Fiction : Shingeki no Kyojin (Attack on Titan)
Title : Incubus or Vampire
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : Levi x Eren
Rating : NC-18
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : คิดว่าคงไม่กี่ตอนจบค่ะ ^^
ตอนที่ 1
“ให้ตายสิ เป็นคฤหาสน์ที่โทรมเป็นบ้า”
เอเลน
เยเกอร์ นั่นคือชื่อของเด็กหนุ่ม คฤหาสน์ที่เอเลนยืนอยู่ตอนนี้คือมรดกที่พ่อเหลือทิ้งไว้ให้หลังจากเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ส่วนแม่นั้นเสียไปตั้งแต่ตอนที่คลอดเขาออกมาแล้ว สาเหตุที่เอเลนต้องมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะเงินประกันชีวิตที่ได้มารับจากการที่พ่อเสียชีวิตนั้นหมดไปกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
พอไม่มีเงินก็ไม่มีที่อยู่ ญาติก็ไม่มี
สิ่งเดียวที่พอจะนึกถึงก็คือคำพูดของพ่อที่เคยพูดให้ฟังตอนเด็กๆที่พอจับใจความได้ว่า...
‘เอเลน พ่อมอบกุญแจดอกนี้ให้ลูก
ลูกต้องดูแลรักษามันให้ดีๆ ถ้าหากวันใดพ่อไม่อยู่แล้วลูกไม่มีที่ไป
จงไปตามทางที่พ่อเขียนไว้ในแผนที่นี้ซะ’
ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เอลเลนมายืนอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ หน้าคฤหาสน์ชวนสยอง
รอบๆกายเต็มไปด้วยเถาวัลย์และขวากหนามเลื้อยพันเต็มไปหมดทั่วบริเวณ รวมทั้งภายนอกบางส่วนของคฤหาสนเก่าๆโทรมๆที่เต็มไปด้วยหญ้ารกชัฏและตะไคร่น้ำ
ต้นไม้สูงชะลูดแผ่กิ่งก้านสาขาออกมายั้วเยี้ยบดบังแสงอาทิตย์
กลิ่นอายรอบข้างเต็มไปด้วยความชื้นแบบสกปรกชวนอึดอัด หมอกลงจัดนั้นเล่นทำเอาเอเลนเกือบหลงทางไปก็หลายรอบกว่าจะมาถึงที่นี่ได้
แถมแสงอาทิตย์ยังส่องมาไม่ถึงเนื่องจากถูกกลุ่มเมฆสีเทาบดบังจนทึบหนา
ไม่นานนักเม็ดฝนจึงได้โปรยปรายลงมา
เอเลนรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
แต่ทว่าประตูดันล็อกซะได้ แล้วอย่างนี้เขาจะเข้าไปได้ยัง... ไม่สิ
ยังมีกุญแจที่พ่อเคยให้ไว้ เขาสวมมันไว้บนคอตลอดตั้งแต่พ่อให้มา เมื่อใช้มันไขเสร็จแล้วก็สวมกลับลงไปที่เดิม
ประตูเปิดออกแสดงว่ากุญแจดอกนี้ใช้กับที่นี่จริงๆ เอเลนมองสำรวจไปรอบกายที่เต็มไปด้วยความมืด
มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง
เมื่อลองคลำทางเลียบติดผนังไปเรื่อยๆ
ฝ่ามือดันสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง มันมีรูปร่างเป็นแท่งยาวเรียวผิวเรียบ ข้างๆกันเป็นวัตถุรูปร่างคล้ายไฟแช็ก
ทำให้พอเดาได้ว่าสิ่งแรกที่จับได้ต้องเป็นเทียนไขอย่างแน่นอน
เอเลนไม่รอช้าหยิบพวกมันขึ้นมาจุด
แสงไฟสว่างวาบไหวไปทั่วบริเวณที่ยืนหยู่ มันทำให้เขาอุ่นใจขึ้นมานิดๆ
เพราะตอนนี้ฝนข้างนอกเริ่มตกหนักและตามด้วยเสียงฟ้าร้องมาเป็นระรอก ถึงเขาจะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปกลัว
แต่ถ้าเป็นฟ้าร้องลูกใหญ่ๆหรือฟ้าผ่า มันก็ทำให้ใจสั่นผวาได้ทุกครั้ง
“มีที่จุดเทียนที่อื่นอีกไหมนะ”
เอเลนสอดส่ายแสงไฟไปรอบกาย
แล้วมันก็ไม่ผิดนักเมื่อเขาเจอคบเพลิงประดับอยู่ตามผนัง
และพวกมันก็ยังใช้งานได้ดีซะด้วย เอเลนเดินจุดไฟไปเรื่อยๆทั่วคฤหาสน์จนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ
สถานที่นี้กว้างขวางพอดูเลย เขาไม่เคยคิดเลยว่าพ่อจะมีเงินขนาดมาปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหญ่โตขนาดนี้
แล้วทำไมต้องมาปลูกสร้างในที่ลึกๆอย่างป่ารกทึบแบบนี้กันล่ะ?
คิดได้แค่นั้นอาการง่วงเริ่มเล่นงาน
ก็แน่สิ เดินเท้ามาถึงนี่ก็ใช้เวลาทั้งวัน ไม่ได้กินอะไรมาตลอดทาง เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาททำให้ไม่สามารถหาซื้ออาหารเป็นเสบียงเอาไว้ตุนในการเดินทางได้
เมื่อความง่วงเริ่มเล่นงานหนักๆเข้า
เอเลนจึงเลือกเอนตัวนอนลงบนโซฟาที่อยู่ในห้องรับแขกหน้าเตาผิงไปอันใหญ่
...และแล้วคืนนั้นเขาก็ฝัน
ฝันว่ามีใครบางคนมาลูบหัวอย่างอ่อนโยน แล้วช้อนตัวเขาอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่น
พร้อมกับก้าวเดินออกไปโดยมีสายลมวูบใหญ่โหมพัดจนเปลวเพลิงทั้งหมดวูบไหวแล้วดับลง...
...เขาจะพาผมไปที่ไหนกัน?
“อือ~” เอเลนลุกขึ้นบิดตัวไปมา เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคาดว่าน่าจะเป็นยามเช้า
เพราะท้องฟ้ายังปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม ฝนหยุดตกแล้วแต่ตัวภายในคฤหาสน์ยังคงมืดสนิท
กลิ่นหอมอ่อนๆลอยโชยมาเตะจมูก เอเลนหันไปมองที่มาของกลิ่นนั้น
มันคือซุปอุ่นกำลังพอดีและขนมปังหนึ่งก้อนถูกวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างๆเตียง เขาหยิบมันขึ้นมากินอย่างช้าๆพลางคิดสงสัยว่าใครเป็นคนจัดเตรียมของพวกนี้ให้กัน
หรือว่าที่นี่จะมีคนอาศัยอยู่นอกจากเขา เมื่อสังเกตไปรอบๆตัวแล้วห้องนี้ไม่ใช่ห้องรับแขกที่เขาเคยนอนอยู่เมื่อวาน
แต่เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง
เมื่อกินเสร็จจึงออกเดินสำรวจภายในบ้านพร้อมคบเพลิงเล็กๆให้แสงสว่างอันหนึ่ง
บ้านนี้ทั้งกว้างและซับซ้อน ทว่าภายในกลับสะอาดผิดคาด แต่ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆแม้แต่เสียงนกร้องก็ไม่ได้ยิน
แล้วซุปพร้อมขนมปังที่เขากินนั่นของใครกันแน่
ทุกวันๆผ่านไปโดยที่เอเลนอยู่ในบ้านที่แสงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึง
บางครั้งก็ไปนั่งเล่นอยู่ในสวนดอกไม้บ้าง บางทีก็เล่นอะไรบ้าบออยู่คนเดียว
และทุกๆวันทุกๆมื้อจะมีอาหารตระเตรียมไว้ให้ไม่ขาด
ตอนเช้าตื่นมาจะพบกับอาหารอุ่นๆถูกวางอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
ตอนกลางวันในห้องอาหารจะถูกจัดเตรียมไว้ที่หัวโต๊ะตัว ยาว และตอนเย็นจะอยู่ในห้องอาหารที่เดียวกับตอนกลางวัน ส่วนตอนหัวค่ำจะมีโกโก้ร้อนๆวางไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าเตาผิง
แต่กระนั้นเอเลนก็หาตัวคนที่เตรียมอาหารเหล่านี้ให้เขาไม่พบ คนลึกลับคนนั้นไม่ได้เตรียมแค่อาหารให้เอเลนเท่านั้นแต่ยังเตรียมพวกของใช้ในชีวิตประจำวันให้ด้วย
สะดวกสบายซะจนลืมไปว่าตัวเองถังแตกอยู่...
จนกระทั่งคืนหนึ่ง...
มีบางสิ่งได้มาเยือนในขณะที่กำลังหลับสนิท...
มันเป็นความฝันที่แปลกประหลาด
เขาฝันว่ามีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับปลุกให้ตื่น เอเลนค่อยๆยันกายขึ้นช้าๆเหม่อมองหน้าบุรุษผู้มีกลิ่นอายแปลกประหลาด
ชายคนนั้นเรียกชื่อเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบาบริเวณข้างๆใบหู ร่างกายของเอเลนถูกผลักให้นอนราบลงกับเตียง
เสื้อนอนตัวบางถูกปลดออกช้าๆจนเหลือแต่แผ่นอกเปลือยเปล่า
เหมือนร่างกายนั้นถูกควบคุม แขนสองข้างยกขึ้นคล้องคอชายคนนั้นโดยอัตโนมัติ
เขาพรมจูบไปทั่วลำตัวแล้วไล้วนหยุดลงประทับบนกลีบปากของร่างโปร่งอย่างแผ่วเบา
กางเกงนอนถูกถอดออกไปแล้ว และกลางลำตัวกำลังถูกปลุกเร้าด้วยฝ่ามือเย็นเยียบ
ร่างกายบอบบางเสียวสะท้านไปทั่วกระตุกเกร็งปล่อยน้ำแรกของวัยออกมา
‘มากกว่านี้อีก
นายท่าน คิกๆ’ เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางนั้นให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเขาเอง
ตอนนี้เอเลนไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ เหมือนถูกเชิดให้เคลิบเคลิ้มน้อมรับทุกสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้
ไม่มีแม้แต่ขัดขืนเมื่อต้องอ้ารับสิ่งรุ่มร้อนใหญ่โตเข้ามาในกายที่ยังบริสุทธิ์
ปากที่เอื้อนเอ่ยเสียงครางหวานนั้นเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง
ทั้งร่างเพรียกหาแต่อีกฝ่าย ทั้งตวัดรัดรึงไม่ยอมปล่อยไป ในสมองนั้นพร่าเบลอไปหมด เป็นครั้งแรกเลยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วรู้สึกดีขนาดนี้
สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยนี้มันรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
เอเลนปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า
รวมถึงฝ่ายอีกฝ่ายเองก็เช่นกันที่ปล่อยเข้ามาในร่างกายแบบบางตั้งมากมายขนาดนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกอุ่นวาบจรงท้องน้อยจากน้ำแห่งอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ในกาย
มันไหลเข้าไปภายในร่างส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นไหลย้อนกลับออกมา ทำให้ด้านนอกเปรอะเปื้อนตามง่ามขาจนเหนียวเหนอะ
เขาถอนกายออกไปแล้ว
แต่เอเลนเองกลับยังไม่รู้สึกพอ ยกกายขึ้นนั่งบนตักสบประสานสายตาบุรุษแปลกหน้าด้วยดวงตาวิงวอน
ถูกายด้านหน้าของสองเราให้ชนกันจนเขาและร่างบางเริ่มรู้สึกอีกครั้ง
คราวนี้เป็นฝ่ายเอเลนที่เริ่มก่อน
มือเล็กบางเอื้อมไปจับแก่นกายใหญ่นั้นให้มั่นคงและเริ่มกดตัวเองลงไปรับกับสิ่งใหญ่โต
โยกขึ้นโยกลงด้วยความหฤหรรษ์ราวกับมันเป็นสิ่งสนุกสนาน อีกฝ่ายเองก็ไม่อยู่เฉยก้มลงโลมเลียกับยอดดอกชูชันปลุกเร้าอารมณ์เด็กวัยสิบห้าปีให้พุ่งสูงถึงขีดสุด
และแล้วร่างกายนั้นก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
เพราะมันกำลังหลงระเริงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองทำหน้าแบบใดออกมาขณะกำลังร่วมรักกับบุรุษแปลกหน้า
เมื่อเราทั้งคู่ปลดปล่อยเป็นอันสิ้นสุดรอบนั้น
แต่มันก็หาใช่รอบสุดท้ายที่เราจะทำกัน
ร่างของเอเลนถูกพลิกให้ไปนอนระนาบลงกับเตียง
ความเป็นชายถูกสอดใส่เข้ามาตักตวงความสุขจากช่องทางเบื้องล่าง เจ้าของร่างผู้ถูกกระทำทั้งบิดเร้าและกรีดร้องครางดั่งคนบ้า
และในท้ายที่สุดชายผู้นั้นก็ได้ก้มลงมากระซิบบางอย่างกับร่างที่กำลังนอนกระเส่าระคนปนหอบ
‘แรงอีก...ได้โปรด...’
‘ร...รีไว’
ตื่นเช้ามาด้วยหัวกระเซิงแบบคนตื่นนอน
ผมยีหัวให้มันยุ่งยิ่งกว่าเก่า ความปวดแล่นริ้วอยู่ในหัว
รู้สึกตัวเองตัวร้อนและเหงื่อออกชุ่ม เหมือนฝันอะไรสักอย่างเมื่อคืนแต่จำไม่ได้
ไม่สามารถบอกได้แม้กระทั่งว่ามันเป็นฝันดีหรือฝันร้าย
‘รีไว
นั่นคือนามของข้า’ เป็นเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ยังคงจำได้จากฝันเมื่อคืน
เสียงกระซิบแผ่วที่ยังคงจดจำได้เพียงแค่เสียง หาได้จดจำรูปฝันได้ไม่ ...นามรีไวนั้นคือใครกัน
“อา
ปวดหัวโว้ย” เมื่อคิดไม่ออกจึงล้มตัวลงนอนคลุมโปง ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินข้าวอะไรทั้งนั้น
“ชิ เมื่อวานไม่น่าไปเล่นน้ำฝนเลย เป็นหวัดเลยดูสิ ฮึ่ย”
ถ้าเมื่อวานไม่ไปเล่นตากน้ำฝนล่ะก็ป่านนี้เขาคงไม่ต้องมานอนซมจับเจ่าอยู่บนเตียงแบบนี้
แต่ก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองสินะ เฮ้อ อยู่คนเดียวแบบนี้แล้วรู้สึกเหงาจัง
“พ่อครับ แม่ครับ ทำไมถึงทิ้งผมไป...” ทิ้งเขาไปมีความสุขอยู่บนสวรรค์กันแค่สองคน
สัมผัสเย็นชื้นแต่ให้ความรู้สึกสบาย
เอเลนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ... สัมผัสแบบนี้...เหมือนดั่งคราแรกที่มาที่นี่
ใครกำลังเช็ดตัวให้เขากัน...
ถึงจะไม่สามารถขยับเปลือกตาให้เปิดออกได้ด้วยความอ่อนล้าจากพิษไข้
แต่มือของอีกฝ่ายที่กำลังเช็ดตัวให้นั้นมันช่างอบอุ่นจริงๆ
คุณน่ะ...เป็นใครกัน? พอจะบอกให้รู้ได้ไหม?
ตื่นนอนตอนหัวค่ำ
ถึงหัวจะยังเบลอๆอยู่แต่ไข้ก็ลดลงแล้ว
เมื่อก้มมองชุดนอนมันถูกเปลี่ยนจากที่ใส่อยู่ในตอนแรก ซึ่งนั่นก็แปลว่านั่นไม่ใช่ความฝัน
ในหัวสมองยังวนเวียนถึงเรื่องแต่ของคนๆนั้น ไม่ว่าจะตามหาทุกซอกทุกมุมในคฤหาสน์หลังนี้ก็ไม่เคยหาตัวเจอเลยสักครั้ง
ไปอยู่ที่ไหนกัน ทั้งที่ดูแลเขามาตั้งขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับไม่เคยได้เอื้อนเอ่ยคำขอบคุณเลยซักครั้ง
โครก!
เสียงกระเพาะร้องประท้วงเมื่อไม่มีอะไรตกถึงท้อง
พออาการป่วยทุเลาลงท้องเจ้ากรรมก็ดันส่งเสียงออกมาซะนี่
แถมกลิ่นหอมของข้าวต้มที่วางอยู่บนหัวเตียงมันก็เรียกน้ำลายได้ดีซะด้วยสิ
“อร่อย!” ฝีมือทำอาหารช่างต่างกับพ่อราวฟ้ากับนรก ถ้าเป็นพ่อคริช่าป่านนี้คงจะต้มข้าวต้มจนไหม้ติดก้นหม้อไปแล้วแน่ๆ
“ขอบคุณนะครับที่คอยดูแลผมอยู่เสมอ” ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยิน แต่ก็อยากพูดออกไป
เพื่อความสบายใจของตัวเอง
สองสามวันต่อมา
ไข้หวัดก็หายเป็นปลิดทิ้ง เอเลนวิ่งเล่นอยู่ในสวนไล่ตะครุบผีเสื้อตัวนู้นบ้างตัวนี้บ้างแล้วปล่อยไป
บางวันก็กระโดดลงบ่อน้ำว่ายเล่นตามวัยกำลังซน
และทุกวันท้องฟ้าไม่เคยโปร่งเลยสักครั้ง เพียงแต่ตอนกลางวันจะไม่มืดเท่าตอนกลางคืน
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลก แต่เอเลนก็เลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปนานแล้ว ชินซะแล้วกับชีวิตที่ต้องใช้เชิงเทียนให้ความสว่าง
โดยไม่รู้เลยว่าในทุกค่ำคืนตัวเองนั้นกำลังระเริงรักกับใครคนหนึ่ง
พอตื่นมาเรื่องราวดุจความฝันนั้นก็มลายหายไปจากหัวจนหมดสิ้นเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องพวกนั้น
และโดยที่ไม่รู้ตัว สุขภาพก็เริ่มทรุดโทรมลงเรื่อยๆ แค่วิ่งนิดเดียวก็เหนื่อยเต็มกลืน
ไม่ร่าเริงแจ่มใสดังแต่ก่อน เหมือนโดนสูบพลังชีวิตไป
จนในที่สุดก็ล้มหมอนนอนเสื่ออีกครั้ง
ถึงกระนั้นแล้วความฝันนั้นก็ยังวนเวียนมาอยู่ทุกค่ำคืน
มีอะไรกับใครคนหนึ่งอย่างสุขสมตามใจกาย ดั่งหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
เหมือนถูกร่ายเวทย์ให้ร่างกายเต็มไปด้วยความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด
และถูกลบความทรงจำทั้งหมดเมื่อตื่นนอน
จนกระทั่งวันหนึ่ง
เอเลนได้เดินเข้าห้องสมุดในสภาพระโหยโรยแรง เพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อนอกจากต้องนอนอยู่เพียงบนเตียงจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งติดออกมานั่งอ่านที่เก้าอี้ซึ่งมีโต๊ะยาวและเก้าอี้ถูกจัดวางเป็นแถวเรียงรายอยู่หลายตัว
จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย
หนังสือที่สุ่มหยิบมั่วๆขึ้นมามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับภูติผีปิศาจ
เมื่อเปิดอ่านประมาณกลางๆหน้ามันเป็นเรื่องของแวมไพร์
หน้าใกล้ๆกันนั้นเป็นเรื่องของอินคิวบัส
อินคิวบัส
เป็นปิศาจเพศชาย มีรูปโฉมงดงาม จะปรากฏออกมาในความฝัน
และสามารถใช้อำนาจมนตราควบคุมให้ผู้ถูกสะกดจิตมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตนเพื่อดูดพลังชีวิตของเหยื่อ
นอกจากการดูดพลังชีวิตแล้วยังเชื่อกันว่าเมื่ออินคิวบัสมีเพศสัมพันธ์กับเพศหญิงแล้วตื่นมาจะพบว่าท้อง
บุตรที่กำเนิดมาจะมีพลังเหนือธรรมชาติ และมีพฤติกรรมไปในทางชั่วร้าย...
“หืม
งั้นเหรอ ส่วนเพศหญิงเรียกว่าซัคคิวบัส และคอยหลอกลวงเหยื่อที่เป็นเพศชายสิน้า”
เมื่ออ่านจบ เอเลนพลิกหนังสือนั้นไปอีกหน้าเพื่ออ่านเรื่องราวต่อไป แต่แล้วจู่ๆเศษกระดาษสีน้ำตาลแผ่นหนึ่งได้ร่วงหล่นลงจากหนังสือเล่มนั้นดึงความสนใจของร่างโปร่งไปจนหมด
เมื่อก้มเก็บขึ้นมาอ่านทำให้เอเลนถึงกับตะลึงตัวแข็งค้าง
‘หลังจากที่ปลูกบ้านนี้ได้ไม่นาน
ครอบครัวของฉันก็ประสบแต่เรื่องแย่ๆเต็มไปหมด ตื่นมามีรอยที่คอสองรอยอยู่บนคอของลูกๆ
ตัวฉันคิดเพียงแค่ว่าเป็นรอยยุงกัด ส่วนสามีดิฉันก็พร่ำเพ้อจนกลายเป็นโรคประสาทขี้ระแวง
เอาแต่พูดว่าปิศาจ ปิศาจ บ้านนี้มีปิศาจ บ้านผีสิง
พูดแบบนี้ซ้ำกันทุกวันมันช่างน่าขำจริงๆ ปิศาจไม่มีจริงหรอกน่า นี่มันสมัยไหนกันแล้ว
ยังจะงมงายเรื่องปิศาจกันอยู่อีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง
เป็นวันที่ฉันจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต วันที่มีหนุ่มรูปงามแต่ติดเตี้ยไปนิดมากดกริ่งหน้าบ้าน
มันเป็นวันที่ฝนตกหนัก ทั่วบริเวณมืดมัวไปหมด จะให้ไล่กลับไปก็น่าสงสาร
ฉันจึงเชื้อเชิญเขาเข้าบ้าน คำแรกที่เขาพูดหลังจากเข้ามานั่งในห้องรับแขกคือ -ไม่มีใครบอกเหรอว่าพวกคุณกำลังบุกรุกอณาเขตของผม-
ฉันสงสัยมาก เพราะเคยมีคนแก่ห้ามมาปรามไม่ให้ฉันมาปลูกบ้านอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกัน
เมื่อถามออกไปเรื่องที่เขาพูดออกมาก็ไม่ตอบ ช่างเป็นคนที่แปลกเสียจริง
คืนนั้นฉันจัดแจงห้องนอนสำหรับแขกให้เขา
ส่วนตัวฉันนอนที่ห้องของตัวเอง
ในกลางดึก
ฉันได้ลืมตาตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขยุกขยิกอยู่รอบๆตัวฉัน เมื่อลืมตาขึ้น
สิ่งแรกที่เห็นคือเขี้ยวยาวสวยน่าพรั่นพรึงนั้นกำลังงับอยู่ที่คอของฉัน
ฉันไม่อาจขยับตัวได้ เมื่อเพ่งมองใบหน้าของคนที่ทำร้ายฉันใหดีๆ ปรากฏว่าคนๆนี้คือชายหนุ่มที่ฉันเชื้อเชิญให้เข้ามาหลบฝนภายในบ้านตอนหัวค่ำนั่นเอง
และเมื่อเขาดูดกลืนอย่างพอใจจึงได้ถอนคมเขี้ยวออก แล้วบอกฉันว่าตัวเขาเองเป็นปิศาจผู้ปกครองบรเวณแถบนี้
ฉันมารุกล้ำก่อสร้างคฤหาสน์อยู่บนอาณาเขตของเขาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
แถมเขายังบอกว่าตัวเองฝังรอยเขี้ยวไว้บนคอลูกทั้งสองของฉันทุกวัน และปล่อยให้เหล่าลูกสมุนคอยหลอกหลอนสามีฉันจนเป็นโรคประสาท
กระนั้นฉันก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เขาจึงต้องมาจัดการฉันด้วยตัวของตัวเอง
และเขายังขู่อีกว่าถ้าฉันยังไม่ย้ายออกไป เขาจะข่มขืนฉันจนมีลูก
และแน่นอนลูกที่ออกมาจะต้องกลายเป็นบุคคลชั่วร้าย เขาน่ากลัวมาก ฉันจึงตกปากรับคำอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้จะเสียดายเงินมากมายที่สร้างคฤหาสน์แห่งนี้
แต่มันเทียบไม่ได้กับชีวิตของสามีและลูก
เมื่อฉันรับปากไปว่าจะย้าย
เขาจึงปล่อยฉันแต่โดยดี และไม่ทำอะไรฉันไปมากกว่านั้น
ถึงเป็นปิศาจแต่ก็ยังมีเมตตาให้เวลาหนึ่งเดือนในการเตรียมตัวย้ายออก
ฉันและครอบครัวไม่รอให้ครบหนึ่งเดือนหรอก บ้านหลังนี้มันน่ากลัวเกินไป
สองถึงสามวันฉันจึงขนของชิ้นเล็กๆที่พอจะย้ายได้ย้ายออกไป
โดยไม่หันกลับมาเหยียบที่แห่งนี้อีกเลย แต่ก่อนหน้านั้นฉันอยากจะเขียนข้อความเตือนทิ้งไว้ที่นี่
เผื่อคนที่หลงเข้ามาในที่แห่งนี้และได้หยิบหนังสือเล่มนี้อ่าน
สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าฉันกลัวมันจะถูกเจ้าปิศาจนั่นพบเจอและทำลาย
ถึงคนที่อ่านข้อความนี้จนถึงตรงนี้
ฉันขอบอกว่าให้คุณรีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ จงหนีไป หนีไปให้เร็วที่สุด
หนีไปเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่อยากตายอยู่ในคฤหาสน์อาถรรพ์แห่งนี้ล่ะก็ จงหนีไป หนีไป
หนีไป! ถ้าร่างกายเริ่มทรุดโทรมโดยไม่มีสาเหตุ
นั่นเป็นสัญญาณเตือนอย่างดีว่าคุณถูกปิศาจร้ายรังควานเข้าแล้ว จงหนีไปเดี๋ยวนี้!!! ถ้าไม่อยากตาย!!!’
เมื่ออ่านจบเอเลนถึงกับอุทานอย่างตกใจภายในใจ
ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าปิศาจมีจริง แต่เรื่องร่างกายที่ทรุดโทรมลงโดยไม่รู้สาเหตุมันคือความจริง
มือบางสั่นระริกยกขึ้นมากุมปากของตัวเองอยาก
ไม่อยากจะเชื่อ ฝนด้านนอกตกหนักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ท้องฟ้าส่งเสียงร้องครืนครางเพิ่มความน่ากลัวให้กับที่แห่งนี่
จู่ๆกระดาษในมือก็ถูกดึงออกไป
ดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองมือปริศนาที่ฉกเอากระดาษแผ่นนั้นไปต่อหน้าต่อตา
“หืม
ยัยนั่นเขียนของแบบนี้ทิ้งไว้ด้วยเหรอเนี่ย
น่าชื่นชมจริงๆที่ซ่อนไว้ในหนังสือเล่มที่ชั้นไม่เคยสนใจจะหยิบอ่าน ...เฮ้ย! ไอ้หนู”
ประโยคหลังอีกฝ่ายหันมาพูดกับเอเลนที่นั่งแข็งค้างให้สะดุ้งตกใจ
กระดาษในมือเขาค่อยๆลุกเป็นไฟและกลายเป็นผุยผง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา
“กระดาษแผ่นนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับแกหรอก
จริงไหม เด็กน้อย” นิ้วเรียวยาวไล้ตามรูปหน้าของผมจนสุดปลายคาง นิ้วชี้ของเขาดันคางผมขึ้นเชิดให้เราสองสบคนตากัน
ไม่อาจหลีกหนีดวงตาสีดำขลับลึกลับน่าค้นหานั่นได้ ทำไมกัน? “เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้แกหนีไปแน่นอน
ฮ่าห์” และลงท้ายด้วยการที่คนแปลกหน้าคนนั้นฝังจมูกลงบนซอกคอของขาวซีดของเอเลน
และเลียมันอย่างช้าๆ
แล้วโลกทั้งใบ...ก็ดับลง...
______________จบตอนที่ 1 ค่า ^^
ลองเปลี่ยนสำนวนในการเขียนดู ความจริงแล้วลองเขียนให้เอเลนเป็นคนบรรยาย แต่รู้สึกมันไม่เหมือนเอเลนบรรยายก็เลยแก้เป็นคนแต่งบรรยายเองเลย
จาก 'ผม' ก็เปลี่ยนเป็น 'เขา' บ้าง 'เอเลน' บ้าง แล้วก็แก้คำบรรยายอื่นๆอีกนิดหน่อย ออกมาเป็นแบบนี้นี่แล (แต่งยากจริงๆ แบบใช้ตัวละครบรรยายเนี๊ย งือ งี๊ดๆ >^< แต่จะพยายามประคองสำนวนนี้ไปให้จนจบเรื่องแหละ เวลาอ่านจะได้ไม่ขัดๆ)
มีคนคอมเม้นฟิค 'ตรีตราจอง' กับ 'เนื้อคู่ ประตูไหนดี' ในบล็อกนี้ด้วย ดีใจที่สุดเลย ขอบคุณค่า//โดดกอด >.<
ปล.มีคนบอกชอบสำนวนในเรื่อง 'เนื้อคู่ ประตูไหนดี' ด้วย ความจริงเรื่องนั้นเราไม่มั่นใจในสำนวนเลย แต่มีคนบอกว่าชอบรู้สึกเริ่มมีความมั่นใจแล้วหล่ะ ขอบคุณมากนะค๊าาาาา//โค้ง (_ _)(^ ^)(_ _)(^ ^)
ชอบแนวนี้ ฟหกดฟหกดฟหด //เอาหน้าไถกับแป้นพิมพ์
ตอบลบเวลาคอมเม้นแล้วเจ้าของบล็อกมาพูดขอบคุณแบบนี้เขินตายเลยค่ะ ฮ่าๆ
"มีหนุ่มรูปงามแต่ติด'เตี้ย'ไปนิด" //โฟกัส
เรทได้ใจมากค่ะ แฮ่กๆ แลลึกลับแปลกๆ ทีผู้หญิงล่ะยอมปล่อย มีความเมตตา พอเจอเอเลนทีโอกาสนี่แทบไม่มีให้
จะติดตามทุกเรื่องค่ะ <3
อยากอ่านอีกอ่าาาา โดนเฉพาะ เนื้อคู่ประตูไหนดี อะ >w< กำลังมันส์เลยรีบแต่งนะจ้า จะรอดู >< ส่วนเรื่องนี้ ชอบมากเลย ชอบแนวนี้ละ 555 เนื้อคู่ประตูไหนดี อยากเห็น ฉาก NC เอิ้กๆๆ แต่งดีมากคะ ขอชม >w<~~~~~~
ตอบลบชอบเรื่องนี้ค่ะ ><~♥ จะคอยติดตามนะค่ะ
ตอบลบPs. ติดตามทุกเรื่องค่ะ ★
หนุกดีแหะ.....ชอบทุกเรื่องเลย....
ตอบลบรีบมาแต่งต่ออย่าดองนะฮะ...ทั้งเนื้อคู่ประตูไหนดีกะเรื่องนี้น่ะ
สนุกดีอะเจ้าคะ แนวแฟนตาซีด้วย!!!~
ตอบลบอยากรู้เร็วๆจุงเบยว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้นกับเอเลน~
ฉาก NC แต่งใช่ได้นะเจ้าคะ แล้วมาอัพต่ออีกเร็วๆนะเจ้าคะ >w<
ปล. อ่านทุกเรื่องและติดตามทุกเรื่องนะเจ้าคะ(ส่วนเม้มนี่ อาจเม้มให้ช้ากว่าอ่าน แต่อย่าโกรธเขานะเจ้าคะ)
แอบเงิบเล็กๆที่ตอนแรกดูเหมือนหัวหน้ารีไวล์จะใจดีอบอุ๊นอบอุ่น
ตอบลบแต่ไหงตอนที่เอเลนรู้ความจริงแล้วนิสัยถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเนี้ย/โดนเตะ
รอติดตามอ่านตอนสองอยู่นะครับ อยากรู้ว่าเอเลนจะหนีรอดไหมอีกอย่างร่างกายก้ออ่อนแอ
ไม่ใช่ว่าตอนจบตายนะ =A=lll
สนุกมากเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณนะค่ะ
ขอให้เเต่งต่ไปเรื่อยๆนะค่ะ
รอติดตามค่าาาา
^//////^
ชอบแนวนี้ //คลานออกมาจากที่ซุ่ม
ตอบลบอยากอ่านเรื่องนี้อีกค่ะ
....อ่านตอนแรกๆนึกว่าแนวใสๆ พอถึงตอนอ่อนแอเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่
กรี๊ดๆๆ สนุกค่ะ ชอบ ขอบคุณที่เเต่งฟิคให้อ่าน อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อเเล้วอะ ออกมาเเบบนี้ดูตืื่นเต้นเเต่ยังเรียกว่าประทับใจไม่ได้เลย น่าจะช็อกน่าดู อิอิ เราว่าลูกผสมทั้งสองเเบบน่าสนใจกว่า
ตอบลบสนุกมากเลยค่ะ โดยเฉพาะฉากH จะติตามทุกผลงานน่ะค่ะ อย่าลืมแต่งต่อน่ะค่ะ
ตอบลบ//วิ่งไปอ่านตอนต่อไปด้วยความเร็วแสง
ตอบลบชอบแนวนี้จัง เฮอะ เฮอะ
ตอบลบ