Fiction : Shingeki no Kyojin (Attack on Titan)
Title : เนื้อคู่ ประตูไหนดี
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : All Eren
Rating : PG-13
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -
ตอนที่ 3
“น่าอาย! น่าอาชะมัดเลย” เอเลนยกมือขึ้นกุมใบหน้าแดงซ่าน
“คุณรีไวต้องโกรธแน่ๆเลย”
“ไปทำอะไรให้รีไวโกรธล่ะหืม
เด็กน้อย” ไม่ทันตั้งตัว จู่ๆแรงจากได้หลังโถมเข้ามาใส่ตัวเอเลนอย่างแรง พร้อมด้วยมือยุกยิกๆราวกับปลาหมึกกำลังลูบไล้ไต่ตอมอยู่บริเวณต้นขาของเขา
“อ๊ะ! คุณเป็นใคร” เอเลนตกใจเมื่อหันไปไม่ใช่คนที่ตนรู้จัก
แต่กลับกลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รอบกรอบใบหน้าด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม
บนใบหน้าประดับด้วยแว่นกรอบหนารับกับดวงตาสีน้ำตาลแกมเข้มนิดๆของเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“สวัสดี
ชั้นฮันซี่ โซเอะ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมาเฟียปีกแห่งเสรีภาพ แล้วเธอล่ะ...เป็นคู่นอนของรีไวเหรอ
น่ารักใช้ได้นี่”
“คู่นอน?”
“อ๊ะฮะฮะ
เธอน่ารักจริงๆ ว่าแต่คลุมผ้าห่มแค่ผืนเดียวเดินรอบบ้านนี่ช่างกล้าไม่เบาเลยน้า
สนใจมานอนกับชั้นรึเปล่า” คำถามถูกส่งออกจากปากได้รูป พร้อมด้วยลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ข้างหู
เอเลนหลับตาหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ได้เข้ามาขัดจังหวะบทสนทนาระหว่างทั้งสองขึ้น
“ฮันซี่
เธอมาทำอะไร”
“อ้าว
รีไว ชั้นก็กลับมาบ้านอันแสนสุขไง”
“อย่างเธอนอนอยู่ในห้องทดลองไปจนตายเลยยิ่งดี
แล้วก็ปล่อยเด็กคนนั้นด้วย”
“ชิ
แค่นี้ทำหวง”
“เอเลน
มานี่” รีไวเรียกด้วยน้ำเสียงติดดุ
เขากำลังไม่พอใจที่เอเลนยอมให้ผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ
และอย่างยิ่ง...ถ้าเป็นฮันซี่ยิ่งเป็นตัวอันตราย
“เอ๋?
อะ...ครับ” เอเลนขานตอบกลับ พร้อมเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหารีไวอย่างโดยดีด้วยสีหน้าที่ติดจะแดงนิดๆเมื่อเผลอคิดถึงเรื่องในห้องนอนนั่นอีกครั้ง
“นี่เสื้อผ้านาย
รับไปแล้วเข้าไปอาบน้ำซะ ห้องน้ำเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย”
“ขอบคุณครับ”
ร่างโปร่งรับเสื้อผ้ามาอย่างงุนงง ก่อนจะรีบวิ่งกึ่งเดินเข้าห้องน้ำไป
แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาเรียกบุคคลซึ่งมีใบหน้าดุดันอยู่ตลอดเวลา
“เอ่อ
คุณรีไวครับ” เอเลนเกาแก้มเล็กน้อยเสหลบสายตาที่มองมา
ใบหน้าขาวอมชมพูเริ่มแดงซ่านขึ้นอีกครั้ง “เรื่องที่คุณช่วยผมไว้ขอบคุณนะครับ
แล้วก็เรื่อง....เอ่อ ในห้อง...ผ...ผ...ผมก็...ขอโทษด้วยนะครับ” และแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้คนแก่ยืนหลงอยู่ในภวังไปกับฟีโรโมนความน่ารักน่าชังที่เจ้าเด็กตัวแสบปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว
...รีไว นักฆ่ามือหนึ่งของกลุ่ม...ถูกจัดการเข้าให้แล้ว....
เอเลนออกมาด้วยกลิ่นหอมกรุ่นเหมือนเพิ่งออกมาจากเตาอบขนมหวาน
น้ำอุ่นที่เพิ่งอาบช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ได้เป็นอย่างดีโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
ผู้เคราะห์ร้ายอย่างมิคาสะ แอ็กเกอร์แมน ที่ยืนรอร่างบางอยู่หน้าห้องน้ำเผลอยืนอึ้งตะลึงค้างน้ำลายใกล้ไหลเต็มทน
เลือดสูบฉีดความดันพุ่งพรวดเต็มที แต่เมื่อเอเลนเงยหน้าขึ้นมาสบจึงต้องรีบปาดเช็ดน้ำลายแล้วตีสีหน้านิ่งเรียบตามเดิม
“เอ่อ
คุณ...”
“มิคาสะ
แอ็กเกอร์แมน เรียกผมว่ามิคาสะเฉยๆเถอะ เราสองคนอายุไล่ๆกันอยู่แล้ว”
“ก็ได้
งั้นนายก็อย่าเรียกแทนตัวว่า ‘ผม’
เวลาพูดกับฉันนะ มันรู้สึกแปลกๆน่ะ”
“ถ้าคุ...เอ่อ...ถ้านายว่าอย่างนั้นฉันก็โอเค”
“นั่นแหละๆ
แล้วคนอื่นๆอยู่ไหนกันหมดน่ะ ทำไมมันดูเงียบๆ?” ร่างบางหันมองซ้ายทีขวาที แต่ไม่เจอะเจอใครจึงเลือกที่จะหันมาถามมิคาสะแทน
“ไปทำงานน่ะ”
“แล้วนาย...?”
“คุณเอลวินให้ฉันนำทางนายไปที่พัก
...แล้วก็รบกวนสวมสิ่งนี้ด้วย”
มิคาสะยื่นส่งผ้าสีดำยาวให้เอเลน
ซึ่งเขารับมาอย่างงงๆจนมิคาสะต้องอธิบายว่าผ้าผืนนั้นมันใช้ทำอะไร
“ปิดตานายซะ”
“ทำไม?”
ทันทีที่ได้ยินเอเลนจมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิดทันที คนพวกนี้กำลังหวาดระแวงเขา! สิ่งที่เอเลนเกลียด...คือการที่ถูกสงสัยและไม่ถูกไว้เนื้อเชื่อใจ!
“นายก็รู้
พวกเราเป็นมาเฟีย การปกปิดที่อยู่ของพวกเราเป็นสิ่งจำเป็น คนที่มีสิทธิ์รู้ที่อยู่คือคนขององค์กรเท่านั้น”
“อ...
ฮึ่ย!” เอเลนอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะเงียบลงและยอมใช้ผ้าปิดตาของตัวเองแต่โดยดี
มิคาสะเดินไปอุ้มร่างของเอเลนจนลอยหวืออยู่กลางอากาศ
การกระทำอันกะทันหันโดยไม่ขอความเห็นชอบทำให้เอเลนสะดุ้งเฮือกเผลอเอื้อมมือไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวจนไปคล้องบ่าแกร่งจับไว้เพื่อกันตก
“นาย...ทำบ้าอะไร!”
“นายคงไม่สามารถเดินไปได้เองทั้งๆที่มองไม่เห็นทางแบบนี้หรอกนะ”
มิคาสะสวนกลับทำเอาเอเลนสะอึก มาดชายหนุ่มสุภาพบุรุษสุดแสนจะประทับใจตั้งแต่คราแรกกำลังจะติดลบถ้าหากชายหนุ่มไม่พูดประโยคถัดมาออกมาซะก่อนจนเอเลนเผลอหน้าแดงออกมาชั่ววูบ
“ขอโทษนะ
ที่ต้องทำแบบนี้...ที่ต้องปิดตานาย จะเกลียดฉันก็ได้... แต่ว่าฉัน...จะเป็นตาให้นายเอง”
“นายมันบ้าชะมัด
ความจริงฉันเกลียดมาเฟียจะตายชัก” ประโยคหลังพูดด้วยน้ำเสียแผ่วเบา
แต่คนที่ถูกฝึกมาอย่างดีไม่เว้นด้านประสาทการรับฟังทำให้ได้ยินเสียงนั้นอย่างแจ่มชัด
...ถ้านายเกลียดมาเฟีย...แล้วที่ให้พวกเราชิดใกล้ซะขนาดนี้
ความจริงนายก็ไม่ได้เกลียดพวกเรามากมายอะไรขนาดนั้นนี่นา
...ช่างน่ารักจริงๆ...
ในขณะที่มิคาสะกำลังอุ้มร่างบอบบางกว่าในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอมอยู่นั้นก็รู้สึกถึงแรงกระตุกเล็กๆตรงอกเสื้อ
เมื่อก้มมองลงไปต้องพบกับฝ่ามือเรียวติดเล็กกว่าตนนิดหน่อยกำลังกำกระตุกเสื้อตนยิกๆอย่างต้องการอะไรบางอย่าง
“มีอะไรหรือเปล่า”
ก้มลงไปถาม เผื่อคนในอ้อมแขนนี้มีอะไรอยากจะพูดด้วย
ริมฝีปากน่าจุ๊บขยับขึ้นลงอย่างแผ่วเบาด้วยสีหน้าแดงระเรื่อจนอดใจแทบไม่ไหว
ถึงกระนั้นก็ต้องข่มกลั้นความต้องการลิ้มชิมรสริมฝีปากนั้นโดยการหลับตาแนบหูลงไปใกล้ๆเพื่อให้รับฟังเสียงนั้นได้ถนัดยิ่งขึ้น
“....ห...ห้...ง...น...”
“มีอะไร...นายพูดเบาไปแล้วนะ”
เบาจนได้ยินเป็นเสียงลมหายใจที่คล้ายจะเป็นประโยคแต่จับใจความไม่ได้
“ห...ห้อง...ห้...น...”
“ห้อง?”
“ก็บอกว่าปล่อยก่อน! คนจะเข้าห้องน้ำไงล่ะโว้ย!” เอเลนตัดสินใจตะโกนดังลั่นจนมิคาสะแทบจะปล่อยมือที่อุ้มเอเลนไว้ขึ้นมาปิดหูที่เกือบแนบกับริมฝีปากนั้นแทน
ถ้าไม่ติดว่ากลัวเอเลนเจ็บล่ะก็คงได้โยนทิ้งก้นจ้ำเบ้ากลิ้งหลุนๆโหม่งกำแพงไปนานแล้ว
“เอ๋!?”
“ห้องน้ำไงเล่าห้องน้ำ! ปวดจะตายอยู่แล้ว!
ฉันอั้นไม่ไหวแล้วนะ!”
“แต่นายเพิ่งอาบน้ำเสร็จ?”
“แต่มันเพิ่งมาปวดกระทันหันนี่! ทำไงได้เล่า! ป...ปล่อยก่อนนะ! ม...ไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
ท่าทางบิดไปบิดมาในอ้อมแขนตนนั้นกับใบหน้าที่เขินอายแบบสุดกู่ทำให้มิคาสะอมยิ้มน้อยๆ
ค่อยๆวางเอเลนให้ยืนตรงอยู่บนพื้นพรม เมื่อขายืนถึงพื้นปุ๊บเอเลนวิ่งออกตัวไปปั๊บและแล้ว...
โครม!
เต็มๆครับท่าน
เอเลนวิ่งเข้าไปโหม่งกำแพงอย่างเต็มรักหงายหลังล้มตึงลงไปแผ่หลากับพื้น มิคาสะหัวเราะคิกคักเล็กๆเดินเข้าไปพยุงร่างที่กำลังนอนเบลอให้นั่ง
มือหยาบจากการต่อสู้และจับอาวุธแกะปมผ้าปิดตาให้หลุดออกอย่างไม่เร่งรีบ
“ทำไมนายไม่เตือนฉันเล่ามิคาสะ!” เอเลนแหวใส่ทันทีเมื่อสมองปรับจูนให้เป็นปกติดังเดิม
“ขอโทษ
ห้ามนายที่เลินเล่อขนาดลืมแกะผ้าปิดตาออกไม่ทันน่ะ”
เอเลนอ้าปากค้างเมื่อหาทางผลักไสความอับอายรอบที่ร้อยนี้ให้เป็นความผิดของคนอื่นไม่ได้
ดังนั้นเจ้าตัวจึงตัดปัญหาด้วยการเลิกถียงข้างๆคูๆโดยการวิ่งหนีเข้าห้องน้ำเพื่อซ่อนสีหน้าที่แดงซ่านด้วยความอับอายทันที
“น่ารักชะมัด”
มิคาสะยิ้มอย่างเอ็นดูยกมือที่กำผ้าผืนดำผืนนั้นขึ้นมาแนบชิดกับริมฝีปาก
ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายบางที่ยังคงหลงเหลือติดอยู่บนผ้าผืนนี้
“สบู่ที่ใช้อาบก็แบบเดียวกันแท้ๆ
ทำไมถึงได้รู้สึกหอมเป็นพิเศษเมื่ออยู่บนตัวของนายนะ...เอเลนที่น่ารักของผม”
“...ห...ใหญ่สุดๆ!!” เอเลนตะโกนตาโตทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาในห้องสุดหรูที่มิคาสะบอกว่าตอนนี้ได้กลายเป็นห้องของเอเลนเรียบร้อยแล้ว
“ม...มิคาสะ! นี่มันหรูสุดๆเลยนี่!”
“นายชอบรึเปล่า
เอเลน”
“ชอบสิ!”
“โรงแรมนี้เป็นของคุณเอลวิน
ห้องนี้จะยังเป็นของนายก็ต่อเมื่อนายยังทำงานอยู่ที่ไนท์คลับของเขาเท่านั้นตามข้อตกลงที่นายตกลงกับเขาเมื่อวาน
ถ้าหากมีอะไรขาดเหลือก็ติดต่อห้องข้างๆนายนะ
เพราะว่าพวกเราไม่คนใดคนหนึ่งจะผลัดกันมานอนที่นี่กันเป็นปกติออยู่แล้ว” แต่ดูท่าว่าต่อจากนี้ไปพวกเขาคงไม่อยากกลับฐานทัพแล้วหนีมานอนค้างที่นี่กันจนกลายเป็นบ้านอีกหลังแน่นอนเลยทีเดียว
“ขอบคุณ”
“แล้วก็ตั้งแต่ชั้นที่ 60 เป็นต้นไป ห้ามนายขึ้นไปเป็นอันขาด มันเป็นกฎน่ะ ส่วนลิฟท์ที่นายใช้ได้ต้องเป็นลิฟท์สำหรับลูกค้าเท่านั้น
เข้าใจนะ”
“อื้ม
เข้าใจแล้ว”
มิคาสะกำชับ
เอเลนตกปากรับคำอย่างไม่ขัดข้อง ในชั้นที่เอเลนอาศัยอยู่ตอนนี้คือชั้นที่ 59 ที่มีห้องสุดหรูอยู่เพียงสี่ห้องเท่านั้น
และห้องที่เอเลนอยู้คือห้องริมสุดทางเดินด้านซ้ายมือเมื่อออกมาจากลิฟท์ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
ทำให้ห้องที่อยู่ข้างๆนั้นมีเพียงแค่ห้องเดียว
ที่นี่คือโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวที่เป็นที่นิยมในหมู่คนรวยและนักท่องเที่ยว
มีชื่อในด้านการให้บริการอย่างไร้ที่ติ
มีสมนาคุณให้ทั้งแขกและพนักงานอย่างดีเยี่ยม เจ้าของโรงแรมคือเอลวิน สมิธ
หนุ่มใหญ่ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยทรัพย์ทางสมบัติและสติปัญญา
เป็นที่หมายปองของสาวรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ด้วยความเพรียบพร้อมทางฐานะการเงินของเขาแล้ว
รูปโฉมคมเข้มแบบหนุ่มใหญ่ของเขาเรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าไนท์คลับขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อีกฟากของถนนนั้น
จะมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน
เอลวิน
สมิธ มีเลขาธิการคือ รีไว ชายที่แทบจะเรียกได้ว่าเกือบหน้าเดียว นอกจากทำหน้านิ่ง
หน้าหงุดหงิด หน้าโมโห และหน้าตกใจแบบนิ่งโครตๆแล้ว
ไม่เคยมีใครเห็นเขาทำสีหน้าแบบอื่นอีกเลย
ถึงจะเห็นแบบนี้รีไวก็เป็นคนที่แอบป๊อบเงียบๆในหมู่สาวๆหลายคนไม่แพ้เอลวินเลยทีเดียว
เผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำด้วยใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยแล้วยังเปี่ยมไปด้วยความเท่ห์อย่างเหลือล้น
ถึงจะเห็นรีไวเป็นคนนิ่งเงียบ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ดูแลลูกน้องทุกคนได้ดีที่สุด
เป็นที่เคารพรักของใครหลายๆคน นั่นจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มความเนื้อหอมให้กับหนุ่มวัยสามสิบซึ่งมีจุดอ่อนด้านส่วนสูงคนนี้
พูดให้ถูกก็ไอ้เตี้ยขาสั้นตัวสั้น
ขอสาปแช่งให้สักวันหนึ่งเงยหน้าพูดกับคนอื่นจนคอเคล็ดกู่ไม่กลับเลยคอยดู
คนพวกนี้เบื้องหน้าเป็นนักธุรกิจขนาดใหญ่
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเบื้องหลังจะเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลขนาดใหญ่คับฟ้า
แม้แต่ตำรวจยังไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะรับเงินใต้โต๊ะ
รวมทั้งกลัวอิทธิพลของแก๊งมาเฟียกลุ่มนี้
ข้อมูลทั้งหมดถูกเล่าคร่าวๆระหว่างทางที่มิคาสะขับรถพาเอเลนมาส่งถึงที่นี่
โดยผสมความคับแค้นใจเล็กน้อยที่มีต่อรีไวลงไป ขอย้ำว่าเล็กน้อยจริงๆ
ตอนนี้มิคาสะออกจากห้องไปแล้ว
ทันทีที่เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีได้อยู่ในห้องหรูหราคนเดียว สิ่งแรกที่ทำคือการปลดปล่อยความบ้าวิ่งโร่ไปทั่วทั้งห้องรับแขก
ห้องน้ำ แม้แต่ในห้องครัว และจบลงด้วยที่ห้องนอน
ร่างกายเพรียวลมกระโดดกายขึ้นสูง
และทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนเตียงสปริงหนานุ่มเด้งดึ๋ง
เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความตื่นเต้น
ต่อจากนี้ไปเขาก็ไม่ต้องกลายเป็นคนร่อนเร่ไร้ที่ซุกหัวนอนอีกแล้ว
บางที...มาเฟียพวกนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิด
ความประทับใจครั้งแรกที่พบกัน
ถึงแม้รีไวจะน่ากลัว แต่นั่นเพราะเขาดันปากเสียเอง
แต่สุดท้ายคนที่ช่วยเขาจากอันตพาลก็คือรีไว แล้วถึงแม้คนพวกนี้จะแปลก
หรือถึงแม้จะมีคนที่แค่เห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตาอย่างแรงอย่าง แจน กินตับไต
อะไรสักอย่าง ถ้าจะให้สรุปภาพโดยรวมแล้ว ความประทับใจครั้งแรกถือว่าใช้ได้ทีเดียวในสายตาของเอเลน
ถึงจะไม่เต็มร้อย แต่ก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบ ถือซะว่าไม่เลวเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนตกกลางคืน
เอเลนที่เผลอหลับไปสะดุ้งสุดตัวรุดกายไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งแจ้นออกนอกห้องห้องเหตุเพราะใกล้จะได้เวลาเข้างานแล้ว
ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะถูกหักเงินเดือนหรือเปล่าแต่การไม่ไปเข้างานสายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
...ต้องทำงานให้คุ่มค่าจ้างสิ
“เหวอ!”
เอเลนเบรกดังเอี๊ยดเมื่อตัวเองเกือบจะวิ่งชนอกแกร่งของใครอีกคนหนึ่งที่ยืนรอตนอยู่หน้าห้อง
“มิคาสะ!”
“เอเลน
ฉันมารับ”
“มารับ?
โธ่! ที่ทำงานอยู่ตรงข้ามกับที่นี่เอง ไม่ต้องมารับก็ได้”
“มาสอนงานด้วย”
แล้วก็อยากเห็นหน้านายด้วย
“งานของฉันก็แค่เต้นไม่ใช่รึไง”
เอเลนขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย
“งานของนายเริ่มพรุ่งนี้
วันนี้นายยังไม่ต้องทำงาน เพราะฉันจะแนะนำที่ทางภายในผับนั่นให้นายรู้ว่าตรงไหนที่นายสมควรเข้าไปและไม่สมควรจะเข้าไป
เพราะมันอันตรายสำหรับนาย”
“งั้นก็ได้
ว่าแต่...”
เอเลนทำจมูกฟุดฟิดแถวๆใบหน้าของมิคาสะทำเอาเจ้าตัวยืนแข็งค้างด้วยความตกใจ
“น...นาย!” มิคาสะผงะถอยหลังห่าง
แต่ถูกมือบางกว่าคว้าหมับจับเข้าที่ข้อมือและดึงลากเข้าห้องไป
“เอ้า
นั่งลงตรงนี้ นายเพิ่งสระผมมาใช่ไหมล่ะ หัวยังเปียกอยู่เลย”
“อ...อืม”
“ไม่ได้นะ
เดินทั้งหัวเปียกๆแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” อีกอย่างวันนี้ยังไม่ต้องทำงาน จึง
ทำให้มีเวลาเหลือเฟือในการจัดการคนหนุ่มผมยาวประบ่าให้หัวแห้งได้
มิคาสะนั่งลงแต่โดยดีปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำย่ำยีผมของตนจนหนำใจ
เมื่อเสร็จเอเลนจัดการเซ็ตผมดำขลับนุ่มให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
“ผมนายยาวชะมัด
น่าจะตัดออกบ้างนะ”
มิคาสะได้ยินดังนั้นจึงจับปลายผมของตนขึ้นมาดูเล็กน้อย
“ถ้านายว่าอย่างนั้นฉันก็จะตัด”
“เดี๋ยวนายรอแป๊บนะ”
เอเลนวิ่งหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานนักจึงออกมาพร้อมกับผ้าพันคอสีแดงผืนหนึ่ง
เด็กหนุ่มนำมันมาพันรอบคออีกคนที่มีส่วนสูงเท่ากันอย่างลวกๆจนเสร็จพร้อมกับยิ้มภูมิใจ
“ตัวนายเย็น
เพราะฉะนั้นใส่นี่ไว้ซะ ถึงมันจะเป็นแค่ของถูกๆแต่ก็ป้องกันโรคไข้หวัดได้หลายเปอร์เซ็นต์เชียวนะ
ฮึๆ”
มิคาสะมองหนุ่มมั่นที่ยืนเท้าเอวสองข้าง
เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง
ดวงตาสีเขียวสว่างคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความสดใสและมุ่งมั่น
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหลงรัก
แล้วยิ่งอีกฝ่ายมาทำดีด้วยกับตนแบบนี้อีก...มันทำให้เขายิ่งหลงเอเลนหนักกว่าเดิม
“ชักจะเริ่มถอนตัวยากซะแล้วสิ”
ชายหนุ่มพึมพำเบาหลังจากเจ้าของห้องเดินนำออกไปก่อนแล้ว มิคาสะยิ้มน้อยๆพลางจัดผ้าพันคอให้เข้าที่และเดินตามร่างโปร่งบางไปในที่สุด
...มิคาสะ แอ็กเกอร์แมน นักฆ่ามือดีของกลุ่ม...ถูกจัดการเข้าอีกราย....
แสง
สี เสียง ยามค่ำคืนภายในผับใหญ่ยังคงดำเนินต่อไปภายในค่ำคืนนี้
มิคาสะชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยรูปโฉมราวเทพบุตรกำลังเดินแนะนำสถานที่แห่งนี้ให้กับเอเลนรวมถึงสถานที่ต้องห้าม
เมื่อมิคาสะถูกเอเลนถามว่าทำไมก็มักจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง
นั่นทำให้...เขายิ่งอยากรู้
วันนี้เอเลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามิดชิดกว่าเมื่อวานเพราะวันนี้ไม่มีงาน
ก็ใช่ว่าเขาจะชอบแต่งตัวแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะงานล่ะก็ไม่มีทางเด็ดขาด
ไอ้ชุดที่ใส่แล้วเหมือนจะเปลือยแหล่มิเปลือยแหล่แบบนั้นน่ะ
“เอเลน
นายนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
“นายจะไปไหน?”
“ธุระนิดหน่อย
นายอยู่คนเดียวได้นะ”
“อืม
สบายมาก”
เอเลนถูกจับให้นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์บาร์
มิคาสะหันไปพูดกำชับกับบาร์เทนเดอร์สองถึงสามประโยคแล้วเดินจากไป
“จะรับอะไรดีครับ”
บาร์เทนเดอร์เอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่ถูกฝากฝังให้เขาดูแลสักพักกำลังนั่งหันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อ...เอ่อ
คือ...เอ่อ...วันนี้ผมไม่ได้พกเงินติดตัวมา...”
“ไม่เป็นไรครับ
นายท่านสั่งไว้ว่าไม่ต้องคิดเงินคุณครับ”
“ง...งั้นเหรอ
งั้นขอนมหนึ่งแก้วก็แล้วกันครับ”
“ได้ครับ”
เมื่อได้ฟังออร์เดอร์ของเด็กหนุ่ม
บาร์เทนเดอร์ที่ดูท่าทางจะแก่กว่าเขาเล็กน้อยแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่
เอเลนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เขาเกลียดแอลกอฮอล์ มันผิดมากหรือไง
แล้วอีกอย่างความจริงเขาก็ยังไม่บบรลุนิติภาวะด้วย
พูดถึงยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ทำให้เอเลนนึกได้ว่างานที่เขาทำอยู่มันก็ไม่ใช่งานสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาเขาก็โกงอายุตัวเองมาตลอดเวลาทำงานที่ไหนๆก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ที่นี่
ถ้าไม่กรอกประวัติที่เป็นเท็จบ้าง เขาก็จะไม่มีงานทำและอดตาย
“ได้แล้วครับ”
แก้วนมเย็นเฉียบถูกวางลงบนโต๊ะ
เอเลนหยิบมันขึ้นมากระดกดื่มจนครึ่งค่อนแก้วแล้ววางลงทันทีเมื่อจู่ๆมีเสียงหญิงสาวหวีดร้องขึ้นที่ด้านหลัง
เอเลนหันไปมองต้นเสียงกลับพบว่ามีกลุ่มชายวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังยืนรุมฉุดลากหญิงสาวเพียงคนเดียวทั้งๆที่เธอไม่เต็มใจจะไปด้วย
“ไอ้พวกสารเลว! พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เอเลนวิ่งกระโจนเข้าไปในกลางวงล้อมของพวกนั้น
กระชากหญิงสาวโชคร้ายให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เอเลนสัมผัสได้ถึงร่างกายของเธอที่สั่นระริกด้วยความกลัว
แต่คนที่โตมาเพียงคนเดียวอย่างเขานั้นปลอบใครไม่เป็น ที่รู้ๆคือในเมื่อไม่มีใครเข้าไปช่วยเธอ
เขานี่แหละจะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยเธอในโลกที่แสนโหดร้ายนี้เอง
คนรอบกายไม่มีใครสนใจจะเข้ามาช่วยเหลือ
มีแต่ตะโกนให้เหล่าชายวัยรุ่นพวกนั้นเข้ามารุมซัดเขา
เอเลนตั้งท่าต่อสู้เมื่อเห็นว่าพวกหมาหมู่พวกนั้นกระจายตัวล้อมวงเขาอยู่หลายคน
ส่วนผู้หญิงซึ่งตกเป็นเหยื่อนั้นเธอกลัวจนวิ่งหนีไปแล้วโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาขอบคุณเขาสักคำ
แต่ช่างมัน ที่เขาช่วยเธอเพราะไม่ได้หวังคำขอบคุณตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว
“เดี๋ยวก่อน”
ชายที่เอเลนคาดว่าน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มสั่งห้ามคนอื่นๆไม่ให้เข้ามา แล้วตัวเองกลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเอเลนแทนพลางลูบคางพินิจมองใบหน้าของเอเลนแล้วไล่สายตาทั่วไปจนถึงเอวคอดสมส่วนและสะโพกที่แน่นตึง
ถึงแม้จะอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ก็ยังเห็นได้ชัดว่าสะโพกภายใต้อาภรณ์นั้นต้องกลมกลึงและแน่นได้รูปอย่างแน่นอน
เพียงแค่นั้นจึงทำให้ชายซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มวัยรุ่นประมาณหกถึงเจ็ดคนตรงหน้าเอเลน
อยากจะลองทำสิ่งแปลกใหม่ อย่างเช่นมีอะไรกับผู้ชายหน้าตาน่ารักตรงหน้า
“เฮ่ย
ไอ้น้อง คืนนี้สนใจไปนอนกับพี่มะ เอาเท่าไหร่บอกมาเลย”
เอเลนขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนไม่เข้าใจ
เมื่อชายตรงหน้าเห็นดังนั้นจึงก้มลงต่ำไปกระซิบข้างๆใบหูอันแสนจะน่าขบกัดฝากรอยทิ้งไว้นั้น
“ก็เซ็กส์ไง”
พลั่ก!
ชายหัวโจกถูกหมัดลุ่นๆของเอเลนต่อยจนหน้าหงายเลือดกบปาก
เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่สำเร็จจึงเอ่ยปากตะโกนสั่งคนอื่นๆให้เข้าไปรุมจัดการแทนตนเองที่เสียหน้า
และไม่นานนัก
พวกหมาหมู่เป็นฝ่ายได้เปรียบ เอเลนถูกตรึงด้วยท่าล็อกแขนจนขยับไปไหนไม่ได้
“ไอ้พวกเลวเอ๊ย!”
“ปากดีแบบนี้ต้องสั่งสอนให้สำนึกสักหน่อยแล้วมั้ง
งั้นฉันนขอคืนหมัดเมื่อกี๊ให้แกก็แล้วกัน!”
หมัดจากหัวโจกที่ถูกเขาต่อยไปเมื่อสักครู่ถูกเหวี่ยงลงมา
เอเลนหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ
พยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากไอ้คนตัวยักษ์ข้างหลังแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายมีพละกำลังมากกว่า
และแล้วหมัดซึ่งน่าจะถูกตัวเอเลนในเวลาต่อมานั้นได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของฝ่ายนักเลงแทน
แล้วจู่ๆร่างกายที่ถูกล็อกจากด้านหลังก็ได้รับการปลดปล่อยเมื่อคนตัวยักษ์พละกำลังเยอะลอยละลิ่วปลิ่วไปกระแทกโต๊ะของลูกค้าคนอื่น
และแล้วมีฝ่ามือหนึ่งได้เข้ามาทาบทับช่วงชิงทัศนวิสัยของเขาไปจนหมด
“นี่ฉันเอง
มิคาสะ” เสียงทุ้มนุ่มชวนผ่อนคลายทำให้ท่าทางขัดขืนในตอนแรกของเอเลนอ่อนลง
แล้วไม่นานนักมิคาสะก็เปิดมือออกคืนความสามารถในการมองเห็นให้ร่างบางกว่า
และสิ่งแรกที่เอเลนได้เห็นนั้นคือเหล่าคนที่เขากำลังต่อสู้ด้วยเมื่อกี๊นี้ได้ถูกชายคนหนึ่งจัดการลงไปกองนอนกับพื้นจนหมด
แล้วชายคนนั้น คนตรงหน้าเอเลนก็คือ...
“แจน!”
แจนกำลังยืนเอาเท้าเขี่ยพวกนักเลงที่นอนลงไปร้องโอดโอยอยู่บนพื้นด้วยความสะใจที่บังอาจมาแตะต้องใช้กำลังกับคนที่เขากำลังหมายตา
“เฮ่ย
พวกแกน่ะวันหลังจะซ่าก็ให้รู้มั่งว่านี่มันถิ่นใคร ถ้าไม่ติดว่าเอเลนอยู่ล่ะก็พวกแกได้ตายแน่”
ประโยคหลังก้มลงไปกระซิบข้างหูหนึ่งในนั้นด้วยน้ำเสียงโทนต่ำชวนขนหัวลุก
โดยไม่ต้องรอให้แจนพูดว่าไสหัวไป ชายวัยรุ่นทั้งกลุ่มนั้นก็รีบวิ่งแจ้นจรลีลี้หนีออกไปทันที
เมื่อมองส่งพวกนักเลงข้างทางออกจากผับไปจนหมด
แจนจึงหันมาเล่นงานคนตัวการที่ชอบวิ่งกระโจนเข้าไปพัวพันในเหตุการณ์อันตรายเองทันที
คอเสื้อเชิ๊ตสีดำถูกแจนกระดึงรั้งให้เข้ามาใกล้สบกับสายตาดุติดตำหนิ
“แกมันโง่ชะมัด!
อยากตายนักรึไงถึงได้ไปหาเรื่องชาวบ้านเค้าไปทั่วแบบนี้หา!
ไอ้งี่เง่าเอ้ย!”
“คำก็โง่สองคำก็โง่แล้วแกล่ะ! หน้าตาดูแล้วก็โคตรโง่เลยนี่หว่า!” คำเถียงข้างๆคูๆที่ฟังยังไงก็ไม่ขึ้นทำเอาแจนเกือบฉุนขาด
เกิดมาไม่มีใครกล้าด่าเขาว่าโง่นอกจากไอ้ตัวน่ารักที่ยืนเถียงฉอดๆทั้งๆที่เขาช่วยไว้ตรงหน้านี่อีกแล้ว
รู้งี้น่าจะให้โดนพวกนั้นยำให้เละไปซะจะดีกว่า!
“ชิ!”
ก็ได้แต่คิดนั่นแหละ
ทั้งๆที่สายตาเหลือบไปเห็นเอเลนโดนรุมร่างกายเขาก็วิ่งไปก่อนแล้วแท้ๆ แถมยังขาดสติชักปืนใส่ที่เก็บเสียงขึ้นมายิงพวกนั้นด้วย
ถ้าหากมิคาสะไม่โผล่มาอีกคนมีหวังเอเลนได้เห็นภาพตอนที่เขากลายร่างเป็นคนเลือดเย็นแล้วแหงๆ
“แล้วนายจะไปหาเรื่องไอ้พวกนั้นทำไมฮะ!”
“ก็แค่ช่วยผู้หญิงที่โดนรุมมันผิดตรงไหน!”
“ช่วยแล้วตัวเองโดนเองเนี่ยนะ
แม่งโคตรจะโง่เลย ถูกเลี้ยงมาด้วยหญ้าหรือไงฟระ!- แอร๊ฟ!”
แจนหน้าหงายทรุดนั่งลงไปกุมเบ้าตาอีกข้างที่เพิ่งโดนเอเลนต่อย
ตอนเช้าก็โดนไปทีแล้ว แล้วยังมาโดนอีกข้างตอนนี้อีกคงกลายเป็นม้าแพนดี้เต็มตัว
นี่เขาใกล้จะหมดความอดทนแล้วนะ!
“นาย...!”
“อะไร!” เอเลนยืนกอดอกมองหน้าแจนด้วยสายตาเป็นศัตรู
ตั้งแต่เห็นหน้าแจนครั้งแรกก็รู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยแล้ว
แล้วยิ่งมาด่าเขาปาวๆแบบนี้ชาตินี้อย่าญาติดีกันเลยเหอะ! แง่ง!
พ่อจะงับให้หัวขาดเลยคอยดู!
แจนที่เห็นเอเลนทำท่าแยกเขี้ยวยิงฟันเหมือนลูกหมาจึงถอนหายใจเฮือก
ความโกรธที่ถูกชกทั้งหมดมอดลง พลางคิดว่ามันไร้สาระที่จะไปนั่งทะเลาะกับคนที่โตแต่ตัวอย่างอย่างหมอนี่
“เหอะ
คราวนี้ชั้นจะยอมนายให้ก่อนก็ได้ ถ้ามิคาสะไม่อยู่ชั้นจัดการนายแน่ ไอ้บ้าที่รีบไปตายเอ้ย!” แต่จัดการยังไงคงไม่ต้องบอก
แค่ทำให้นอนร้องครางใต้ร่างอ้อนวอนขอเขาจนไม่กล้าปากดีอีกแบบนี้ถึงจะสาสม!
มิคาสะลอบถอนหายใจมองภาพตรงหน้า
นี่ถ้าหัวหน้าเอลวินกับไอ้เตี้ยรู้เข้าว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผับล่ะก็
คงได้โดนเรียกไปอบรมกันยาวเรื่องที่ใช้ปืนในที่สาธารณะแหงๆ
“เอเลน
ฉันจ้างเธอมาเพื่ออะไร”
เสียงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆทำให้เอเลนรู้สึกสั่นเกร็งเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงรังสีคุกคาม
“ป...เป็นแดนซ์เซอร์ครับ”
ในห้องวีไอพีห้องเดิม
เอเลนนั่งก้มหน้าก้มตาทำหน้าหงอยอย่างสำนึกผิดเมื่อถูกผู้ใหญ่ควบตำแหน่งผู้จ้างงานอย่างเอลวินดุเรื่องทะเลาะวิวาทภายในผับ
โดยมีมิคาสะและแจนนั่งขนาบข้าง
“ต...แต่ว่าพวกนั้น...”
เอเลนพยายามจะหาข้อแก้ตัว
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาที่เคยฉายแววใจดีซึ่งตอนนี้เป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจจ้องเขม็ง
จึงทำให้เอเลนหุบปากฉับลงไปภายในบัดดล
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น
วันหลังถ้ามีปัญหาอะไรให้เรียกพนักงานชุดดำที่ยืนดูแลตามจุดต่างๆ
เดี๋ยวพวกนั้นจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เธอเอง”
“ครับ”
ตอบเสียงอ่อย
“เธอออกไปได้แล้ว
มิคาสะตามไปส่งด้วย”
“ครับ”
มิคาสะขานรับก่อนจะจูงมือเอเลนที่นั่งซึมอยู่บนโซฟาราคาแพงให้ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้อง
“ส่วนเธอ...แจน
กิลชูไตน์ ฉันมีเรื่องต้องอบรมณ์เธอ”
และแล้วประตูทั้งบานก็ปิดลง
ทำให้การรับรู้ภาพและเสียงภายในห้องนั้นขาดหาย
มิคาสะจัดผ้าพันคอที่พึ่งได้รับมาจากเด็กหนุ่มข้างกายมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนให้เข้ารูป
แล้วเดินจูงมือที่เล็กและบางสำหรับเขาให้เดินตามมา
“หัวหน้าเอลวินน่ะ
ไม่ได้โกรธนายหรอกนะ” จู่ๆมิคาสะก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ทำให้เอเลนที่เดินก้มหน้าอยู่ข้างๆเงยขึ้นมามองอีกคนที่มีส่วนสูงเท่ากันอย่างงุนงง
“เอ๋?”
“หัวหน้าแค่เป็นห่วงนายเท่านั้น”มิคาสะหันมาสบตากับเอเลนพลางบีบมือข้างนั้นเบาๆเป็นการเพิ่มความมีน้ำหนักให้กับคำพูดนั้น
“หิวไหม”
มิคาสะเปลี่ยนเรื่องซะดื้อๆจนเอเลนเกือบตามอารมณ์ไม่ทัน
แต่ก็เลือกที่จะพยักหน้าเมื่อจำได้ว่าเมื่อคืนวานกับวันนี้ทั้งวันยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยนอกจากนมหนึ่งแก้วที่เพิ่งดื่มไปได้ไม่นาน
“ซู้ด~” บะหมี่ถ้วยชามที่สี่ถูดซัดเรียบเข้ากระเพาะเล็กๆที่กำลังกลายเป็นกระเพาะหลุมดำชั่วขณะ
“ฮ้า~ ไม่ได้กินเต็มอิ่มแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ”
เอเลนวางชามดังโครมลงบนโต๊ะโดยไม่สนใจสายตาของเจ้าของร้านที่กำลังมองมาอย่างใจหายเพราะโต๊ะเกือบจะพัง
จานชามเกือบจะแตก
“ปากเลอะนะเอเลน”
มิคาสะหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดริมฝีปากสวยที่เปื้อนคราบใสจากน้ำก๋วยเตี๋ยว
โชคดีที่มันเป็นสีใสแจ๋ว ไม่งั้นมิคาสะคงได้จินตนาการไปว่ามันเป็นน้ำอย่างอื่นแทน
เอเลนยอมให้มิคาสะเช็ดปากตนเองอย่างว่าง่ายเหมือนเด็กๆ
แต่แล้วก็ต้องส่ายหัวไปมาเมื่อรู้สึกว่ามิคาสะจะเช็ดนานเกินไปจนรู้สึกเจ็บปากไปหมด
“อื้ม! เจ็บ!”
“ขอโทษ
...ว่าแต่...นายชอบมีเรื่องกับชาวบ้านเขาเป็นประจำเลยรึไงนะ”
“ไม่ใช่นะ! ก็พวกนั้นรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
ชั้นทนอยู่เฉยนั่งมองเหมือนคนอื่นๆไม่ได้นี่!”
สาตาเอเลนนั้นจ้องมองมิคาสะอย่างแน่วแน่ในความคิดของตน
ชายหนุมทำแค่เพียงคลี่ยิ้มบางๆตอบไปเท่านั้น
สิ่งที่มิคาสะได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากตัวเอเลนคือได้รู้ว่าเอเลนเป็นคนที่รักความยุติธรรม
และการที่เป็นคนแข็งตรง ไม่ยอมคดงอไปตามสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งคนประเภทนี้สักวัน...ความตายจะวิ่งเข้ามาหา...เพราะโลกใบนี้มันโหดร้าย
แต่ว่า...เขาไม่ยอมหรอก
ถ้ามันโหดร้ายนัก เขานี่แหละ...จะเป็นคนปกป้องเอเลนเอง!
“ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเอง”
คำพูดลอยๆแต่ดันมีชื่อเขาทำให้เอเลนหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
แต่เมื่อจะอ้าปากเอ่ยถามมิคาสะกลับตัดบทโดยการเรียกเจ้าของร้านให้คิดเงินค่าก๋วยเตี๋ยวทั้งหมด
.
.
.
“ขอโทษด้วยครับหัวหน้าเอลวิน
ที่ผมใช้ปืนในที่สาธารณะ”
“ระวังด้วย
พักนี้เจ้าพวกนั้นชักเข้ามาล้ำเขตกันเกินไปแล้ว
การไม่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นมาเฟียให้พวกนั้นรู้ตัวเป็นดีที่สุด”
“ครับ”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะบทสนทนา
เอวินเอ่ยปากบอกอนุญาตเมื่อได้ฟังเสียงรายงานตัวเองหน้าห้องแล้วเป็นคนที่รู้จักดี
“เข้ามาได้”
“ฮ่าห์!”
ประตูถูกแง้มเปิดอย่างแผ่วเบาและปิดลง
ปรากฏเป็นร่างของชายตัวเล็กผู้มีเรือนผมสีทองตัดสั้นทรงบ๊อบตรงสลวยยืนถือเอกสารบางอย่างอยู่แนบอก
“ผมสืบค้นข้อมูลของเอเลนมาให้แล้วครับหัวหน้า”
อาร์มินเอ่ยรายงานพลางวางเอกสารต่างๆลงบนโต๊ะ
“รายงานโดยคร่าวๆมาพอเข้าใจ”
“เอเลนเป็นเด็กธรรมดาๆครับ”
“ข้อมูลจริง?”
“ครับ
ข้อมูลทั้งหมดเป็นของจริง เชื่อมือผมได้เลย”
“ฉันเชื่อมือเธออยู่แล้ว
ก็เธอมันสุดยอดผลงานที่ฉันภาคภูมิใจ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
“แจน
กิลชูไตน์”
“ครับ!”
เอลวินเอ่ยเรียกอีกคนที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาทั้งหมดอยู่ภายในห้อง
“พรุ่งนี้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเด็กคนนั้นแทนมิคาสะ
เรียกตัวมิคาสะมาด้วย เพราะฉันมีงานสำคัญให้เขาทำ”
“รับทราบครับ
ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ผมขอตัว...”
“เดี๋ยวก่อน”
“...”
“อารมณ์ร้อนของนาย
หัดทำให้มันสงบลงซะบ้างก็ดี ไม่อย่างนั้น...คราวหน้าฉันจะปล่อยให้เรื่องนี้ไปถึงหูรีไวซะดีไหม?”
“เหวอ! ย...อย่านะครับ!
ผมเข้าใจแล้วครับ ข...ขอแค่อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูหัวหน้ารีไวเลยนะคร้าบบบ!”
ใครๆในแก๊งนี้ก็รู้ว่าการถูกอบรมณ์โดยหัวหน้ารีไว...มันนรกชัดๆ!...จนบางทีหลายคนก็สงสัยว่า...ระหว่างหัวหน้าเอลวินและหัวหน้ารีไว
ใครกันแน่!! ที่เป็นผู้นำแก๊งตัวจริง!!!
____________________________________จบตอนที่ 3
ตอนนี้แอบลดเรทลงมาระดับหนึ่งจะมีใครรู้ไหมน้า
ลูทนี้เป็นลูทของมิคาสะ ไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก เรื่อยๆเอื่อยๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์เช่นเคยค่า >_<
สำหรับคนที่ติดตามเรืองนี้ ไม่รู้ว่าจะผิดหวังกับตอนนี้รึเปล่าเพราะมันช่างเอื่อยเหลือเกิน บทบรรยายเยอะเกิ๊น! พลังหื่นถูกเรื่อง ฟิคชั่นเป็นเหตุ สูบไปหมดแล้ว แต่งต่อแทบไม่ออก เอิ้กๆๆๆ
ตอนหน้า....เอ่อ...เป็นลูทของแจน ศัตรูที่แค่เห็นหน้าเอเลนก็ไม่ถูกชะตาด้วยค่ะ
กำหนดลงเหรอ? ไม่มี๊...//โดนตบตาย
ข้าน้อยจะวนเวียนอัพอยู่สองบล็อก บล็อกนิยายกับบล็อกโดจินของข้าน้อยเจ้าค่ะ ถ้าไม่อัพสักบล็อกแปลว่า...........อู้.........//ย่องหนีออกไปอย่างเงียบๆ แฮ่ๆ
=w= สุดท้ายเอเลนจะจบกับใครหนอ อยากให้จบกับรีไวไม่ก็มีคาสะแหะ ฮ่ะๆ
ตอบลบ//อยากอ่านต่อ #โดนปิดปากลากหายไป
นั่งรอมานาน ในที่สุดก็มาเสียทีนะเจ้าคะ!!~
ตอบลบอืม...รูทของมิคาสะก็ไม่เลวนะเจ้าคะ น่ารักดี มีการเจ๊...เอิ่ม...อันนี้ เฮียสินะ เฮียฮีนซี่โผล่มาด้วยนิดนึง แต่โผล่มาทีก็หื่นซะ
แต่รูทของแจนนี่ท่าทางจะทะเลาะกันทั้งตอน หื่นกันทั้งตอน หรือไม่ก็รั่วมันทั้งตอน(อาจทั้งหมดมั้ง)
มาอัพต่ออีกเร็วๆนะเจ้าคะ...ถ้าอู้ก็...(แปลว่าตูต้องนั่งรอสินะ)...แต่ก็จะรอและเป็นกำลังใจให้เสมอนะเจ้าคะ จุ๊บุ๊ๆ~
รอมาให้อัพตั้งนานในที่สุดในที่สุดมาอัพจนได้//จุดพุล
ตอบลบขอให้ตอนต่อไปมาเร็วๆนะคะ
อ๊าๆๆ ติดงอมแงมแล้วครับ ><
ตอบลบไรท์เตอร์สุดยอดเลย สู้ๆนะครับ
ติดมากเลยนะครับ
ตอบลบอัพเร็วๆน้าาาา
ผมรออยู่!!!!!!
ฟินจนเลือดหมดตัวแล้วนะครับ
เย้ๆ
ตอบลบจะรอติดตามตอนต่อไปนะ!!!
โฮ่ยๆๆ ป๋ารีกับหนูมิคาโดนเอเลนattack ไปแล้วสองราย แหมๆก็เอเลนน่ารักน่าหม่ำซะ
ตอบลบแจนนี่ก็ซึ้นซึน รู้สึกว่าตอนนี้มิคสะจะทำคะแนนนำอยู่นะฮ่าๆๆ รองมาคือเฮย์โจว(รึเปล่า?)
แล้วหนูเอจะได้คู๋กับใครหว่า (อยากให้คู่กับทุกคนเลยอ่ะ ชอบ allEren)
สนุกคุ้มกับที่รอเลย
มาอัพต่อน้าาาาาาาาาาา
สนุกจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้
ตอบลบยัยหนูลูกกก 55555
ตอบลบ