษาถึงนิสัยและความเป็นมิตรที่แท้จริงของอินาโฮะ จากสมองชาญฉลาดในการวางแผนและความสามารถในการประยุกต์ใช้อาวุธ
แต่ขาดประสบการณ์ในการรบจริง จึงทำให้ถูกมอบหมายเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยในแนวหน้า
หลังจากพ่ายแพ้แก่ประเทศอังคาเลียจึงถูกจับเป็นเชลยและถูกล่วงละเมิดทางเพศบ่อยครั้ง
เขาเริ่มเรียนรู้นิสัยของอีกฝ่ายและออดอ้อนอย่างพอดีมีชั้นเชิงโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรำคาญใจ
แต่ลูกอ้อนของอินาโฮะนั้นแท้จริงเป็นแผนให้ศัตรูตายใจและเห็นว่าตนไร้พิษสงยอมสยบภายใต้อำนาจของฝ่ายศัตรู โดยที่ความจริงแอบล้วงความลับบางอย่างออกมาจากอีฝ่ายโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวได้ แล้วหนึ่งในข้อมูลนั้นคือเรื่องทหารเวรยามของเคาท์คลูเทโอ้
[ยูกิ] – พี่สาวของอินาโฮะและยังเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
หลังจากน้องชายถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเธอกังวลเป็นอย่างมาก
ต่อมาเมื่อได้ข่าวว่ากองทหารแนวหน้าที่ถูกส่งไปรบตายเรียบ เธอทั้งท้อแท้และหมดหวังในชีวิต
เธอไม่เคยแตะต้องเงินจากทางการที่ถูกส่งมาเป็นของปลอบใจสำหรับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตในสงคราม
ร่างกายเธอซูบผอมลงไปอย่างมากเพราะไม่ค่อยกินข้าวกินปลา
[สเลน] – เด็กหนุ่มจากชนชั้นต่ำสุดของประเทศอังคาเลีย
โดนเหยียดหยามดูถูกจากผู้คนรอบข้างมาแต่เล็ก
เขาเลือกเข้ามาเป็นทหารเพราะมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถไต่เต้ามียศมีขั้นประดับจนทำให้พวกชาวบ้านชนชั้นกลางรอบข้างที่เคยเสียดสีเขาเงียบปากลงแต่ยังคงหลงเหลือสายตาเหยียดหยามถูกส่งมาให้
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะประเทศอังคาเลียอำนาจโดยส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยทหาร
แต่การใช้ชีวิตอยู่ในกองทหารนั้นไม่ง่ายเพราะยังมีพวกชนชั้นสูงภายในกองทหารคอยหาเรื่องอยู่เป็นประจำ
บางทีเขามักถูกใส่ร้ายป้ายสีอยู่เสมอ สเลนมักสังเกตเห็นว่าเคาท์คลูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์มชอบมองจ้องเขาด้วยสายตาสื่อนัยยะบางอย่าง
นั่นจึงเป็นโอกาสทำให้สเลนคิดหาทางปกป้องตัวเอง
สุดท้ายก็จบลงด้วยการใช้ร่างกายแลกมา แต่สำหรับสเลนนั้นถือว่าคุ้มค่าเพราะเขาได้อยู้ภายใต้การปกครองของเคาท์คลูเทโอ้
และได้เคาท์ซาสบาล์มเพิ่มยศให้ สเลนมีความสามารถพิเศษในการสับรางถึงขนาดว่าเคาท์คลูเทโอ้และเคาท์ซาสบาล์มไม่เคยรู้เลยว่าสเลนต่างเคยนอนกับอีกฝ่ายมาแล้ว ความจริงก่อนสเลนเกิดครอบครัวของเขาเคยเป็นชนชั้นสูง แต่เนื่องจากพ่อของเขาถูกจับได้ว่าทรยศประเทศชาติจึงโดนประหารชีวิต ส่วนครอบครัวที่เหลือถูกริบยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆและลดขั้นลงเหลือเพียงคนจรจัดไร้บ้านระหกระเหินไปอยู่ในสลัมกองขยะ
[อิงโกะ] – เด็กหนุ่มหนึ่งในเพื่อนของอินาโฮะในกองทหาร
จากความใกล้ชิดในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ทำให้เขาแอบชอบอินาโฮะแต่ไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ อิงโกะเป็นหนึ่งในกองทหารหน่วยย่อยซึ่งถูกบังคับบัญชาโดยอินาโฮะ
อิงโกะเสียชีวิตภายในสงคราม
[นีน่า] – เด็กหนุ่มหนึ่งในเพื่อนของอินาโฮะในกองทหาร
คอยเฝ้าดูเพื่อนสนิททั้งสี่คนอยู่เสมอและยังแอบรู้ด้วยว่าอิงโกะแอบชอบอินาโฮะ
นีน่าเป็นหนึ่งในกองทหารหน่วยย่อยซึ่งถูกบังคับบัญชาโดยอินาโฮะ
นีน่าเสียชีวิตภายในสงคราม
[คาล์ม] –
เด็กหนุ่มหัวทองค่อนไปทางน้ำตาลมากกว่าเป็นหนึ่งเพื่อนของอินาโฮะในกองทหาร
เขาเป็นคนอัธยาศัยดีและคอยสร้างสีสันให้กับกลุ่ม เขามีความสามารถในการประดิษฐ์อาวุธเล็กน้อย
เช่น ระเบิดควัน ปืนประสิทธิภาพต่ำ เป็นต้น
คาล์มเป็นหนึ่งในทหารหน่วยย่อยซึ่งถูกบังคับบัญชาโดยอินาโฮะ
คาล์มเสียชีวิตภายในสงคราม
[โอคิสุเกะ] – เด็กหนุ่มหนึ่งในเพื่อนของอินาโฮะในกองทหาร เขาดูเหมือนเป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไร
แต่พอเอาเข้าจริงเขาเป็นคนที่ทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนพ้อง
โอคิสุเกะเป็นหนึ่งในกองทหารหน่วยย่อยซึ่งถูกบังคับบัญชาโดยอินาโฮะ
โอคิสุเกะเสียชีวิตภายในสงคราม
[เคาท์คลูเทโอ้] – หนึ่งในทหารฝ่ายอังคาเลียที่มียศสูง
ตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรกับสเลน แต่หลังจากสังเกตใบหน้านั้นแล้วเกิดความรู้สึกชอบพอ
หลังจากนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับสเลนบ่อยๆเข้า พอสบโอกาสที่สเลนเปิดไว้ให้เคาท์คลูเทโอ้จึงชิงลงมือครอบครองร่างกายของสเลน
เขาถูกใจร่างกายของสเลนจึงสั่งให้สเลนเข้ามาอยู่ใต้สังกัดของตน
คลูเทโอ้เป็นคนมาดขรึม จงรักภักดีต่อประเทศชาติ คลูเทโอ้เล็งเห็นพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของอินาโฮะอีกทั้งยังเสียดายที่อินาโฮะไม่ได้เกิดในประเทศอังคาเลีย
เขาเริ่มถูกใจใบหน้าของอินาโฮะรวมถึงร่างกายของอินาโฮะที่ถูกสเลนฝึกมา แถมเขายังแพ้ลูกอ้อนของอินาโฮะนิดหน่อยด้วย
[เคาท์ซาสบาล์ม] – หนึ่งในทหารฝ่ายอังคาเลียที่มียศสูง
ถูกใจใบหน้าของสเลนตั้งแต่พบกันครั้งแรก
หลังจากนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับสเลนบ่อยๆเข้า
พอสบโอกาสที่สเลนเปิดไว้ให้เคาท์ซาสบาล์มจึงชิงลงมือครอบครองร่างกายของสเลน เคาท์ซาสบาล์มเอ็นดูสเลนเป็นพิเศษเพราะหลงใหลในร่างกายของสเลน
จนกระทั่งช่วงหนึ่งเป็นช่วงที่สเลนหลงมัวเมากับขลุกอยู่กับอินาโฮะถึงกับขนาดปฏิเสธคำชวนร่วมเตียง
อาการแปลกๆนี้ทำให้ซาสบาล์มค้นหาสาเหตุจนไปเจอต้นตอปัญหาอยู่ภายในห้องของสเลน
จึงทำให้คิดอยากลองลิ้มรสร่างกายที่ทำให้สเลนหลงอย่างโงหัวไม่ขึ้นดูสักครั้งเหมือนกัน
____________________________________________________________
Talk : แรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเรื่องนี้คือสเลนโหมดดาร์ก พอเห็นแล้วรู้สึกว่าเท่ดีจัง แล้วก็อยากเขียนให้ทั้งสเลนและอินาโฮะมีปมความหลังเจ็บปวดทั้งคู่ ปมของอินาโฮะคือการแสดงออกทางสีหน้าและเรื่องเพื่อน ส่วนปมของสเลนคือฐานันดร ความยากลำบากในชีวิตวัยเด็ก และการต้องเผชิญกับสายตา คำนินทา การทำร้ายร่างกายอย่างเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้าง แล้วอีกอย่างที่ทำให้บังเกิดฟิคเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือการอยากเห็นอินาโฮะถูกข่มเหงโดยสเลนค่ะ! หุๆๆ =.,= ส่วนเรื่องที่คลูเทโอ้ข่มเหงอินาโฮะนั่นน่ะเหรอ...แมวพิมพ์ค่ะ (เฮ้ย!)
ถ้าชอบหรืออยากแนะนำหรือมีตรงไหนพิมพ์ผิดก็บอกได้นะคะ เรารอคอมเมนต์ของคุณเสมอ ฮุๆๆ
แล้วก็อันที่จริงตอนนี้แต่งไปแล้ว 32 หน้า แต่เอามาลงจริงๆก็ประมาณ 25 หน้าค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะเขียนเป็น one short นะคะ แต่เขียนไป 32 หน้าแล้วยังไม่จบ ลองพิจารณาแล้วว่ามันไม่จบภายในสามสิบกว่าหน้านี้แน่เลยตัดแบ่งเพื่อเอามาลงแยกเป็นภาคๆดีกว่า
เล่นแรงอย่างนี้โฮะชำ้หมด=.,=
ตอบลบSM ที่รอคอย >[]<
ตอบลบ