วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[Fic] Attack on Titan : เนื้อคู่ ประตูไหนดี ตอนที่ 4 (All Eren)



Fiction : Shingeki no Kyojin (Attack on Titan)
Title : เนื้อคู่ ประตูไหนดี
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : All Eren
Rating : PG-13
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -






ตอนที่4


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“มิคาสะ! เฮ้! อยู่รึเปล่ามิคาสะ!

ในชั้นที่ 59 ของโรงแรมหรู ณ ที่หน้าประตูด้านขวาสุด ได้มีร่างอรชรร่างนึ่งกำลังยืนเคาะประตูห้องนอนด้วยความมีน้ำโหเมื่อคนที่ตนเรียกไม่ยอมออกมาเปิดประตูต้อนรับหรือแม้แต่คำขานตอบสักคำก็ยังไม่มี ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดเอาไว้แท้ๆว่าถ้ามีอะไรก็ให้มาหาที่ห้องข้างๆได้ทุกเมื่อ แต่นี่อะไรกัน เคาะตั้งนานยังแล้วไม่เห็นมีปฏิกริยาอะไรเลยสักนิด นี่เขาชักจะยั๊วะแล้วนะ!

เอเลนยกขาขึ้นถีบประตูด้วยแรงโมโห แต่ทว่าในตอนนั้นเองที่ประตูได้เปิดออกอย่างแรงพร้องมด้วยร่างหัวสีน้ำตาลอ่อนฟูฟ่องกำลังยืนยีหัวปั้นหน้าหงุดหงิดอ้าปากเตรียมจะด่าไอ้คนที่มารบกวนการนอน แต่ทันใดนั้นเอง ความง่วงงุนต่างๆก็พากันกระเด็นพากันหนีหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อฝ่าเท้าเล็กๆแต่โคตรหนักเตะผลัวะเข้าที่กล่องดวงใจแสนรักแสนหวงอย่างแรงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันเป็นเพราะมันหยุดไม่อยู่ต่างหาก ก็คนมันเท้าหนัก...

“จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” แจนกรีดร้องอย่างโหยหวนยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงในบ้านผีสิง

และในวันนั้น...เป็นวันที่แจนได้รู้ซึ้ง...ถึงรสฝ่าเท้าอันหนักหน่วงของคนน่ารักที่กำลังโมโห...

“อ้าว แจนเองเหรอ มิคาสะไปไหนซะล่ะ” เอเลนยืนทำหน้าตายมองคนที่ลงไปนอนกุมบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างด้วยความเจ็บปวดสุดฤทธิ์อย่างไม่รู้สึกรู้สาหรือแม้แต่ความเห็นใจสักนิดก็ดูท่าจะไม่มีให้

“ก...แก...แก๊!! ไม่ขอโทษแล้วยังถามหาคนอื่นหน้าตาเฉย มันจะเกินไปหน่อยเล้ว! พูดขอโทษฉันออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย!!

“เอ๋ ขอโทษทำไม? ทำไมต้องขอโทษ? มันเป็นความผิดนายเองไมใช่เหรอที่มาเปิดประตูให้ฉันช้า แล้วอีกอย่างนายก็ผิดที่เปิดประตูออกมาไม่โดยดูตาม้าตาเรือให้ดีซะก่อน โดนไปก็สมแล้วนี่”

“แก...หน็อย!” แจนน้ำตาแทบเล็ด จุกจนพูดแทบไม่ออก เอเลนเดินตัวลอยละล่องเข้าห้องโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้องไปนั่งที่โซฟาตัวหรู

ตาคู่โตกวาดไปมองรอบห้องที่ดูท่าจะหรูหรากว่าห้องที่เขาอาศัยอยู่ มันถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์เป็นแบบที่เอเลนชื่นชอบพอดิบพอดี แปลวาคนแต่งห้องนี้ต้องมีความชอบเหมือนเขาแน่ๆ

“นี่ แจน ใครเป็นคนแต่งห้องนี้อ่ะ” เอเลนหันไปถามคนหนุ่มที่กำลังเกาะกำแพงพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากอย่างน่าสงสาร แต่สำหรับเอเลนแล้วถึงจะไม่ได้ตั้งใจทำ แต่ก็โคตรสะใจ

“ก็มีฉัน มิคาสะ แล้วก็อาร์มินช่วยกันแต่ง นายถามทำไม”

“เปล่า แค่จะบอกว่าสวยดี”

“แล้วนายมาทำอะไร” แจนล้มตัวลงนั่งโซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับเอเลนพลางยีหัวหาวหวอดๆอย่างคนอดนอน

“มาหามิคาสะ”

“มาทำไม หมอนั่นไปทำงานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

“อ้าว ก็ไหนมิคาสะบอกว่าวันนี้อยู่ไง”

“งานด่วนน่ะ มิคาสะไม่อยู่นายก็กลับไปได้แล้วไป ฉันจะนอน” แจนโบกมือไล่

เอเลนทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจที่มิคาสะผิดสัญญา เพราะเมื่อวานเอเลนขอร้องให้มิคาสะช่วยสอนการต่อสู้ป้องกันตัวให้หน่อย แล้วมิคาะก็สัญญาอย่างดิบดีว่าจะสอนให้พรุ่งนี้แน่นอน แล้วพรุ่งนี้ที่ว่าก็คือวันนี้ แถมยังหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวกันอย่างนี้อีก

แต่แล้วสมองน้อยๆของเอเลนพลันปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาสีเขียวกลมโตเหลือบมองคนที่นั่งเกาหัวเกาพุงแกร๊กๆพลางหาวหวอดๆเหมือนพวกตาลุงแก่ๆอย่างไม่มียางอาย ปากขากรรไกรแสนคมเฉียบและฉับไวโพล่งขึ้นมาโต้งๆจนแจนเกือบหน้าหงาย

“งั้นเป็นนายก็ได้ แจน!” เอเลนตะโกนลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังลั่นจนแจนเงยขึ้นหน้าขึ้นมามอง “นายช่วยสอนฉันต่อสู้หน่อยดิ!

ดวงตาทอประกายวาววับเปี่ยมไปด้วยความหวัง ดูท่าเจ้าตัวคงลืมเรื่องที่ได้ประทุษร้ายเจ้าน้องชายของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว ถ้าจะปฏิเสธออกไปก็ดูจะน่าสงสารไปหน่อย แต่ถ้าตอบตกลงออกไป เขารู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าความสงบสุขภายในชีวิตนี้ของเขาคงกำลังจะได้หมดในไม่ช้า

“แจน” เอเลนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะต้องการฝึกจริงๆจึงทำให้เผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว แจนแทบหยุดหายใจให้กับความน่ารัก หัวใจเริ่มอ่อนปวกเปียกกลายเป็นของเหลว

“ก็ได้ๆ แต่ขอบอกไว้กิ่นเลยว่าฉันฝึกโหดนา”

ทันทีที่ตอบตกลง เอเลนมีท่าทางกระโดดโลดเต้น รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้า แสงแดดส่องลอดผ่านจากช่องหน้าต่างช่วยขับให้มันเป็นประกาย แจนตกตะลึงอึ้งค้างจนแทบลืมหายใจ เพราะว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งมองมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขาหลงใหล เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบัง รู้สึกได้ว่ามันสว่างจ้าเกินไป เกินกว่าที่คนที่อยู่แต่ในโลกมืดอย่างเขาจะเอื้อมถึง

“นางฟ้าชัดๆ”

ถ้อยคำเปรียบเปรยถูกเอ่ยออกมาแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบางๆ การทำให้เอเลนดีใจได้มันก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ

“ขอบใจนะ...แจน”

รอยยิ้มตรงหน้านี้ เป็นรอยยิ้มที่เอเลนมอบให้เขาแต่เพียงผู้เดียวใช่ไหม?



“ช้าชะมัด จะให้บอกกี่ครั้งกี่หนกันว่านายเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นมากไปแล้วน่ะ!

แจนตะโกนดุเอเลนที่ถูกรวบมือขึ้นเหนือหัวในท่ายืนโดยเขาเองเป็นรอบที่ร้อย เอเลนยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย รู้สึกล้าไปทั่วทั้งร่าง

“อีกอย่างนายก็ออกแรงมากเกินจำเป็น เคลื่อนไหวมากไปแบบนี้คู่ต่อสู้ก็เดาทางนายออกหมดน่ะสิ”

“ชิ งั้นเอาใหม่!

เอเลนสะบัดตัวให้หลุดจากการกอบกุมไปตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ท่าทางยืนเกาหัวแกรกๆของแจนนั้นช่างกระตุ้นต่อมหงุดงิดของเอเลนได้เป็นอย่างดี เพราะดูท่าว่าคนๆนี้จะไม่ได้ตั้งใจสอนการต่อสู้ให้เขาอย่างที่ปากพูดเลยแม้แต่น้อย

ร่างบางของเอเลนพุ่งตัวด้วยเข้าไปด้วยความเร็วระดับธรรมดาในสายตานักฆ่าอย่างแจน หมัดแรกถูกปล่อยออกไป แจนเอี้ยวตัวหลบหลีกเพียงนิดก็สามารถทำให้หมัดเล็กๆนั้นพลาดจากตัวเป้าหมายได้ หมัดที่สองถูกปล่อยตาม แจนทำแค่เพียงรับมือเล็กนั้นแล้วปัดทิ้งจนทำให้เอเลนเสียหลัก และเป็นจังหวะให้แจนเข้าไปตลบหลังคนไร้การป้องกันตัวได้ด้วยการล็อกคอ

“พอแล้วน่า ไอ้การเคลื่อนไหวแบบบ้าบิ่นเนี่ย”

“ปล่อยนะเฟ้ย!

“เอ้า! บทเรียนต่อไป ถ้าถูกล็อกคอจากด้านหลังนายจะทำยังไง”

“อ...อึก!

เอเลนพยายามใช้สองมือแกะแขนของแจนที่ล็อคคอของตนเองออก แต่ไร้ผลเมื่อแจนส่งแรงดึงล็อคให้แน่นยิ่งกว่าเดิมจนเอเลนแทบหายใจไม่ออก เอเลนเริ่มอ่อนแรงลงเนื่องจากเริ่มขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแจนจึงรีบปล่อยให้เป็นอิสระ เอเลนไอโขลกทรุดลงกับพื้นจนแจนต้องนั่งคุกเข่าลูบหลังให้กับอีกฝ่าย

“เป็นอะไรมากรึเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วงแต่กลับถูกดวงตาหวานสวยช้อนมองอย่างคาดโทษ “เอ่อ โทษทีๆ เผลอหนักมือหน่อย”

“ล...แล้วมันทำยังไงถึงจะหลุดได้” เอเลนก้มหน้าก้มตาถาม รู้สึกอายนิดๆเมื่อแพ้อีกฝ่ายอย่างหมดท่า ถ้าจำไม่ผิดท่าที่แจนใช้เมื่อกี๊นี้เป็นท่าที่ชายตัวใหญ่เคยใช้ล็อคคอเขาอยู่เมื่อคืน

“วิธีแก้ก็มีหลายแบบนะ ยืนขึ้นมาสิเดี๋ยวจะสอนให้”

เอเลนยืนขึ้นจนเต็มความสูงอย่างว่าง่าย แจนค่อยๆใช้ท่อนแขนแกร่งโอบล็อคคอเอเลนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแผ่วเบา เพื่อพยายามทนุถนอมคนร่างบางอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้แตกหัก

“ถ้านายโดนล็อกไว้อย่างนี้ มันทำให้นายเคลื่อนไหวไม่สะดวก แต่ว่ามือกับขานายไม่ได้ถูกตรึงเอาไว้นี่ นายก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ซะสิ”

“ยังไงอ่ะ”ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“ขั้นแรก นายใช้สองมือจับท่อนแขนที่ล็อคคอนายไว้ แบบนี้” แจนกุมมือของเอเลนทีละข้างให้ขึ้นมาเกาะเกี่ยวท่อนแขนของเขา

กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายในอ้อมกอดลอยฟุ้ง สติของแจนเริ่มเหม่อลอยทีละนิด ใบหน้าก้มลงต่ำหวังซุกไซร้สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาวระหงส์นั้น แต่ทว่า...

“นี่แจน เหม่ออะไรอยู่ แล้วขั้นต่อไปล่ะ!

“เอ๋? เอ่อ...อ่า...ด...ได้ๆ”

เสียงใสทุ้มต่ำเล็กน้อยในแบบเด็กหนุ่มวัยรุ่นเรียกสติของแจนให้บินลอยกลับเข้าที่เดิม แจนออกอาการเอ๋อเล็กน้อยพลางสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติของตนเองอีกครั้ง

..เกือบไปแล้ว...

“ต่อไปก็ย่อตัวนายเล็กน้อย แล้วตอนนี้ฉันใช้แขนขวาล็อคนายใช้ไหม นายก็วาดขาขวาของนายอ้อมมาอยู่ด้านหลังของฉัน เสร็จแล้วก็บิดตัวหมุนตามขานายไป”

เอเลนทำตามที่แจนบอก และแล้วก็สามารถหลุดจากการการเกาะกุมได้ “ทำได้แล้ว!” เอเลนอมยิ้มน้อยๆด้วยความดีใจอย่างน่ารัก จนแจนมองเหม่ออย่างหลงใหลอีกครั้ง

“แจน เอาท่าต่อไปเลย เอาแบบว่าซัดจนอีกฝ่ายลุกไม่ขึ้นอะไรแบบเนี้ยอ่ะ หึๆๆๆๆ”

“นายนี่มัน... ก่อนจะซัดคนอื่นคว่ำได้ ฉันว่านายได้คว่ำแทนมากกว่ามั้ง” ปากชวนหาเรื่องเหมือนถูกติดตั้งโปรแกรมออโต้ดันไปกระตุ้นต่อมเหม็นขี้หน้าคนแถวนี้ของเอเลนให้ทำหน้าที่ขึ้นอีกครั้ง

“หน็อย ไอ้บ้าแจน! ฉันนจะคว่ำนายให้ดู! ย้ากกกก!!!” เอเลนพุ่งตัวไปหาแจนโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือบางกระชากจับปกเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมากออกแรงเหวี่งหวังทุ่มลงพื้น

“เหวอ!” แจนร้องตกใจออกมานิดๆ แต่ทันทีที่ตั้งตัวได้ก็ถึงกับต้องหายใจออกมา ก็ในเมื่อคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าแม้จะออกแรงจนสุดกำลังแล้วก็ยังไม่แม้แต่จะทำให้ตัวเขาขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่เซนฯเดียวเลยเนี่ยสิ

“อ่อนชะมัด”

“หน็อย! ไม่ยอมแพ้หรอก!” เอเลนยังดื้อดึงไม่ยอมแพ้ แจนอยากจะเตือนเหลือเกินว่าถ้าจะทุ่มคนตัวใหญ่กว่าต้องทำให้เสียการทรงตัวซะก่อน แต่คิดแล้วคิดอีกไม่เอาดีกว่า เพราะไม่งั้นคราวนี้เขาได้โดนทุ่มลงพื้นจริงๆแหงๆ เอเลนก็ใช้ว่าจะแรงน้อยเหมือนร่างกายที่เล็กๆนั่นซะที่ไหนกันเล่า ดูอย่างหัวหน้ารีไวสิ ตัวก็กระเปี๊ยก แต่แรงนี่อย่างกะก๊อตซิลล่ากลับชาติมาเกิด

...มนุษย์เนี่ย ยิ่งตัวเล็กเท่าไหร่แรงยิ่งมากขึ้นรึไง เหมือนมดตะนอยรึเปล่า ตัวกระจิ๋วเดียวยกใบไม้ที่ใหญ่กว่าตัวมันเองได้ด้วย นั่นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน... แจนคิด

“เฮ้อ” แจนถอนหายใจเมื่อกำลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องไร้สาระเลือกเปลี่ยนเรื่องคุย “กลางวันแล้วไปกินข้าวกันเหอะ”

“แต่ฉันยังไม่หิวนี่”

แจนผละตัวออกจากห้องยิมส่วนตัวที่อยู่ในห้องของตัวเองออกมา เอเลนเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะสนใจเขาอีก ทีแรกก็กะจะลากตัวมาซ้อมต่อ ถ้าไม่ติดว่าท้องมันดันร้องประท้วงซะก่อนล่ะก็นะ

ร่างสูงกว่าหัวเราะคิกทำใบหน้าเยอะเย้ยกวนประสาท จนเอเลนหมันไส้นึกแค้นในใจว่าสักวันะตั๊นหน้าหมอนั่นให้หงายให้ได้แน่นอน



“นี่ เอเลน ทำไมนายถึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้น” แจนเอ่ยถามข้อข้องใจที่มีต่อเอเลน เอเลนไม่จำเป็นต้องไปสู้กับใคร ฉะนั้นแค่การเรียนศิลปะการป้องกันตัวพื้นฐานก็น่าจะพอแล้วนี่

เอเลนเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามอง แววตามุ่งมั่นส่อแววเคียดแค้นนั้นทำเอาแจนสะดุ้งเฮือกไปวูบหนึ่ง ความเคียดแค้นชิงชังมากมายนั้นมาจากไหนกัน?!

“ฉันน่ะ...ไม่ว่ายังไงก็มีคนที่ชาตินี้จะไม่มีวันลืม ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้มันรู้สำนึกในสิ่งที่มันเคยกระทำและคลานมาคุกเข่าขอโทษแทบเท้าฉันให้ได้! พวกคนชั่วน่ะมันไม่สมควรอยู่บนโลกนี้!

ประโยคนั้นดั่งคมมีดกรีดลึกลงในจิตใจ คนชั่วที่เอเลนว่ามานั้นถ้าคิดให้ดีมันก็นับรวมพวกเขาด้วย ทั้งฆ่าคน ทั้งลักขโมย ทั้งปล้นสะดม ทั้งข่มขืน รวมถึงการพนันทุกรูปแบบ มีพวกเขาก็เป็นคนครอบครองบงการอยู่เบื้องหลังเกือบทั้งนั้น เรียกว่าชั่วโดยสมบูรณ์อย่างปฏิเสธไม่ได้ในสายตาของคนธรรมดา

พวกเขาเป็นมาเฟีย เอเลนคงลืมไปแล้วแน่ๆว่ามาเฟียคือสิ่งที่ร้ายกาจแค่ไหน ถึงได้พูดคำนั้นออกมาตรงหน้าคนชั่วอย่างเขาได้ง่ายดายนัก ช่างอ่อนหัด วงจรความคิดของคนตรงหน้าช่างอ่อนหัดเกินไปแล้ว ไอ้ความคิดที่แค่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้คนชั่วมาคุกเข่าต่อหน้าน่ะ สักวัน...มันจะเป็นห่วงผูกคอตัวเองและทำให้พังทลายลงอย่างง่ายดาย...เพราะคนชั่วน่ะ มันมีแต่เล่ห์เหลี่ยมที่เด็กอ่อนหัดอย่างเอเลนไม่มีทางไล่ตามทันได้หรอกนะ

“งี่เง่าน่ะ อย่างนายเนี่ยนะจะทำได้ โง่เกินคำบรรยาย”

“นายว่าไงนะไอ้บ้า!

“ก็ฉันบอกว่านายมันโง่ไง ไอ้บ้าที่รีบไปตาย! เฮอะ! ฉันไม่สอนการต่อสู้ให้นายแล้ว! ลาล่ะ บาย!

แจนลุกขึ้นก้าวเดินออกไป เอเลนเหลือกตาโตเท่าไข่ห่านคว้าหมับจับเข้าที่แขนเสื้อของแจนอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นๆ

“ปล่อยสิฟะ ก็บอกว่าไม่สอนก็คือไม่สอน นายไม่ต้องมารั้งฉันไว้เลย”

“เดี๋ยวก่อนดิวะ พาคนอื่นเข้ามากินอาหารในภัตตคารหรูแล้วหาข้ออ้างชิ่งหนีโดยไม่จ่ายตังเนี่ยนะ! จะให้บอกไหมว่าฉันไม่มีเงินนะโว้ย!” เอเลนตะโกนลั่นด้วยความหงุดหงิด เรื่องที่ผิดคำพูดจะยกเลิกการฝึกศิลปะการต่อสู้กับเขานั้นเอาไว้ก่อน แต่ที่สำคัญคือต้องให้ไอ้คนที่คิดจะกินแล้วหนีทิ้งเขาไว้คนเดียวรับผิดชอบในการจ่ายเงินค่าอาหารแพงหูฉี่!

“จ...จะพูดเสียงดังทำไมวะ ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างรึไง!” แจนเริ่มหน้าขึ้นสีเมื่อคนที่อยู่รอบข้างต่างพากันมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆแล้วพากันหันไปกระซิบกระซาบนินทาอย่างเสียงดังโดยไม่เกรงว่าคนโดนนินทาจะได้ยิน

“ว๊าย ดูนั่นสิเธอ สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันเหรอ”

“ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ!

“นี่ อีกคนหน้าไม่อาย กินแล้วชักดาบด้วยแหละคุณ สงสารเด็กน่ารักคนนั้นจัง”

“หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัดเลยอ่ะไอ้คนหัวทองหน้าม้านั่น”

และอีกหลายๆคำครหาที่ลอยเข้ามาในโสตปรสาทการรับรู้อย่างไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มแทบจะมุดดินหนีควักกระเป๋าตังหยิบแบงค์พันขึ้นมาสามใบวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับเดินไปกระชากแขนเจ้าตัวการลากออกมาจากภัตตราคารหรูแห่งนั้นทันที

“นาย! จะพูดแบบนั้นทำไมหา! ฉันเสียหายนะเว้ย!

“อ้าว ก็นายอยากทิ้งฉันทำไมเล่า เงินก็ไม่ยอมจ่าย”

“วันหลังก็บอกมาดีๆสิวะ ฉันก็แค่ลืม!

“เฮอะ ฉันก็นึกว่านายจะกินแล้วหนี ใครจะรู้กัน ฉันถือคติว่าด้านได้อายอด”

“นายนี่มันมัน...เฮ้อ!” แจนถึงกับกุมขมับเป็นรอบที่สองร้อยล้าน การพูดคุยกับคนบ้าให้เข้าใจมันยากกว่าการพูดให้ลิงเข้าใจซะอีก ถึงหน้าตาจะน่ารักแต่ก็ดื้อโคตร!

“แล้วการต่อสู้...”

“ไม่สอนเฟ้ย!

“ได้ไง ก็ตอนแรกนายบอกจะสอนฉันเองนี่ แล้วจะมาล้มเลิกกลางคันเนี่ยนะ!

“เออ!

“ชิ ไอ้พวกไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้ามิคาสะกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะให้มิคาสะสอน!

“ตามใจ...” แจนกำลังจะพูดว่า ตามใจนายแต่เมื่อมาคิดดูให้ดีแล้วจะให้คนอื่นมาฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวคนร่างบางได้อย่างไรกัน มิคาสะก็รูปงาม สุภาพบุรุษ เก่งการต่อสู้ยิ่งกว่าเขาซะอีก นี่ถ้าให้หมอนั่นมาสอนเอเลนล่ะก็เขาต้องแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง อีกอย่างการสอนศิลปะการต่อสู้ให้เอเลนมันเป็นโอกาสที่ทำให้คนหัวดื้อว่าง่าย ยอมเชื่อฟัง และพูดกับเขาดีๆโดยที่ไม่ค่อยทะเลาะกันอีกต่างหาก

...ง่ายต่อการทำแต้มที่ติดลบไปตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกให้กลายเป็นบวก...



“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

เสียงตะโกนดังลั่นของเอเลนพร้อมร่างที่พุ่งเขาหาร่างสูงกว่า ออกวาดลวดลายที่เพิ่งได้เรียนจากเป้าหมายที่กำลังซ้อมมือด้วย

“ใช้ได้นี่ ฝึกแค่วันเดียว แต่...” แจนเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยใช้ท่อนแขนแกร่งยกขึ้นกันทั้งหมัดมวยและท่อนขาที่ถูกเหวี่ยงมา “ยังเคลื่อนไหวได้สิ้นเปลืองเหมือนเดิม”

“ชิ! ห...เหวอ!!” เอเลนสบทเล็กน้อย แต่อยู่ดีๆกลับต้องเปลี่ยนเป็นร้องเสียงหลงเมื่อร้องเท้าแตะที่ใส่ทำให้เอเลนลื่นเหงื่อจนหงายหลัง แจนตกใจวิ่งเข้าไปรับแต่กลับถูกเอเลนดึงให้ล้มตึงลงไปด้วยกันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

ในตอนนี้ทั้งคู่ล้มอยู่ในท่าที่แจนนอนทับเอเลนอยู่ด้านบน เสียงหอบหายใจดังเล็ดลอดออกมาจากทั้งคู่หลังจากตั้งสติได้ เอเลนรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นที่รองรับป้องกันแรงกระแทกจากพื้นกระเบื้อง นี่แปลว่าเขาถูกแจนช่วยไว้สินะ ไม่เช่นนั้นหัวคงได้กระแทกพื้นจนแตกแน่ๆ

“ข...ขอบใจ” เสียงพึมพำแผ่วเบาอย่างอายๆ รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อต้องพูดขอบคุณให้กับคนที่คิดว่าไม่ถูกชะตาด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆแบบอบอุ่นจากตัวของคนที่มีอายุใกล้เคียงกันลอยมาแตะจมูก เอเลนเผลอซุกไซร้ใบหน้าเข้าแนบชิดอกแกร่งที่กำลังมีเสียงหัวใจเต้นระรัวดังราวกับกลองไร้จังหวะจะโคน เสียงนี้นั้นมันทำให้ใจที่ว้าวุ่นของเอเลนสงบลง

แจนทำตัวไม่ถูกเมื่อตัวเองถูกกอดจากคนที่แอบชอบ ไม่เคยคิดฝันว่าเจ้าคนที่ทำท่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขามาตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกจะมากอดเขาแบบนี้

“ฉันชอบกลิ่นนี้จัง” เสียงเบาราวกับสายลมพัดผ่านนั้นไม่อาจรอดพ้นคนหูดีอย่างแจนไปได้ กลิ่นที่เอเลนสูดดมในตอนนี้เป็นกลิ่นน้ำหอมตัวใหม่ที่เขาซื้อมาเมื่อวาน สรรพคุณของมันเขาลืมไปแล้วที่จำได้พอติดหูก็มีแต่ Love อะไรสักอย่าง แต่ที่เขาซื้อมันมาใช้ไม่ใช่เพราะสรรพคุณของมัน แต่เป็นเพราะเขาชอบกลิ่นนี้มากต่างหาก

“แจน” เสียงที่มักจะเรียกชื่อเขาอย่างแข็งกระด้างตอนนี้มันกลับอ่อนลงเหมือนเป็นลูกอ้อน เจ้าของชื่อหน้าแดงซ่านเมื่อหลุบลงเห็นดวงตาหวานฉ่ำหายใจรวยรินอย่างต้องการบางสิ่งบางอย่าง เอเลนสะบัดหัวไปมาด้วยความมึนงง สายตาพร่าเบลอแหงนมองดวงหน้าคมสันที่ดูแปลกไป

“แจน” เรียกเสียงอ่อยอีกครั้งจนแจนสะดุ้ง จู่ๆคนดื้อดึงมาเรียกชื่อเขาแบบนี้ด้วยท่าทางที่เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนแบบนี้แล้วมัน...

“เอเลน ฉันว่านายไปพักดีกว่านะ” แจนดึงตัวเอเลนให้ลุกขึ้นนั่ง ตบแก้มเบาๆเรียกสติ เอเลนส่ายหัวเหมือนไม่อยากจะพักขยุ้มเสื้อแจนแน่นจนแกะไม่ออก แจนเริ่มเหงื่อตก

“แจน...มึนหัว ฉันเป็นอะไร...”

“นาย...เป็น...เอ่อ...เป็น...เป็น...” แจนพูดติดอ่าง จะให้บอกได้อย่างไรว่าอาการที่เอเลนเป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนอาการของคนที่กำลังมีอารมณ์จากการโดนยา แต่ทั้งวันเอเลนก็อยู่แต่กับเขา ไม่น่าจะไปโดนที่ไหนได้ งั้นก็แสดงว่า...

แจนยกเสื้อขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมที่ติดเสื้อของตนเอง สมองสั่งการประมวลผลอย่างรวดเร็ว สรรพคุณที่พนักงานขายเคยพูดกรอกหูให้ฟังแล่นซ้ำเข้ามาอีกรอบ พอถึงตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกอยากจะทำอะไรคนในอ้อมแขนนี้บ้างแล้ว อยากจะจูบ อยากจะลูบไล้ อยากจะประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่เอเลนเต็มใจเพราะฤทธิ์ยา ไม่อยากฉุดดึงให้ตกต่ำลงมาในโคลนตม และไม่อยาก...ถูกเขา...ถูกเอเลนเกลียด...

ร่างสูงกลั้นใจผลักคนหน้าแดงเพราะฤทธิ์กลิ่นน้ำหอมอันแสนแปลกประหลาดให้ออกห่าง ยกขึ้นอุ้มพาดบ่าออกจากยิมบริการลูกค้าในโรงแรม ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครมองเขาด้วยสายตาอย่างไรที่กำลังแบกผู้ชายด้วยกันไปแบบนี้ แต่ที่สำคัญคือต้องพาเอเลนกลับห้องให้ไวที่สุด

แจนตรงดิ่งขึ้นลิฟท์กดเลขชั้นห้าสิบเก้า เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกในชั้นจุดหมาย แทนที่แจนจะเลี้ยวซ้ายพาคนร่างบางไปส่งห้องของเอเลนเอง กลับเลือกที่จะพาไปห้องของตัวเองในทางขวาแทน

ร่างของเอเลนถูกวางลงในอ่างหรูขนาดใหญ่ น้ำเย็นถูกเปิดให้ท่วมจนถึงคอของร่างระหงนั้น แจนเลือกที่จะเดินออกมากดโทรศัพท์มือถือหาใครบางคนปล่อยให้เอเลนนอนหลับตาพริ้มแช่น้ำสบายใจอยู่อย่างนั้น
คนปลายสายรับโทรศัพท์โดยไม่ต้องให้เขารอนาน

“หัวหน้าเอลวิน ผมแจน กิลชูไตน์ครับ”

[มีธุระอะไร]

“เอเลนเขา...”

[เอเลนทำไม?!] เมื่อชื่อของเอเลนหลุดออกมาเพียงคำแรก ทำให้ผู้สุขุมตลอดเวลา เยือกเย็น และเด็ดขาดอย่างเอลวินถึงกับร้อนรนในน้ำเสียงที่พยายามคุมให้ปกติ

“เขาแค่อาการเหมือนคนโดนยาปลุกครับ”

[ที่ไหน รายงานมา]

“ขณะที่ผมกำลังฝึกการต่อสู้ให้กับเอเลนครับ อยู่ดีเขาก็เกิดอาการนี้ขึ้นมา จากการสันนิษฐานของผมคาดว่าเป็นเพราะน้ำหอมที่ผมใช้ในวันนี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆเดี๋ยวผมจะขอเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวครับ”

แจนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม เดินเข้าห้องน้ำเห็นคนตัวเล็กนั่งสัปหงกอยู่ในอ่างเสียอย่างนั้น
“ให้ตายสิ หลับแบบนี้จะให้ทำไงดีวะเนี่ย” แจนเอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มป่องเหมือนแก้มเด็กเล่นระบายความหมันเขี้ยวที่เก็บสั่งสมมายาวนาน หน้าตาตอนหลับของเอเลนก็ไม่เลวเลยทีเดียว น่ารักจนอยากลักหลับ

เผลอคิดสิ่งอันตรายจึงรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น ตัดสินใจดึงแก้มคนตัวเล็กแรงๆเพื่อปลุกให้ตื่น แต่ดูท่าว่ามันจะแรงไปจนเจ้าตัวเล็กร้องจ๊ากตื่นหันมางับนิ้วเขาทันที และเป็นเขาล่ะทีนี้ที่จะต้องร้องเจี๊ยกแทน...

“นายทำอะไรฉันถึงได้เปียกน้ำแบบนี้หา!” ตื่นมาได้ก็โวยวายทันที จำได้ว่าเขาถูกแจนแบก แล้วตื่นมาอีกทีกลับมาอยู่ในอ่างอาบน้ำซะงั้น แต่ว่า...ทำไมเขาถึงไม่ขัดขืนตอนแจนแบกเขามานะ มันเพราะอะไร

เอเลนเก็บความสงสัยเอาไว้เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กถูกวางโปะลงบนหัวพร้อมกับคำเอื้อนเอ่ยบอกเวลาหนึ่งทุ่ม ทำให้เจ้าตัวถึงกับผุดลุกขึ้นเลิกคิดสงสัยอะไรก็ตามทันที ขาสองข้างพากกันสับไกวิ่งแจ้นออกจากห้องของแจนไปยังห้องของตน ก็จะอะไรซะอีกล่ะ...นี่มันก็ใกล้จะได้เวลาทำงานแล้วนี่ เขาไม่อยากโดนหักเงินเดือน!

“ไอ้บ้า วิ่งไปแบบนั้นเดี๋ยวก็ลื่นล้มกันพอดี”

พูดไม่ทันขาดคำเสียงดังแผละตรงทางเดินเรียกความสนใจร่างสูงกว่าให้หันไปมอง ปรากฏเป็นเอเลนลื่นล้มหน้าไถลพื้นเป็นเส้นตรงอย่างสวยงาม และเจ้าตัวก็ผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องตัวเองอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ

“งี่เง่า” แต่ก็น่ารัก



“สวัสดีตอนค่ำครับหัวหน้าเอลวิน หัวหน้ารีไว” ห้อง V.I.P. เดิมๆที่กลายเป็นแหล่งซ่องสุมแลกเปลี่ยนข้อมูลของมาเฟียกลุ่มนี้ไปโดยปริยาย แจนโค้งตัวทักทายทั้งคู่เล็กน้อยแล้วเลือกนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามซึ่งมีมิคาสะและอาร์มินนั่งขนาบอยู่

“รายงานสถานการณ์ตอนเกิดเหตุมาสิ” รีไวสั่ง แจนหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าที่มีแก้วเหล้าและที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่ ของสิ่งนั้นมันคือขวดน้ำหอมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มขวด และกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่คู่กัน แจนเปิดกระดาษแผ่นนั้นส่งให้กับหัวหน้าทั้งสองดู

“นี่มัน...” มันเป็นกระดาษที่บอกสรรพคุณของน้ำหอมขวดนี้

“ครับ น้ำหอม Phantom & Lover หรืออีกชื่อคือ คู่นอนลวงหลอก”

“ทำไมของแบนี้มันถึงอยู่ที่นายได้” รีไวถาม

“เมื่อวันก่อนผมซื้อมันมาเพราะชอบกลิ่นของมัน ตอนแรกที่ได้ฟังสรรพคุณจากพนักงานขายผมก็คิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องเกินจริงเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง ไอ้สรรพคุณที่บอกว่าทำให้คนเกิดอารมณ์ได้เพราะน้ำหอมเนี่ย”
“แล้วเรื่องสำคัญที่คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้คืออะไร” เอลวินกอดอกมองขวดน้ำหอมขวดนั้นอย่างไม่วางตา ลางสังหรณ์ที่มีความแม่นยำสูงกำลังทำงาน ดูท่าว่าเจ้าน้ำหอมขวดนี้จะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

“ผมคิดว่าน้ำหอมขวดนี้น่าจะมาจากเจ้าพวกนั้น เพราะไม่นานมานี้ลูกน้องของผมได้ข่าวคราวมาว่าเจ้าพวกนั้นเริ่มขยายอำนาจเข้ามาใกล้เขตของเรามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ของที่พวกนั้นลักลอบเข้ามาขายในเขตเราตอนนี้อาจเป็นแค่น้ำหอมปลุกอารมณ์ แต่อีกหน่อยผมคาดว่าพวกนั้นต้องลักลอบค้ายาข้ามถิ่นอย่างแน่นอนเลยครับ”

“เจ้าพวกนั้นชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว นายจะเอายังไง เอลวิน”

“ในที่สุดพวกมันก็โผล่หางออกมา ปล่อยให้มันเริงร่าไปสักพัก แล้วทางเราจะค่อยๆตะล่อมล้อมมันไว้ทีละนิด  รีไว...ครั้งนี้ฉันจะใช้หน่วยของนาย”

“ไม่มีปัญหา ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกมันหลุดมือไปแม้แต่ตัวเดียว...”



อีกด้านหนึ่งภายในผับ

ชายผู้ครอบครองเรือนผมสีทองสว่างเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดสวยเป็นประกายวาวกล้านั่งหันหลังให้เคาเตอร์บาร์และหันหน้ามองเวที เขาผู้นั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักธุรกิจ ใบหน้าคมสวยหล่อเหลาเรียกสายตาจากคนรอบกายให้หันมาสนใจ แต่เขาก็มิได้ชายตาและมองคนเหล่านั้นสักเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้ดวงตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เด็กชายผมสีน้ำตาลสั้นคนหนึ่งบนเวที

...สวย...

...เซ็กซี่...

...เย้ายวน...

...น่ารัก...

คำจัดกัดความแค่สี่คำนี้คงไม่พอ เพราะเขาไม่อาจละสายตาจากเด็กหนุ่มคนนั้นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ในชีวิตนี้ของเขาไม่เคยมีใครที่จะสะกดสายตาของเขาให้หยุดลงมองได้นานขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกหลงใหลเริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจ และความรู้สึกอยากครอบครองกำลังจะตามมา พลันเอื้อมมือคว้าพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้ตัวกระชากลากเข้ามาใกล้ เอื้อนเอ่ยถามสิ่งอยากรู้ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความมีอำนาจ

“เด็กคนนั้นบนเวที...ผู้ชายผมสีน้ำตาล ตาสวยๆคนนั้น...”

“อ...อ๋อ คือ...เด็กใหม่น่ะครับ ชื่อ เอเลน เยเกอร์ เพื่งเข้าทำงานได้สองวัน” พนักงานหนุ่มตอบออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก แอบเหลือบมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยที่กำลังเหม่อลอยจ้องมองเอเลนอย่างไม่วางตา

พนักงานหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มมาดนักธุรกิจคนนี้กำลังตกหลุมเสน่หาของเด็กคนนั้นเขาให้แล้ว เพราะไม่ได้มีแต่ชายหนุ่มคนนี้คนเดียวที่ถามถึงชื่อของเด็กคนนั้น ตั้งแต่เด็กคนนั้นขึ้นเวทีมาก็มีพนักงานหลายคนถูกลูกค้าดึงรั้งตัวเพื่อถามถึงชื่อของเด็กคนนั้น และคำถามที่คนพวกนั้นมักจะถามในประโยคถัดมาก็คือ...

“เด็กคนนั้น...คิดคืนละเท่าไหร่”

และแน่นอนว่าประโยคเดิมๆที่ตอบออกจากปากของพนักงานหลายๆคนจะเป็นแค่คำว่า...

“เด็กคนนั้นเขาไม่ขายครับ”

“น่าเสียดายนะ”

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ” พนักงานหนุ่มขออนุญาตปลีกตัวออกมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ

ชายหุ่มทำแค่เพียงเหม่อมองต่อไปด้วยความหลงใหล ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มกระตุกยิ้มเพียงน้อยนิดพร้อมกับความคิดชั่วร้ายที่แล่นเข้ามาในหัว

...ถ้าไม่ขายก็ฉุดเอาซะก็สิ้นเรื่อง!...

เสียงริงโทนโทรศัพท์ของชายหนุ่มมาดธุรกิจดังขึ้นขัดความคิดสนุกสนานของตัวเขาเอง เขาหยิบมันขึ้นมากดรับโดยไม่ดูชื่อปลายสายคนโทรมา

“มีอะไร”

[อ...แอนนี่ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน] เสียงละล่ำละลักไม่ค่อยมีความมั่นใจบ่งบอกให้เขารู้ได้อย่างดีว่าใครเป็นคนโทรมา

“นายมีอะไร เบลทรูท”

[วันนี้เป็นวันประชุมแผนการสำคัญนะ]

“รู้! กำลังจะกลับ!” น้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับร่างที่ลุกขึ้นยืนวางสาบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อดังเดิม สายตาเหลือบมองเด็กหนุ่มนามเอเลนป็นครั้งสุดท้าย

“แล้วเจอกันเด็กน้อย ฉันจะมารับตัวนายไปวันหลังก็แล้วกัน เอเลน เยเกอร์!










++++++++++++++++++++++++ จบจอนที่ 4

รูทแจนเอตอนแรกตั้งใจจะแต่งให้รั่วและเซอร์วิสกว่านี้ ไปๆมาๆไหงเป็นแบบนี้ได้น้อ ช่วงนี้หื่นไม่ขึ้นจริงๆ
รูทหน้าใครดี อาร์มินเอลน,ฮันซี่เอเลน =.=;; แหะๆ ชักเลือกไม่ถูก
ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังโดนจิ๊กซอว์พันชิ้นที่ซื้อมาจากงานหนังสือเล่นงาน กุมขมับ รู้สึกชิ้นส่วนหาย โฮ ม่ายยยยย TOT SAD แต่ก็ยังต่อไม่เสร็จ ต่อยากมากมายค่ะ 555

อ่านคอมเม้นต์ตอนก่อนแล้วถึงกับยิ้มเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก >_<!

ตอนนี้ข้าน้อยกำลังลั้ลลากับคลังฟิคของตัวเองที่ได้คืนมาจากคอมพิวเตอร์เก่า ตอนแรกนึกว่าจะหายซะแล้ว แทบร้องไห้ ทั้งฟิคบลีช ฟิคดีเกร์ยแมน ฟิคการิน ฟิคเจ้าชายลูกสักหลาด ฟิคคุโรโกะโนะบาสเก็ต ฟิครีบอร์น ฟิคโวคาลอยด์ ฟิคโคนัน ฟิคโทไกนุโนะจิ และนิยายวายออริอีกนิดหน่อย แต่จะมีใครเชื่อใหมว่าแต่งไม่เสร็จสักเรื่องน่ะ อุโฮะ!









11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 ตุลาคม 2556 เวลา 09:10

    หลังจากนั่งรอมานาน ในที่สุดความอดทนก็สำฤทธิ์ผล!!!~ ฟินนาเล่เลยเจ้าคะ!~
    และหลังจากนั่งตามหามานาน นอกจากรูปแฟนอาร์ตกับโดจินสั้นในเว็บ...ไรหว่า ถ้าจำไม่ผิด pixiv ...มั้งนะเจ้าคะ...แถมญี่ปุ่นยันจีนล้วน...บอกตามตรงว่าอ่านไม่ออก!!!!~ คนแปลก็ไม่มี นอกจากคู่รีไวล์กับเอเลน คู่แจนกับเอเลนก็หายากอยู่นะถ้าไม่นับคุณมิดไนท์-Sama แปล คนอื่นอทบไม่คิดถึงนอกจากโดของอาเฮียรีไวล์กับเอเลน ฟันธงได้เลยว่าเว็บแทบทั้งหมดในประเทศไทยนั้นมีแต่รีไวล์เอเลน!!!(ซึ่งเราก็อวยมากๆอะนะ แต่ส่วนใหญ่ allerenจ้า) เพราะฉะนั้นคู่อื่นจึงเกิดยากมากๆ!!!! (คู่ All Eren ก็หายากนะ มันทรมานกับคนอวย All Eren แบบเรามากเลยเจ้าคะ เลยต้องไปลงเอบกับรีไวล์เอเลนเป็นส่วนใหญ่ แถมฟิค all ที่ลงเอยแบบทุกๆคนได้เคะหมดก็หายาก...แทบกระอักเลือดเลยล่ะเจ้าคะกับการหาฟิคที่ต้องการอะนะ) แต่ที่พล่ามๆมายาวนี่คือจะบอกว่า...ขอบคุณหลายๆที่แต่งฟิคเรื่องนี่นะเจ้าคะ!!!~ ขอบคุณที่มาแต่งต่อและ...ขอบคุณที่อุตส่าห์เอาแอนนี่มาร่วมวงนะเจ้าคะ!!!~(ฟินนาเล่ X2!!!!~)...แล้วมาอัพต่ออีกเร็วๆนะเจ้าคะ~ ^w^ ~

    ตอบลบ
  2. แอนนี่ แอนนี๊....... จบท้ายด้ายแอนนี่ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก มันส์ล่ะทีนี้ เปิดตัวเสือชีต้าตัวใหม่ แค่เห็นครั้งแรกก็กะดักฉุดซะแล้ว สมสโลแกนนะค่ะ มาเฟียรัก .........^___^~♥

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 ตุลาคม 2556 เวลา 18:51

    แอร้ยยยยยย ฟิน >< แต่ แอนนี่เธอมัน มัน....... จะรออ่านตินต่อไปนะค้า ^____^

    ตอบลบ
  4. อั้ยย่ะ ตอนนี้อยู่ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแลนด์แล้ว >///<
    น่าร้ากกกกกมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่ตอนที่เอเลนอ้อนแจนน่ะ -.,- เลือดกำเดาพุ่ง
    แล้วยังจบด้วยแอนี่อีก ฮิ้ววว หนูแอนจะฉุดหนูเอหรอค้าาาาาา *.*
    มันสุดๆ จริงๆค่ะ สู้ๆนะคะจะรอตอนต่อ

    ตอบลบ
  5. แอนนี่ > < //เอนเอียงไปทางแอนนี่ ทำไมโผล่มาหล่อจังงงงงงงงงงง
    แจนนี่ เป็นสุภาพบุรุษกับเอเลนเลย เกิดเป็นแจนต้องอดทน ! โดนใครมาชนต้องไม่ตาย !!

    ตอบลบ
  6. สนุก สนุก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุ้มค่าที่รอมากๆเลย ขอบคุณน่ะ
    จะรอตอนต่อไป

    ตอบลบ
  7. มาต่อเร็วๆน้าาาาา~
    อยากอ่านอีกๆๆๆ ^ ^ ~♡

    ตอบลบ
  8. มาต่อเร็วๆสิเจ้าค้าาารออยู่ *_*

    ตอบลบ
  9. แอนนี่!!!โผล่มาตอนท้ายๆอยากรุจังว่าจะเปนยังไงต่อ ต่อเร็วๆนะคะ

    ตอบลบ
  10. แง่งงงงแง่งงงงงง ไม่กลับมาต่อแล้วหรอรอมาหลายปีแย้วนะ แงงงงงงงงงง;---;

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ14 เมษายน 2567 เวลา 11:55

    โอ้วว เปิดตัวฝั่งนั้นแล้วสินะ

    ตอบลบ