Fiction : Shingeki no Kyojin (Attack on Titan)
Title : เนื้อคู่ ประตูไหนดี
Author : มิดไนท์-Sama
Pairing : All Eren
Rating : PG-13
Warning : ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Note : -
ตอนที่4
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“มิคาสะ! เฮ้! อยู่รึเปล่ามิคาสะ!”
ในชั้นที่
59 ของโรงแรมหรู ณ ที่หน้าประตูด้านขวาสุด
ได้มีร่างอรชรร่างนึ่งกำลังยืนเคาะประตูห้องนอนด้วยความมีน้ำโหเมื่อคนที่ตนเรียกไม่ยอมออกมาเปิดประตูต้อนรับหรือแม้แต่คำขานตอบสักคำก็ยังไม่มี
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดเอาไว้แท้ๆว่าถ้ามีอะไรก็ให้มาหาที่ห้องข้างๆได้ทุกเมื่อ
แต่นี่อะไรกัน เคาะตั้งนานยังแล้วไม่เห็นมีปฏิกริยาอะไรเลยสักนิด นี่เขาชักจะยั๊วะแล้วนะ!
เอเลนยกขาขึ้นถีบประตูด้วยแรงโมโห
แต่ทว่าในตอนนั้นเองที่ประตูได้เปิดออกอย่างแรงพร้องมด้วยร่างหัวสีน้ำตาลอ่อนฟูฟ่องกำลังยืนยีหัวปั้นหน้าหงุดหงิดอ้าปากเตรียมจะด่าไอ้คนที่มารบกวนการนอน
แต่ทันใดนั้นเอง ความง่วงงุนต่างๆก็พากันกระเด็นพากันหนีหายเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อฝ่าเท้าเล็กๆแต่โคตรหนักเตะผลัวะเข้าที่กล่องดวงใจแสนรักแสนหวงอย่างแรงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
แต่มันเป็นเพราะมันหยุดไม่อยู่ต่างหาก ก็คนมันเท้าหนัก...
และในวันนั้น...เป็นวันที่แจนได้รู้ซึ้ง...ถึงรสฝ่าเท้าอันหนักหน่วงของคนน่ารักที่กำลังโมโห...
“อ้าว
แจนเองเหรอ มิคาสะไปไหนซะล่ะ” เอเลนยืนทำหน้าตายมองคนที่ลงไปนอนกุมบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างด้วยความเจ็บปวดสุดฤทธิ์อย่างไม่รู้สึกรู้สาหรือแม้แต่ความเห็นใจสักนิดก็ดูท่าจะไม่มีให้
“ก...แก...แก๊!! ไม่ขอโทษแล้วยังถามหาคนอื่นหน้าตาเฉย
มันจะเกินไปหน่อยเล้ว! พูดขอโทษฉันออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย!!”
“เอ๋
ขอโทษทำไม? ทำไมต้องขอโทษ? มันเป็นความผิดนายเองไมใช่เหรอที่มาเปิดประตูให้ฉันช้า แล้วอีกอย่างนายก็ผิดที่เปิดประตูออกมาไม่โดยดูตาม้าตาเรือให้ดีซะก่อน
โดนไปก็สมแล้วนี่”
“แก...หน็อย!” แจนน้ำตาแทบเล็ด จุกจนพูดแทบไม่ออก
เอเลนเดินตัวลอยละล่องเข้าห้องโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้องไปนั่งที่โซฟาตัวหรู
“นี่
แจน ใครเป็นคนแต่งห้องนี้อ่ะ” เอเลนหันไปถามคนหนุ่มที่กำลังเกาะกำแพงพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากอย่างน่าสงสาร
แต่สำหรับเอเลนแล้วถึงจะไม่ได้ตั้งใจทำ แต่ก็โคตรสะใจ
“เปล่า
แค่จะบอกว่าสวยดี”
“แล้วนายมาทำอะไร”
แจนล้มตัวลงนั่งโซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับเอเลนพลางยีหัวหาวหวอดๆอย่างคนอดนอน
“มาหามิคาสะ”
“มาทำไม
หมอนั่นไปทำงานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“อ้าว
ก็ไหนมิคาสะบอกว่าวันนี้อยู่ไง”
“งานด่วนน่ะ
มิคาสะไม่อยู่นายก็กลับไปได้แล้วไป ฉันจะนอน” แจนโบกมือไล่
เอเลนทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจที่มิคาสะผิดสัญญา
เพราะเมื่อวานเอเลนขอร้องให้มิคาสะช่วยสอนการต่อสู้ป้องกันตัวให้หน่อย
แล้วมิคาะก็สัญญาอย่างดิบดีว่าจะสอนให้พรุ่งนี้แน่นอน
แล้วพรุ่งนี้ที่ว่าก็คือวันนี้ แถมยังหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวกันอย่างนี้อีก
แต่แล้วสมองน้อยๆของเอเลนพลันปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นได้
ดวงตาสีเขียวกลมโตเหลือบมองคนที่นั่งเกาหัวเกาพุงแกร๊กๆพลางหาวหวอดๆเหมือนพวกตาลุงแก่ๆอย่างไม่มียางอาย
ปากขากรรไกรแสนคมเฉียบและฉับไวโพล่งขึ้นมาโต้งๆจนแจนเกือบหน้าหงาย
“งั้นเป็นนายก็ได้
แจน!”
เอเลนตะโกนลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังลั่นจนแจนเงยขึ้นหน้าขึ้นมามอง
“นายช่วยสอนฉันต่อสู้หน่อยดิ!”
“ก็ได้ๆ
แต่ขอบอกไว้กิ่นเลยว่าฉันฝึกโหดนา”
ทันทีที่ตอบตกลง
เอเลนมีท่าทางกระโดดโลดเต้น รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้า แสงแดดส่องลอดผ่านจากช่องหน้าต่างช่วยขับให้มันเป็นประกาย
แจนตกตะลึงอึ้งค้างจนแทบลืมหายใจ เพราะว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก่อน
ยิ่งมองมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขาหลงใหล เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาบัง รู้สึกได้ว่ามันสว่างจ้าเกินไป
เกินกว่าที่คนที่อยู่แต่ในโลกมืดอย่างเขาจะเอื้อมถึง
“นางฟ้าชัดๆ”
ถ้อยคำเปรียบเปรยถูกเอ่ยออกมาแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
การทำให้เอเลนดีใจได้มันก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ
รอยยิ้มตรงหน้านี้
เป็นรอยยิ้มที่เอเลนมอบให้เขาแต่เพียงผู้เดียวใช่ไหม?
“ช้าชะมัด
จะให้บอกกี่ครั้งกี่หนกันว่านายเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นมากไปแล้วน่ะ!”
“อีกอย่างนายก็ออกแรงมากเกินจำเป็น
เคลื่อนไหวมากไปแบบนี้คู่ต่อสู้ก็เดาทางนายออกหมดน่ะสิ”
“ชิ งั้นเอาใหม่!”
เอเลนสะบัดตัวให้หลุดจากการกอบกุมไปตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้
ท่าทางยืนเกาหัวแกรกๆของแจนนั้นช่างกระตุ้นต่อมหงุดงิดของเอเลนได้เป็นอย่างดี เพราะดูท่าว่าคนๆนี้จะไม่ได้ตั้งใจสอนการต่อสู้ให้เขาอย่างที่ปากพูดเลยแม้แต่น้อย
ร่างบางของเอเลนพุ่งตัวด้วยเข้าไปด้วยความเร็วระดับธรรมดาในสายตานักฆ่าอย่างแจน
หมัดแรกถูกปล่อยออกไป แจนเอี้ยวตัวหลบหลีกเพียงนิดก็สามารถทำให้หมัดเล็กๆนั้นพลาดจากตัวเป้าหมายได้
หมัดที่สองถูกปล่อยตาม
แจนทำแค่เพียงรับมือเล็กนั้นแล้วปัดทิ้งจนทำให้เอเลนเสียหลัก และเป็นจังหวะให้แจนเข้าไปตลบหลังคนไร้การป้องกันตัวได้ด้วยการล็อกคอ
“พอแล้วน่า
ไอ้การเคลื่อนไหวแบบบ้าบิ่นเนี่ย”
“ปล่อยนะเฟ้ย!”
“เอ้า! บทเรียนต่อไป ถ้าถูกล็อกคอจากด้านหลังนายจะทำยังไง”
“อ...อึก!”
เอเลนพยายามใช้สองมือแกะแขนของแจนที่ล็อคคอของตนเองออก
แต่ไร้ผลเมื่อแจนส่งแรงดึงล็อคให้แน่นยิ่งกว่าเดิมจนเอเลนแทบหายใจไม่ออก
เอเลนเริ่มอ่อนแรงลงเนื่องจากเริ่มขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแจนจึงรีบปล่อยให้เป็นอิสระ
เอเลนไอโขลกทรุดลงกับพื้นจนแจนต้องนั่งคุกเข่าลูบหลังให้กับอีกฝ่าย
“เป็นอะไรมากรึเปล่า”
ชายหนุ่มร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วงแต่กลับถูกดวงตาหวานสวยช้อนมองอย่างคาดโทษ
“เอ่อ โทษทีๆ เผลอหนักมือหน่อย”
“ล...แล้วมันทำยังไงถึงจะหลุดได้”
เอเลนก้มหน้าก้มตาถาม รู้สึกอายนิดๆเมื่อแพ้อีกฝ่ายอย่างหมดท่า
ถ้าจำไม่ผิดท่าที่แจนใช้เมื่อกี๊นี้เป็นท่าที่ชายตัวใหญ่เคยใช้ล็อคคอเขาอยู่เมื่อคืน
“วิธีแก้ก็มีหลายแบบนะ
ยืนขึ้นมาสิเดี๋ยวจะสอนให้”
เอเลนยืนขึ้นจนเต็มความสูงอย่างว่าง่าย
แจนค่อยๆใช้ท่อนแขนแกร่งโอบล็อคคอเอเลนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแผ่วเบา
เพื่อพยายามทนุถนอมคนร่างบางอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้แตกหัก
“ถ้านายโดนล็อกไว้อย่างนี้
มันทำให้นายเคลื่อนไหวไม่สะดวก แต่ว่ามือกับขานายไม่ได้ถูกตรึงเอาไว้นี่ นายก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ซะสิ”
“ยังไงอ่ะ”ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ขั้นแรก
นายใช้สองมือจับท่อนแขนที่ล็อคคอนายไว้ แบบนี้”
แจนกุมมือของเอเลนทีละข้างให้ขึ้นมาเกาะเกี่ยวท่อนแขนของเขา
กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายในอ้อมกอดลอยฟุ้ง
สติของแจนเริ่มเหม่อลอยทีละนิด ใบหน้าก้มลงต่ำหวังซุกไซร้สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาวระหงส์นั้น
แต่ทว่า...
“นี่แจน
เหม่ออะไรอยู่ แล้วขั้นต่อไปล่ะ!”
“เอ๋?
เอ่อ...อ่า...ด...ได้ๆ”
เสียงใสทุ้มต่ำเล็กน้อยในแบบเด็กหนุ่มวัยรุ่นเรียกสติของแจนให้บินลอยกลับเข้าที่เดิม
แจนออกอาการเอ๋อเล็กน้อยพลางสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติของตนเองอีกครั้ง
..เกือบไปแล้ว...
“ต่อไปก็ย่อตัวนายเล็กน้อย
แล้วตอนนี้ฉันใช้แขนขวาล็อคนายใช้ไหม นายก็วาดขาขวาของนายอ้อมมาอยู่ด้านหลังของฉัน
เสร็จแล้วก็บิดตัวหมุนตามขานายไป”
เอเลนทำตามที่แจนบอก
และแล้วก็สามารถหลุดจากการการเกาะกุมได้ “ทำได้แล้ว!” เอเลนอมยิ้มน้อยๆด้วยความดีใจอย่างน่ารัก
จนแจนมองเหม่ออย่างหลงใหลอีกครั้ง
“แจน
เอาท่าต่อไปเลย เอาแบบว่าซัดจนอีกฝ่ายลุกไม่ขึ้นอะไรแบบเนี้ยอ่ะ หึๆๆๆๆ”
“นายนี่มัน...
ก่อนจะซัดคนอื่นคว่ำได้ ฉันว่านายได้คว่ำแทนมากกว่ามั้ง” ปากชวนหาเรื่องเหมือนถูกติดตั้งโปรแกรมออโต้ดันไปกระตุ้นต่อมเหม็นขี้หน้าคนแถวนี้ของเอเลนให้ทำหน้าที่ขึ้นอีกครั้ง
“หน็อย
ไอ้บ้าแจน! ฉันนจะคว่ำนายให้ดู! ย้ากกกก!!!”
เอเลนพุ่งตัวไปหาแจนโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือบางกระชากจับปกเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมากออกแรงเหวี่งหวังทุ่มลงพื้น
“เหวอ!” แจนร้องตกใจออกมานิดๆ
แต่ทันทีที่ตั้งตัวได้ก็ถึงกับต้องหายใจออกมา ก็ในเมื่อคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าแม้จะออกแรงจนสุดกำลังแล้วก็ยังไม่แม้แต่จะทำให้ตัวเขาขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่เซนฯเดียวเลยเนี่ยสิ
“อ่อนชะมัด”
“หน็อย! ไม่ยอมแพ้หรอก!”
เอเลนยังดื้อดึงไม่ยอมแพ้ แจนอยากจะเตือนเหลือเกินว่าถ้าจะทุ่มคนตัวใหญ่กว่าต้องทำให้เสียการทรงตัวซะก่อน
แต่คิดแล้วคิดอีกไม่เอาดีกว่า เพราะไม่งั้นคราวนี้เขาได้โดนทุ่มลงพื้นจริงๆแหงๆ
เอเลนก็ใช้ว่าจะแรงน้อยเหมือนร่างกายที่เล็กๆนั่นซะที่ไหนกันเล่า
ดูอย่างหัวหน้ารีไวสิ ตัวก็กระเปี๊ยก แต่แรงนี่อย่างกะก๊อตซิลล่ากลับชาติมาเกิด
...มนุษย์เนี่ย
ยิ่งตัวเล็กเท่าไหร่แรงยิ่งมากขึ้นรึไง เหมือนมดตะนอยรึเปล่า
ตัวกระจิ๋วเดียวยกใบไม้ที่ใหญ่กว่าตัวมันเองได้ด้วย นั่นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน...
แจนคิด
“แต่ฉันยังไม่หิวนี่”
แจนผละตัวออกจากห้องยิมส่วนตัวที่อยู่ในห้องของตัวเองออกมา
เอเลนเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะสนใจเขาอีก ทีแรกก็กะจะลากตัวมาซ้อมต่อ
ถ้าไม่ติดว่าท้องมันดันร้องประท้วงซะก่อนล่ะก็นะ
“นี่
เอเลน ทำไมนายถึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้น” แจนเอ่ยถามข้อข้องใจที่มีต่อเอเลน เอเลนไม่จำเป็นต้องไปสู้กับใคร
ฉะนั้นแค่การเรียนศิลปะการป้องกันตัวพื้นฐานก็น่าจะพอแล้วนี่
เอเลนเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามอง
แววตามุ่งมั่นส่อแววเคียดแค้นนั้นทำเอาแจนสะดุ้งเฮือกไปวูบหนึ่ง
ความเคียดแค้นชิงชังมากมายนั้นมาจากไหนกัน?!
“ฉันน่ะ...ไม่ว่ายังไงก็มีคนที่ชาตินี้จะไม่มีวันลืม
ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้มันรู้สำนึกในสิ่งที่มันเคยกระทำและคลานมาคุกเข่าขอโทษแทบเท้าฉันให้ได้! พวกคนชั่วน่ะมันไม่สมควรอยู่บนโลกนี้!”
ประโยคนั้นดั่งคมมีดกรีดลึกลงในจิตใจ
คนชั่วที่เอเลนว่ามานั้นถ้าคิดให้ดีมันก็นับรวมพวกเขาด้วย ทั้งฆ่าคน ทั้งลักขโมย
ทั้งปล้นสะดม ทั้งข่มขืน รวมถึงการพนันทุกรูปแบบ มีพวกเขาก็เป็นคนครอบครองบงการอยู่เบื้องหลังเกือบทั้งนั้น
เรียกว่าชั่วโดยสมบูรณ์อย่างปฏิเสธไม่ได้ในสายตาของคนธรรมดา
พวกเขาเป็นมาเฟีย
เอเลนคงลืมไปแล้วแน่ๆว่ามาเฟียคือสิ่งที่ร้ายกาจแค่ไหน
ถึงได้พูดคำนั้นออกมาตรงหน้าคนชั่วอย่างเขาได้ง่ายดายนัก ช่างอ่อนหัด
วงจรความคิดของคนตรงหน้าช่างอ่อนหัดเกินไปแล้ว
ไอ้ความคิดที่แค่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้คนชั่วมาคุกเข่าต่อหน้าน่ะ สักวัน...มันจะเป็นห่วงผูกคอตัวเองและทำให้พังทลายลงอย่างง่ายดาย...เพราะคนชั่วน่ะ
มันมีแต่เล่ห์เหลี่ยมที่เด็กอ่อนหัดอย่างเอเลนไม่มีทางไล่ตามทันได้หรอกนะ
“งี่เง่าน่ะ
อย่างนายเนี่ยนะจะทำได้ โง่เกินคำบรรยาย”
“นายว่าไงนะไอ้บ้า!”
“ก็ฉันบอกว่านายมันโง่ไง
ไอ้บ้าที่รีบไปตาย! เฮอะ! ฉันไม่สอนการต่อสู้ให้นายแล้ว! ลาล่ะ บาย!”
แจนลุกขึ้นก้าวเดินออกไป
เอเลนเหลือกตาโตเท่าไข่ห่านคว้าหมับจับเข้าที่แขนเสื้อของแจนอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นๆ
“ปล่อยสิฟะ
ก็บอกว่าไม่สอนก็คือไม่สอน นายไม่ต้องมารั้งฉันไว้เลย”
“เดี๋ยวก่อนดิวะ
พาคนอื่นเข้ามากินอาหารในภัตตคารหรูแล้วหาข้ออ้างชิ่งหนีโดยไม่จ่ายตังเนี่ยนะ! จะให้บอกไหมว่าฉันไม่มีเงินนะโว้ย!” เอเลนตะโกนลั่นด้วยความหงุดหงิด
เรื่องที่ผิดคำพูดจะยกเลิกการฝึกศิลปะการต่อสู้กับเขานั้นเอาไว้ก่อน
แต่ที่สำคัญคือต้องให้ไอ้คนที่คิดจะกินแล้วหนีทิ้งเขาไว้คนเดียวรับผิดชอบในการจ่ายเงินค่าอาหารแพงหูฉี่!
“จ...จะพูดเสียงดังทำไมวะ
ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างรึไง!”
แจนเริ่มหน้าขึ้นสีเมื่อคนที่อยู่รอบข้างต่างพากันมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆแล้วพากันหันไปกระซิบกระซาบนินทาอย่างเสียงดังโดยไม่เกรงว่าคนโดนนินทาจะได้ยิน
“ว๊าย
ดูนั่นสิเธอ สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันเหรอ”
“ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ!”
“นี่
อีกคนหน้าไม่อาย กินแล้วชักดาบด้วยแหละคุณ สงสารเด็กน่ารักคนนั้นจัง”
“หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัดเลยอ่ะไอ้คนหัวทองหน้าม้านั่น”
และอีกหลายๆคำครหาที่ลอยเข้ามาในโสตปรสาทการรับรู้อย่างไม่หยุดหย่อน
ชายหนุ่มแทบจะมุดดินหนีควักกระเป๋าตังหยิบแบงค์พันขึ้นมาสามใบวางลงบนโต๊ะ
พร้อมกับเดินไปกระชากแขนเจ้าตัวการลากออกมาจากภัตตราคารหรูแห่งนั้นทันที
“นาย! จะพูดแบบนั้นทำไมหา! ฉันเสียหายนะเว้ย!”
“อ้าว
ก็นายอยากทิ้งฉันทำไมเล่า เงินก็ไม่ยอมจ่าย”
“วันหลังก็บอกมาดีๆสิวะ
ฉันก็แค่ลืม!”
“เฮอะ
ฉันก็นึกว่านายจะกินแล้วหนี ใครจะรู้กัน ฉันถือคติว่าด้านได้อายอด”
“นายนี่มันมัน...เฮ้อ!” แจนถึงกับกุมขมับเป็นรอบที่สองร้อยล้าน
การพูดคุยกับคนบ้าให้เข้าใจมันยากกว่าการพูดให้ลิงเข้าใจซะอีก
ถึงหน้าตาจะน่ารักแต่ก็ดื้อโคตร!
“แล้วการต่อสู้...”
“ได้ไง
ก็ตอนแรกนายบอกจะสอนฉันเองนี่ แล้วจะมาล้มเลิกกลางคันเนี่ยนะ!”
“เออ!”
“ชิ
ไอ้พวกไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้ามิคาสะกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะให้มิคาสะสอน!”
“ตามใจ...”
แจนกำลังจะพูดว่า ‘ตามใจนาย’ แต่เมื่อมาคิดดูให้ดีแล้วจะให้คนอื่นมาฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวคนร่างบางได้อย่างไรกัน
มิคาสะก็รูปงาม สุภาพบุรุษ เก่งการต่อสู้ยิ่งกว่าเขาซะอีก
นี่ถ้าให้หมอนั่นมาสอนเอเลนล่ะก็เขาต้องแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
อีกอย่างการสอนศิลปะการต่อสู้ให้เอเลนมันเป็นโอกาสที่ทำให้คนหัวดื้อว่าง่าย
ยอมเชื่อฟัง และพูดกับเขาดีๆโดยที่ไม่ค่อยทะเลาะกันอีกต่างหาก
...ง่ายต่อการทำแต้มที่ติดลบไปตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกให้กลายเป็นบวก...
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
เสียงตะโกนดังลั่นของเอเลนพร้อมร่างที่พุ่งเขาหาร่างสูงกว่า
ออกวาดลวดลายที่เพิ่งได้เรียนจากเป้าหมายที่กำลังซ้อมมือด้วย
“ชิ! ห...เหวอ!!” เอเลนสบทเล็กน้อย
แต่อยู่ดีๆกลับต้องเปลี่ยนเป็นร้องเสียงหลงเมื่อร้องเท้าแตะที่ใส่ทำให้เอเลนลื่นเหงื่อจนหงายหลัง
แจนตกใจวิ่งเข้าไปรับแต่กลับถูกเอเลนดึงให้ล้มตึงลงไปด้วยกันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ในตอนนี้ทั้งคู่ล้มอยู่ในท่าที่แจนนอนทับเอเลนอยู่ด้านบน
เสียงหอบหายใจดังเล็ดลอดออกมาจากทั้งคู่หลังจากตั้งสติได้ เอเลนรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นที่รองรับป้องกันแรงกระแทกจากพื้นกระเบื้อง
นี่แปลว่าเขาถูกแจนช่วยไว้สินะ ไม่เช่นนั้นหัวคงได้กระแทกพื้นจนแตกแน่ๆ
“ข...ขอบใจ”
เสียงพึมพำแผ่วเบาอย่างอายๆ
รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อต้องพูดขอบคุณให้กับคนที่คิดว่าไม่ถูกชะตาด้วย
กลิ่นหอมอ่อนๆแบบอบอุ่นจากตัวของคนที่มีอายุใกล้เคียงกันลอยมาแตะจมูก เอเลนเผลอซุกไซร้ใบหน้าเข้าแนบชิดอกแกร่งที่กำลังมีเสียงหัวใจเต้นระรัวดังราวกับกลองไร้จังหวะจะโคน
เสียงนี้นั้นมันทำให้ใจที่ว้าวุ่นของเอเลนสงบลง
“แจน”
เสียงที่มักจะเรียกชื่อเขาอย่างแข็งกระด้างตอนนี้มันกลับอ่อนลงเหมือนเป็นลูกอ้อน เจ้าของชื่อหน้าแดงซ่านเมื่อหลุบลงเห็นดวงตาหวานฉ่ำหายใจรวยรินอย่างต้องการบางสิ่งบางอย่าง
เอเลนสะบัดหัวไปมาด้วยความมึนงง สายตาพร่าเบลอแหงนมองดวงหน้าคมสันที่ดูแปลกไป
“แจน”
เรียกเสียงอ่อยอีกครั้งจนแจนสะดุ้ง จู่ๆคนดื้อดึงมาเรียกชื่อเขาแบบนี้ด้วยท่าทางที่เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนแบบนี้แล้วมัน...
“เอเลน
ฉันว่านายไปพักดีกว่านะ” แจนดึงตัวเอเลนให้ลุกขึ้นนั่ง ตบแก้มเบาๆเรียกสติ
เอเลนส่ายหัวเหมือนไม่อยากจะพักขยุ้มเสื้อแจนแน่นจนแกะไม่ออก แจนเริ่มเหงื่อตก
“แจน...มึนหัว
ฉันเป็นอะไร...”
“นาย...เป็น...เอ่อ...เป็น...เป็น...”
แจนพูดติดอ่าง จะให้บอกได้อย่างไรว่าอาการที่เอเลนเป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนอาการของคนที่กำลังมีอารมณ์จากการโดนยา
แต่ทั้งวันเอเลนก็อยู่แต่กับเขา ไม่น่าจะไปโดนที่ไหนได้ งั้นก็แสดงว่า...
แจนยกเสื้อขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมที่ติดเสื้อของตนเอง
สมองสั่งการประมวลผลอย่างรวดเร็ว สรรพคุณที่พนักงานขายเคยพูดกรอกหูให้ฟังแล่นซ้ำเข้ามาอีกรอบ
พอถึงตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกอยากจะทำอะไรคนในอ้อมแขนนี้บ้างแล้ว อยากจะจูบ
อยากจะลูบไล้ อยากจะประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้
ไม่ใช่ตอนที่เอเลนเต็มใจเพราะฤทธิ์ยา ไม่อยากฉุดดึงให้ตกต่ำลงมาในโคลนตม
และไม่อยาก...ถูกเขา...ถูกเอเลนเกลียด...
ร่างสูงกลั้นใจผลักคนหน้าแดงเพราะฤทธิ์กลิ่นน้ำหอมอันแสนแปลกประหลาดให้ออกห่าง
ยกขึ้นอุ้มพาดบ่าออกจากยิมบริการลูกค้าในโรงแรม
ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครมองเขาด้วยสายตาอย่างไรที่กำลังแบกผู้ชายด้วยกันไปแบบนี้
แต่ที่สำคัญคือต้องพาเอเลนกลับห้องให้ไวที่สุด
แจนตรงดิ่งขึ้นลิฟท์กดเลขชั้นห้าสิบเก้า
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกในชั้นจุดหมาย แทนที่แจนจะเลี้ยวซ้ายพาคนร่างบางไปส่งห้องของเอเลนเอง
กลับเลือกที่จะพาไปห้องของตัวเองในทางขวาแทน
ร่างของเอเลนถูกวางลงในอ่างหรูขนาดใหญ่
น้ำเย็นถูกเปิดให้ท่วมจนถึงคอของร่างระหงนั้น
แจนเลือกที่จะเดินออกมากดโทรศัพท์มือถือหาใครบางคนปล่อยให้เอเลนนอนหลับตาพริ้มแช่น้ำสบายใจอยู่อย่างนั้น
คนปลายสายรับโทรศัพท์โดยไม่ต้องให้เขารอนาน
“หัวหน้าเอลวิน
ผมแจน กิลชูไตน์ครับ”
[มีธุระอะไร]
“เขาแค่อาการเหมือนคนโดนยาปลุกครับ”
[ที่ไหน
รายงานมา]
“ขณะที่ผมกำลังฝึกการต่อสู้ให้กับเอเลนครับ
อยู่ดีเขาก็เกิดอาการนี้ขึ้นมา จากการสันนิษฐานของผมคาดว่าเป็นเพราะน้ำหอมที่ผมใช้ในวันนี้
ส่วนรายละเอียดอื่นๆเดี๋ยวผมจะขอเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวครับ”
แจนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม
เดินเข้าห้องน้ำเห็นคนตัวเล็กนั่งสัปหงกอยู่ในอ่างเสียอย่างนั้น
“ให้ตายสิ
หลับแบบนี้จะให้ทำไงดีวะเนี่ย”
แจนเอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มป่องเหมือนแก้มเด็กเล่นระบายความหมันเขี้ยวที่เก็บสั่งสมมายาวนาน
หน้าตาตอนหลับของเอเลนก็ไม่เลวเลยทีเดียว น่ารักจนอยากลักหลับ
เผลอคิดสิ่งอันตรายจึงรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น
ตัดสินใจดึงแก้มคนตัวเล็กแรงๆเพื่อปลุกให้ตื่น แต่ดูท่าว่ามันจะแรงไปจนเจ้าตัวเล็กร้องจ๊ากตื่นหันมางับนิ้วเขาทันที
และเป็นเขาล่ะทีนี้ที่จะต้องร้องเจี๊ยกแทน...
“นายทำอะไรฉันถึงได้เปียกน้ำแบบนี้หา!” ตื่นมาได้ก็โวยวายทันที จำได้ว่าเขาถูกแจนแบก
แล้วตื่นมาอีกทีกลับมาอยู่ในอ่างอาบน้ำซะงั้น แต่ว่า...ทำไมเขาถึงไม่ขัดขืนตอนแจนแบกเขามานะ
มันเพราะอะไร
เอเลนเก็บความสงสัยเอาไว้เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กถูกวางโปะลงบนหัวพร้อมกับคำเอื้อนเอ่ยบอกเวลาหนึ่งทุ่ม
ทำให้เจ้าตัวถึงกับผุดลุกขึ้นเลิกคิดสงสัยอะไรก็ตามทันที ขาสองข้างพากกันสับไกวิ่งแจ้นออกจากห้องของแจนไปยังห้องของตน
ก็จะอะไรซะอีกล่ะ...นี่มันก็ใกล้จะได้เวลาทำงานแล้วนี่ เขาไม่อยากโดนหักเงินเดือน!
“ไอ้บ้า
วิ่งไปแบบนั้นเดี๋ยวก็ลื่นล้มกันพอดี”
พูดไม่ทันขาดคำเสียงดังแผละตรงทางเดินเรียกความสนใจร่างสูงกว่าให้หันไปมอง
ปรากฏเป็นเอเลนลื่นล้มหน้าไถลพื้นเป็นเส้นตรงอย่างสวยงาม และเจ้าตัวก็ผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องตัวเองอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ
“งี่เง่า”
แต่ก็น่ารัก
“สวัสดีตอนค่ำครับหัวหน้าเอลวิน
หัวหน้ารีไว” ห้อง V.I.P. เดิมๆที่กลายเป็นแหล่งซ่องสุมแลกเปลี่ยนข้อมูลของมาเฟียกลุ่มนี้ไปโดยปริยาย
แจนโค้งตัวทักทายทั้งคู่เล็กน้อยแล้วเลือกนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามซึ่งมีมิคาสะและอาร์มินนั่งขนาบอยู่
“รายงานสถานการณ์ตอนเกิดเหตุมาสิ”
รีไวสั่ง
แจนหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าที่มีแก้วเหล้าและที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่
ของสิ่งนั้นมันคือขวดน้ำหอมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มขวด
และกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่คู่กัน แจนเปิดกระดาษแผ่นนั้นส่งให้กับหัวหน้าทั้งสองดู
“ครับ
น้ำหอม Phantom & Lover หรืออีกชื่อคือ คู่นอนลวงหลอก”
“ทำไมของแบนี้มันถึงอยู่ที่นายได้”
รีไวถาม
“เมื่อวันก่อนผมซื้อมันมาเพราะชอบกลิ่นของมัน
ตอนแรกที่ได้ฟังสรรพคุณจากพนักงานขายผมก็คิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องเกินจริงเท่านั้น
ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง
ไอ้สรรพคุณที่บอกว่าทำให้คนเกิดอารมณ์ได้เพราะน้ำหอมเนี่ย”
“แล้วเรื่องสำคัญที่คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้คืออะไร”
เอลวินกอดอกมองขวดน้ำหอมขวดนั้นอย่างไม่วางตา
ลางสังหรณ์ที่มีความแม่นยำสูงกำลังทำงาน ดูท่าว่าเจ้าน้ำหอมขวดนี้จะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว
“ผมคิดว่าน้ำหอมขวดนี้น่าจะมาจากเจ้าพวกนั้น
เพราะไม่นานมานี้ลูกน้องของผมได้ข่าวคราวมาว่าเจ้าพวกนั้นเริ่มขยายอำนาจเข้ามาใกล้เขตของเรามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ของที่พวกนั้นลักลอบเข้ามาขายในเขตเราตอนนี้อาจเป็นแค่น้ำหอมปลุกอารมณ์
แต่อีกหน่อยผมคาดว่าพวกนั้นต้องลักลอบค้ายาข้ามถิ่นอย่างแน่นอนเลยครับ”
“เจ้าพวกนั้นชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว
นายจะเอายังไง เอลวิน”
“ในที่สุดพวกมันก็โผล่หางออกมา
ปล่อยให้มันเริงร่าไปสักพัก แล้วทางเราจะค่อยๆตะล่อมล้อมมันไว้ทีละนิด รีไว...ครั้งนี้ฉันจะใช้หน่วยของนาย”
“ไม่มีปัญหา
ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกมันหลุดมือไปแม้แต่ตัวเดียว...”
อีกด้านหนึ่งภายในผับ
ชายผู้ครอบครองเรือนผมสีทองสว่างเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดสวยเป็นประกายวาวกล้านั่งหันหลังให้เคาเตอร์บาร์และหันหน้ามองเวที
เขาผู้นั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักธุรกิจ
ใบหน้าคมสวยหล่อเหลาเรียกสายตาจากคนรอบกายให้หันมาสนใจ แต่เขาก็มิได้ชายตาและมองคนเหล่านั้นสักเท่าไหร่นัก
เพราะในตอนนี้ดวงตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เด็กชายผมสีน้ำตาลสั้นคนหนึ่งบนเวที
...สวย...
...เซ็กซี่...
...เย้ายวน...
...น่ารัก...
คำจัดกัดความแค่สี่คำนี้คงไม่พอ
เพราะเขาไม่อาจละสายตาจากเด็กหนุ่มคนนั้นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
ในชีวิตนี้ของเขาไม่เคยมีใครที่จะสะกดสายตาของเขาให้หยุดลงมองได้นานขนาดนี้มาก่อน
ความรู้สึกหลงใหลเริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจ
และความรู้สึกอยากครอบครองกำลังจะตามมา
พลันเอื้อมมือคว้าพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้ตัวกระชากลากเข้ามาใกล้ เอื้อนเอ่ยถามสิ่งอยากรู้ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความมีอำนาจ
“เด็กคนนั้นบนเวที...ผู้ชายผมสีน้ำตาล
ตาสวยๆคนนั้น...”
“อ...อ๋อ
คือ...เด็กใหม่น่ะครับ ชื่อ เอเลน เยเกอร์ เพื่งเข้าทำงานได้สองวัน”
พนักงานหนุ่มตอบออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก แอบเหลือบมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสวยที่กำลังเหม่อลอยจ้องมองเอเลนอย่างไม่วางตา
พนักงานหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มมาดนักธุรกิจคนนี้กำลังตกหลุมเสน่หาของเด็กคนนั้นเขาให้แล้ว
เพราะไม่ได้มีแต่ชายหนุ่มคนนี้คนเดียวที่ถามถึงชื่อของเด็กคนนั้น ตั้งแต่เด็กคนนั้นขึ้นเวทีมาก็มีพนักงานหลายคนถูกลูกค้าดึงรั้งตัวเพื่อถามถึงชื่อของเด็กคนนั้น
และคำถามที่คนพวกนั้นมักจะถามในประโยคถัดมาก็คือ...
“เด็กคนนั้น...คิดคืนละเท่าไหร่”
และแน่นอนว่าประโยคเดิมๆที่ตอบออกจากปากของพนักงานหลายๆคนจะเป็นแค่คำว่า...
“เด็กคนนั้นเขาไม่ขายครับ”
“น่าเสียดายนะ”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”
พนักงานหนุ่มขออนุญาตปลีกตัวออกมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ
...ถ้าไม่ขายก็ฉุดเอาซะก็สิ้นเรื่อง!...
เสียงริงโทนโทรศัพท์ของชายหนุ่มมาดธุรกิจดังขึ้นขัดความคิดสนุกสนานของตัวเขาเอง
เขาหยิบมันขึ้นมากดรับโดยไม่ดูชื่อปลายสายคนโทรมา
“มีอะไร”
“นายมีอะไร
เบลทรูท”
[วันนี้เป็นวันประชุมแผนการสำคัญนะ]
“รู้! กำลังจะกลับ!” น้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับร่างที่ลุกขึ้นยืนวางสาบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อดังเดิม
สายตาเหลือบมองเด็กหนุ่มนามเอเลนป็นครั้งสุดท้าย
“แล้วเจอกันเด็กน้อย
ฉันจะมารับตัวนายไปวันหลังก็แล้วกัน เอเลน เยเกอร์!”
++++++++++++++++++++++++ จบจอนที่ 4
รูทแจนเอตอนแรกตั้งใจจะแต่งให้รั่วและเซอร์วิสกว่านี้ ไปๆมาๆไหงเป็นแบบนี้ได้น้อ ช่วงนี้หื่นไม่ขึ้นจริงๆ
รูทหน้าใครดี อาร์มินเอลน,ฮันซี่เอเลน =.=;; แหะๆ ชักเลือกไม่ถูก
ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังโดนจิ๊กซอว์พันชิ้นที่ซื้อมาจากงานหนังสือเล่นงาน กุมขมับ รู้สึกชิ้นส่วนหาย โฮ ม่ายยยยย TOT SAD แต่ก็ยังต่อไม่เสร็จ ต่อยากมากมายค่ะ 555
อ่านคอมเม้นต์ตอนก่อนแล้วถึงกับยิ้มเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก >_<!
ตอนนี้ข้าน้อยกำลังลั้ลลากับคลังฟิคของตัวเองที่ได้คืนมาจากคอมพิวเตอร์เก่า ตอนแรกนึกว่าจะหายซะแล้ว แทบร้องไห้ ทั้งฟิคบลีช ฟิคดีเกร์ยแมน ฟิคการิน ฟิคเจ้าชายลูกสักหลาด ฟิคคุโรโกะโนะบาสเก็ต ฟิครีบอร์น ฟิคโวคาลอยด์ ฟิคโคนัน ฟิคโทไกนุโนะจิ และนิยายวายออริอีกนิดหน่อย แต่จะมีใครเชื่อใหมว่าแต่งไม่เสร็จสักเรื่องน่ะ อุโฮะ!
หลังจากนั่งรอมานาน ในที่สุดความอดทนก็สำฤทธิ์ผล!!!~ ฟินนาเล่เลยเจ้าคะ!~
ตอบลบและหลังจากนั่งตามหามานาน นอกจากรูปแฟนอาร์ตกับโดจินสั้นในเว็บ...ไรหว่า ถ้าจำไม่ผิด pixiv ...มั้งนะเจ้าคะ...แถมญี่ปุ่นยันจีนล้วน...บอกตามตรงว่าอ่านไม่ออก!!!!~ คนแปลก็ไม่มี นอกจากคู่รีไวล์กับเอเลน คู่แจนกับเอเลนก็หายากอยู่นะถ้าไม่นับคุณมิดไนท์-Sama แปล คนอื่นอทบไม่คิดถึงนอกจากโดของอาเฮียรีไวล์กับเอเลน ฟันธงได้เลยว่าเว็บแทบทั้งหมดในประเทศไทยนั้นมีแต่รีไวล์เอเลน!!!(ซึ่งเราก็อวยมากๆอะนะ แต่ส่วนใหญ่ allerenจ้า) เพราะฉะนั้นคู่อื่นจึงเกิดยากมากๆ!!!! (คู่ All Eren ก็หายากนะ มันทรมานกับคนอวย All Eren แบบเรามากเลยเจ้าคะ เลยต้องไปลงเอบกับรีไวล์เอเลนเป็นส่วนใหญ่ แถมฟิค all ที่ลงเอยแบบทุกๆคนได้เคะหมดก็หายาก...แทบกระอักเลือดเลยล่ะเจ้าคะกับการหาฟิคที่ต้องการอะนะ) แต่ที่พล่ามๆมายาวนี่คือจะบอกว่า...ขอบคุณหลายๆที่แต่งฟิคเรื่องนี่นะเจ้าคะ!!!~ ขอบคุณที่มาแต่งต่อและ...ขอบคุณที่อุตส่าห์เอาแอนนี่มาร่วมวงนะเจ้าคะ!!!~(ฟินนาเล่ X2!!!!~)...แล้วมาอัพต่ออีกเร็วๆนะเจ้าคะ~ ^w^ ~
แอนนี่ แอนนี๊....... จบท้ายด้ายแอนนี่ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก มันส์ล่ะทีนี้ เปิดตัวเสือชีต้าตัวใหม่ แค่เห็นครั้งแรกก็กะดักฉุดซะแล้ว สมสโลแกนนะค่ะ มาเฟียรัก .........^___^~♥
ตอบลบแอร้ยยยยยย ฟิน >< แต่ แอนนี่เธอมัน มัน....... จะรออ่านตินต่อไปนะค้า ^____^
ตอบลบอั้ยย่ะ ตอนนี้อยู่ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแลนด์แล้ว >///<
ตอบลบน่าร้ากกกกกมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่ตอนที่เอเลนอ้อนแจนน่ะ -.,- เลือดกำเดาพุ่ง
แล้วยังจบด้วยแอนี่อีก ฮิ้ววว หนูแอนจะฉุดหนูเอหรอค้าาาาาา *.*
มันสุดๆ จริงๆค่ะ สู้ๆนะคะจะรอตอนต่อ
แอนนี่ > < //เอนเอียงไปทางแอนนี่ ทำไมโผล่มาหล่อจังงงงงงงงงงง
ตอบลบแจนนี่ เป็นสุภาพบุรุษกับเอเลนเลย เกิดเป็นแจนต้องอดทน ! โดนใครมาชนต้องไม่ตาย !!
สนุก สนุก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุ้มค่าที่รอมากๆเลย ขอบคุณน่ะ
ตอบลบจะรอตอนต่อไป
มาต่อเร็วๆน้าาาาา~
ตอบลบอยากอ่านอีกๆๆๆ ^ ^ ~♡
มาต่อเร็วๆสิเจ้าค้าาารออยู่ *_*
ตอบลบแอนนี่!!!โผล่มาตอนท้ายๆอยากรุจังว่าจะเปนยังไงต่อ ต่อเร็วๆนะคะ
ตอบลบแง่งงงงแง่งงงงงง ไม่กลับมาต่อแล้วหรอรอมาหลายปีแย้วนะ แงงงงงงงงงง;---;
ตอบลบโอ้วว เปิดตัวฝั่งนั้นแล้วสินะ
ตอบลบ